บุกทต.ช้างเผือก ค้นหลักฐาน บิดเบือน รธน. จ่อหมายจับอีกเพียบ เคลียร์ในสัปดาห์นี้ รองนายกอบจ.ชม. ส.ส.ดังย่องมอบตัว ยันมีเจตนาบริสุทธิ์

3ตำรวจเตรียมขอหมายจับขบวนการบิดเบือนร่าง รธน. อีกอย่างน้อย 10 คน ในสัปดาห์นี้ พร้อมตั้งกรรมการสอบนักการเมือง ข้าราชการท้องถิ่นที่มีส่วนพัวพัน ด้านรองนายก อบจ.เชียงใหม่ อดีตสส.เชียงใหม่ ย่องพบตำรวจหลังถูกโยงในขบวนการ ยอมรับสั่งลูกน้องจดหมายให้ประชาชนจริง แต่ยืนยันเนื้อหาไม่มีบิดเบือน ไม่ผิด พรบ. ขณะที่ตำรวจทหารบุกค้นเทศบาลช้างเผือก เพื่อหาหลักฐานสำคัญ

จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมกันจับกุมตัว นายวิศรุต คุณะนิติสาร พนักงานเทศบาลตำบลช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ คนสนิทของนักการเมืองท้องถิ่น และนายสามารถ ขวัญชัย ซึ่งให้การรับสารภาพว่า ได้รับการสั่งการจากเครือข่ายผู้มีความเกี่ยวข้องทางการเมืองให้ไปดำเนินการแจกใบปลิวต่อต้านการออกเสียงประชามติ และจดหมายบิดเบือนร่างรัฐธรรมนูญ (รธน.) ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองได้นำกำลังเข้าบุกค้นใน 10 จุดที่จังหวัดเชียงใหม่และลำพูน ซึ่งเป็นที่ตั้งของธุรกิจตระกูลนักการเมืองชื่อดังในจังหวัดเชียงใหม่ ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 25 ก.ค.59ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงใหม่ นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียใหม่ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ดอกไม้ 65 ล้าน บานสะพรั่งประจำจังหวัดเชียงใหม่ ในการรรงค์ให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิ์ออกเสียงลงประชามติในวันที่ 7 ส.ค. นี้ โดยมี พล.ต.โกศล ปทุมชาติ ผบ.มทบ.33 พล.ต.ต.มนตรี สัมบุญณานนท์ ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พร้อมด้วยตัวแทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้อเข้าร่วมรายงานความคืบหน้า

นายปวิณ ชำนิประศาสตร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียใหม่ เปิดเผยว่าสำหรับมาตรการรณรงค์ตลอดช่วงที่ผ่านมาจะทำให้คนเชียงใหม่ตื่นตัวออกไปใช้สิทธิ์ได้ตามเป้าที่วางไว้คือร้อยละ 80 ของผู้มีสิทธิ์ออกเสียงทั้งหมด ขณะที่ กกต.มีความพร้อมเต็มที่ในการจัดการออกเสียงประชามติ ส่วนความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดที่มีการแจกจ่ายจดหมายบิดเบือดร่างรัฐธรรมนูญและแจกใบปลิวต่อต่าน ตาม พรบ.ประชามตินั้นตนเองได้ตั้งรองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่มาเป็นหัวหน้าคณะกรรมการสอบสวนโดยให้สอบสวนสององค์กรณ์ใหญ่ในจังหวัดเชียงใหม่ คือองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ และเทศบาลตำบลช้างเผือก ตามที่ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมตัวได้ให้การซัดถอด โดยเราจะสอบสวนโดยให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

ด้านพล.ต.ต.มนตรี สัมบุญณานนท์ ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ เปิดเผยว่าหลังจากที่ก่อนหน้านี้มีการจับกุมผู้ต้องหาไปแล้วสองรายซึ่งผู้ต้องหาทั้งสองคนก็ให้การมีประโยชน์มีขบวนการเชือมโยง และเป็นแก๊งเครือข่ายมีผู้สั่งการคนเดียวกัน โดยมีผู้เกี่ยวข้องในคดีนี้อีกหลายคนและเรากำลังรอหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ และหลักฐานจากพยานแวดล้อม และจะออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องในคดีนี้อีกอย่างน้อย 10 คนซึ่งอาจจะมีนักการเมือง คนสนิท อยู่ในการออกหมายจับครั้งนี้ด้วยโดยภายในสัปดาห์นี้เชื่อว่าจะสามารถออกหมายจับทั้งหมดได้

ต่อมาเวลา 12.00 น.ทางเจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจ รวมถึงฝ่ายปกครองได้นำกำลังกว่า 30 นายบุกเข้าค้นที่ทำการเทศบาลตำบลช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ โดยเน้นตรวจสอบในคอมพิวเตอร์ของเทศบาล ที่ผู้ต้องหาให้การว่าใช้คอมในเทศบาลในการพิมพ์ข้อความบิดเบื้อนร่างรัฐธรรมนูญ โดยจากการตรวจสอบไม่พบหลักฐานใดๆเพราะมีคนลบข้อมูลต่างๆทิ้งไปหมดแล้ว โดยเจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวนักศึกษาฝึกงานของเทศบาลจำนวน 3 คนไปสอบสวนเพราะเป็นคนลบข้อมูลดังกล่าวทิ้งไป

ต่อมาเวลา 14.30 น.ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 นางสาวทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ( อดีต สส.เขต 1 พรรคเพื่อไทย จ.เชียงใหม่ ) พร้อมด้วยทนายความ เดินทางเข้าพบ พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เพื่อขอทราบข้อมูลหลังมีผู้ต้องหาถูกจับกุมในความผิด พรบ.ประชามติ และถูกเชื่อมโยงว่าตนเองมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการส่งจดหมายและใบปลิวบิดเบือนร่างรัฐธรรมนูญและมีเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้าตรวจค้นที่บ้านพัก

โดยนางสาวทัศนีย์ เปิดเผยว่าสำหรับนายวิศรุต คุณะนิติสาร พนักงานเทศบาลตำบลช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่หนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมเป็นอดีตลูกน้องที่ยังติดต่อกันอยู่ ปัจจุบันทำงานอยู่ที่เทศบาลตำบลช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ แต่ยืนยันว่าตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับจดหมายบิดเบือนที่ถูกส่งและตรวจยึดได้ การเดินทางมาขอทราบข้อมูลในวันนี้ก็ เพราะการนำเสนอของสื่อและการเข้าตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ ทุกอย่างพุ่งเป้ามาที่ตนเอง และในวันนี้หากพนักงานสอบสวนจะเห็นว่าตนเองทำผิด พรบ.ประชามติ ก็พร้อมจะมอบตัวและขอประกันตัวเพื่อต่อสู้คดีแสดงความบริสุทธิ์ โดยหลังจากมีกระแสข่าวออกไป ทางนายบุญลิศ บูรณุปกรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ผู้เป็นอา ที่เดินทางไปประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อช่วงต้นเดือนก็เป็นการลาล่วงหน้าเมื่อ 3 เดือนก่อนเพื่อไปเยี่ยมบุตรสาว ซึ่งนายบุญเลิศ ก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน อยากให้ทุกคนมองความจริงให้ออก โดยตนเชื่อว่าอาจจะมีอะไรอยู่เบื้องหลัง เพราะของที่เจอในร้านทัศนาภรณ์ ก็เจอแค่ซองจดหมาย ซึ่งตนก็เคยให้คนส่งจดหมายให้คนอื่นแต่ข้างในไม่ใช่จดหมายบิดเบือนร่างรัฐธรรมนูญ

ด้านนายจำนง ไชยมงคล ทนายความของนางสาวทัศนีย์ เปิดเผยว่าการส่งจดหมายที่เกิดขึ้นก็ยอมรับว่านางทัศนีย์ เป็นผู้สั่งให้มีการส่งจดหมายไปให้กับประชาชนในพื้นที่ แต่ยืนยันว่าเนื้อหาในจดหมายที่ส่งไปไม่เป็นการบิดเบือนหรือผิด พรบ.ประชามติ แต่เป็นสิทธิ์ในฐานะประชาชนและอดีต สส.ที่จะมีการแสดงความเห็นเกี่ยวกับเนื้อหาในร่างรัฐธรรมนูญ ที่สำคัญก็คือข้อความที่พบในจดหมายที่ถูกเชื่อมโยงมาถึงนางสาวทัศนีย์ ไม่มีใครบอกได้ว่าผิดหรือไม่ผิด เช่นเดียวกับซองจดหมายที่ไปตรวจพบในบ้านของนางสาวทัศนีย์ก็เป็นเพียงซองจดหมายที่มั่นใจว่าจะไม่ผิด พรบ.ประชามติ แต่หากถูกแจ้งข้อหานางทัศนีย์ ก็จะเข้ามามอบตัวด้วยตัวเอง พร้อมต่อสู้แสดงความบริสุทธิ์

ร่วมแสดงความคิดเห็น