สกู๊ปหน้า1…ภาค5ปลื้มผลงาน “Police Eye”

(1) จากการที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการขอความร่วมมือประชาชน หรือสถานประกอบการช่วยติดตั้งกล้องวงจรปิดหน้าบ้านเรือน หรือหน้าสถานประกอบการ เพื่อจับภาพรถที่สัญจรไปมาบนท้องถนน เป็นการดูแลความปลอดภัยให้แก่พื้นที่สาธารณะ หรือสังคม เนื่องจากหากมีเหตุการณ์หรืออาชญากรรมเกิดขึ้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะสามารถใช้เป็นเบาะแสในการติดตามคนร้ายได้ และทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่รวดเร็วขึ้น ซึ่งจะสามารถช่วยลดอาชญากรรมลงได้

ซึ่งที่ผ่านมา การดำเนินโครงการดังกล่าวพบว่ามีประสิทธิภาพและช่วยเหลือทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในการติดตามเบาะแสดำเนินคดีกับคนร้ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างเช่นคดีล่าสุด ที่คนร้ายก่อเหตุ ถีบรถจักรยานยนต์ผู้เสียหายที่เป็นเพศหญิงไม่ว่าแก่และวัยรุ่น เพื่อประทุษร้ายเพื่อข่มขืนและชิงทรัพย์เหยื่อ ที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวคนร้ายและนำมาแถลงข่าว เมื่อวันที่ 23 พ.ค.59 ที่ผ่านมา จนกลายเป็นข่าวตีแผ่ภัยสังคมไปแล้วนั้น

พล.ต.ต.ปชา รัตนพันธ์ รอง ผบช.ภาค 5 เปิดเผยถึงการดำเนินโครงการว่า “Police Eye” ว่า สำหรับโครงการนี้เป็นโครงการที่ได้ดำเนินการตามนโยบายของทาง พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ผบช.ภาค 5 ที่ได้สั่งการให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 5 ไปขอความร่วมมือกับทางพี่น้องประชาชนในการช่วยหันกล้องวงจรปิดที่ประชาชนมีอยู่แล้วตามบ้าน หรือสถานที่ประกอบการต่างๆ อาทิเช่น ร้านทอง ปั๊มน้ำมัน ร้านสะดวกซื้อ เป็นต้น ได้ช่วยหันกล้องที่ติดตั้งอยู่ซัก 1 ตัว มาที่ท้องถนนสาธารณะ เพื่อที่ว่าเมื่อเกิดคดี หรือเหตุการณ์ต่างๆ ก็จะสามารถติดตามคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว โดยที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 5 สามารถดำเนินการจับกุมคนร้ายจากการได้รับความร่วมมือของประชาชนในโครงการนี้มาแล้วหลายคดีมาก

โดยโครงการ “Police Eye” นั้นได้มีการสั่งการให้ทุกโรงพัก ทุกจังหวัด รวมทั้งหมด 153 โรงพัก ได้ขอความร่วมมือกับทางผู้ประกอบการ จากนั้นก็จะมีการทำแผนที่หรือที่เรียกว่า cctv map เก็บไว้ที่โรงพัก และส่งมาที่ตำรวจภูธรภาค 5 ซึ่งจำนวน 153 โรงพักนั้น มีกล้องอยู่จำนวนทั้งสิ้น 5,454 ตัว ที่เข้าร่วมในโครงการนี้โดยเฉพาะในเชียงใหม่ โรงพักทั้ง 4 มุมเมือง มีผู้เข้าร่วมโครงการถึง 841ตัว หรือ 841 จุด ที่เข้าร่วมโครงการนี้ นอกจากนี้ยังจะมีเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ได้มีการรณรงค์โดยการเข้าไปขอความร่วมมือกับประชาชน ผู้ประกอบการต่างๆ อาทิ ในพื้นที่ถนนสายนิมมานเหมินท์ ก็ได้มีการลงไปขอความร่วมมือ และที่บริเวณกาดหลวง หรือ ตลาดวโรรส และครั้งล่าสุดได้มีการลงพื้นที่รณรงค์ที่ตลาดสันป่าข่อย ซึ่งผลปรากฎว่ามีการตอบรับเป็นอย่างดี

(2)

สำหรับสถานที่หรือผู้ที่เข้าร่วมโครงการก็จะมีสติกเกอร์ติดไว้ที่บริเวณด้านหน้าบ้าน หรือร้าน เขียนว่า “Police Eye” ซึ่งตรงจุดนี้ นอกจากให้คนรู้ว่าสถานประกอบการหรือบ้านหลังนี้เข้าร่วมโครงการแล้ว เพื่อเป็นการป้องกันการก่อเหตุ ซึ่งเมื่อคนร้ายเห็นสัญลักษณ์ดังกล่าวก็อาจเกิดการยับยั้งชั่งใจไม่กล้ากระทำความผิด หรือเมื่อมีการกระทำความผิดแล้ว คนร้ายใช้เส้นทางดังกล่าวหลบหนีก็เป็นประโยชน์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสืบสวน โดยดูจากกล้องไล่ไปตามจุดต่างๆ ที่ระบุในแผนที่ cctv map ที่ได้ให้ทางทุกโรงพักทำไว้ เพื่อตรวจสอบเส้นทางที่คนร้ายหลบหนี โดยเริ่มจากจุดเกิดเหตุไล่มาตามเส้นทางหลบหนี ซึ่งกล้องบางตัวความเร็วหรือความคมชัดนั้นอาจจะไม่เท่ากัน แต่ก็ไม่เป็นไรซึ่งก็สามารถเป็นเบาะแสที่จะตามจับกุมตัวคนร้ายได้

รอง ผบช.ภาค 5 กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการจับกุมคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุตามสถานที่ต่างๆ ที่ได้รับความร่วมมือจากกล้องของประชาชนจำนวนมาก ยกตัวอย่างเคสคนร้ายลงมือก่อเหตุชิงทรัพย์ที่ธนาคารธนชาติ ถนนสายนิมมานเหมินท์ ซึ่งเมื่อคนร้ายออกจากธนาคารมานั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งตามจุดต่างๆ จนกระทั่งทราบว่าคนร้ายได้หลบหนีออกมาทางถนนสายศิริมังคลาจารย์ ซึ่งจากกรณีดังกล่าวทางเจ้าหน้าที่นั้น ไม่ทราบเบาะแสรายละเอียดคนร้ายแต่อย่างใด รู้เพียงเส้นทางหลบหนี แต่ปรากฎว่ามีอาคาร อพาร์ทเม้นอยู่หลังหนึ่งที่ได้เข้าร่วมโครงการ “Police Eye” ทำให้เห็นคนร้าย และได้ติดตามมาจนพบกล้องที่ติดบริเวณบ้านประชาชนซึ่งทราบว่าเป็นหมออีกหลัง โดยกล้องตัวนั้นมีความคมชัดมาก และเห็นรูปพรรณ ตำหนิคนร้ายอย่างชัดเจน ทำให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถแกะรอยและสามารถจับกุมคนร้ายได้ภายใน 48 ชั่วโมง พร้อมทั้งของกลางที่คนร้ายก่อเหตุคืนมาได้ในที่สุด

อย่างไรก็ตามอยากฝากถึงประชาชนว่า หากบ้านหลังใดที่ติดตั้งกล้องวงจรปิดก็ขอความเสียสละกล้องที่ติดตั้งอยู่ซัก 1 ตัว หันออกมาทางที่สาธารณะ หรือทางท้องถนนก็จะเป็นการช่วยเหลือทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในการติดตามจับกุมคนร้ายได้ ส่วนวิธีการเข้าร่วมโครงการก็สามารถเข้าไปสมัครหรือยื่นความจำนงได้ที่ทุกสถานีตำรวจ โดยแจ้งว่าต้องการเข้าร่วมโครงการ “Police Eye” จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะทำการกรอกข้อมูลแล้วทำการบันทึกไว้ใน cctv map เพื่อบันทึกผู้เข้าร่วมโครงการซึ่งจะเป็นประโยชน์เมื่อมีการก่อเหตุที่คนร้ายใช้เป็นเส้นทางในการหลบหนี ซึ่งจะเป็นเบาะแสให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในการติดตามจับกุมตัวคนร้าย

ร่วมแสดงความคิดเห็น