ตำรวจเตรียมขอหมายจับขบวนการบิดเบือนร่าง รธน. อีกอย่างน้อย 10 คน ในสัปดาห์นี้ พร้อมตั้งกรรมการสอบนักการเมือง ข้าราชการท้องถิ่นที่มีส่วนพัวพัน ด้านรองนายก อบจ.เชียงใหม่ อดีตสส.เชียงใหม่ ย่องพบตำรวจหลังถูกโยงในขบวนการ ยอมรับสั่งลูกน้องจดหมายให้ประชาชนจริง แต่ยืนยันเนื้อหาไม่มีบิดเบือน ไม่ผิด พรบ. ขณะที่ตำรวจทหารบุกค้นเทศบาลช้างเผือก เพื่อหาหลักฐานสำคัญ
จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมกันจับกุมตัว นายวิศรุต คุณะนิติสาร พนักงานเทศบาลตำบลช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ คนสนิทของนักการเมืองท้องถิ่น และนายสามารถ ขวัญชัย ซึ่งให้การรับสารภาพว่า ได้รับการสั่งการจากเครือข่ายผู้มีความเกี่ยวข้องทางการเมืองให้ไปดำเนินการแจกใบปลิวต่อต้านการออกเสียงประชามติ และจดหมายบิดเบือนร่างรัฐธรรมนูญ (รธน.) ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองได้นำกำลังเข้าบุกค้นใน 10 จุดที่จังหวัดเชียงใหม่และลำพูน ซึ่งเป็นที่ตั้งของธุรกิจตระกูลนักการเมืองชื่อดังในจังหวัดเชียงใหม่ ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 25 ก.ค.59ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเชียงใหม่ นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียใหม่ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ดอกไม้ 65 ล้าน บานสะพรั่งประจำจังหวัดเชียงใหม่ ในการรรงค์ให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิ์ออกเสียงลงประชามติในวันที่ 7 ส.ค. นี้ โดยมี พล.ต.โกศล ปทุมชาติ ผบ.มทบ.33 พล.ต.ต.มนตรี สัมบุญณานนท์ ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พร้อมด้วยตัวแทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้อเข้าร่วมรายงานความคืบหน้า
นายปวิณ ชำนิประศาสตร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียใหม่ เปิดเผยว่าสำหรับมาตรการรณรงค์ตลอดช่วงที่ผ่านมาจะทำให้คนเชียงใหม่ตื่นตัวออกไปใช้สิทธิ์ได้ตามเป้าที่วางไว้คือร้อยละ 80 ของผู้มีสิทธิ์ออกเสียงทั้งหมด ขณะที่ กกต.มีความพร้อมเต็มที่ในการจัดการออกเสียงประชามติ ส่วนความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดที่มีการแจกจ่ายจดหมายบิดเบือดร่างรัฐธรรมนูญและแจกใบปลิวต่อต่าน ตาม พรบ.ประชามตินั้นตนเองได้ตั้งรองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่มาเป็นหัวหน้าคณะกรรมการสอบสวนโดยให้สอบสวนสององค์กรณ์ใหญ่ในจังหวัดเชียงใหม่ คือองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ และเทศบาลตำบลช้างเผือก ตามที่ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมตัวได้ให้การซัดถอด โดยเราจะสอบสวนโดยให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ด้านพล.ต.ต.มนตรี สัมบุญณานนท์ ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ เปิดเผยว่าหลังจากที่ก่อนหน้านี้มีการจับกุมผู้ต้องหาไปแล้วสองรายซึ่งผู้ต้องหาทั้งสองคนก็ให้การมีประโยชน์มีขบวนการเชือมโยง และเป็นแก๊งเครือข่ายมีผู้สั่งการคนเดียวกัน โดยมีผู้เกี่ยวข้องในคดีนี้อีกหลายคนและเรากำลังรอหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ และหลักฐานจากพยานแวดล้อม และจะออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องในคดีนี้อีกอย่างน้อย 10 คนซึ่งอาจจะมีนักการเมือง คนสนิท อยู่ในการออกหมายจับครั้งนี้ด้วยโดยภายในสัปดาห์นี้เชื่อว่าจะสามารถออกหมายจับทั้งหมดได้
ต่อมาเวลา 12.00 น.ทางเจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจ รวมถึงฝ่ายปกครองได้นำกำลังกว่า 30 นายบุกเข้าค้นที่ทำการเทศบาลตำบลช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ โดยเน้นตรวจสอบในคอมพิวเตอร์ของเทศบาล ที่ผู้ต้องหาให้การว่าใช้คอมในเทศบาลในการพิมพ์ข้อความบิดเบื้อนร่างรัฐธรรมนูญ โดยจากการตรวจสอบไม่พบหลักฐานใดๆเพราะมีคนลบข้อมูลต่างๆทิ้งไปหมดแล้ว โดยเจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวนักศึกษาฝึกงานของเทศบาลจำนวน 3 คนไปสอบสวนเพราะเป็นคนลบข้อมูลดังกล่าวทิ้งไป
ต่อมาเวลา 14.30 น.ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 นางสาวทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ( อดีต สส.เขต 1 พรรคเพื่อไทย จ.เชียงใหม่ ) พร้อมด้วยทนายความ เดินทางเข้าพบ พล.ต.ท.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เพื่อขอทราบข้อมูลหลังมีผู้ต้องหาถูกจับกุมในความผิด พรบ.ประชามติ และถูกเชื่อมโยงว่าตนเองมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการส่งจดหมายและใบปลิวบิดเบือนร่างรัฐธรรมนูญและมีเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้าตรวจค้นที่บ้านพัก
โดยนางสาวทัศนีย์ เปิดเผยว่าสำหรับนายวิศรุต คุณะนิติสาร พนักงานเทศบาลตำบลช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่หนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมเป็นอดีตลูกน้องที่ยังติดต่อกันอยู่ ปัจจุบันทำงานอยู่ที่เทศบาลตำบลช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ แต่ยืนยันว่าตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับจดหมายบิดเบือนที่ถูกส่งและตรวจยึดได้ การเดินทางมาขอทราบข้อมูลในวันนี้ก็ เพราะการนำเสนอของสื่อและการเข้าตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ ทุกอย่างพุ่งเป้ามาที่ตนเอง และในวันนี้หากพนักงานสอบสวนจะเห็นว่าตนเองทำผิด พรบ.ประชามติ ก็พร้อมจะมอบตัวและขอประกันตัวเพื่อต่อสู้คดีแสดงความบริสุทธิ์ โดยหลังจากมีกระแสข่าวออกไป ทางนายบุญลิศ บูรณุปกรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ผู้เป็นอา ที่เดินทางไปประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อช่วงต้นเดือนก็เป็นการลาล่วงหน้าเมื่อ 3 เดือนก่อนเพื่อไปเยี่ยมบุตรสาว ซึ่งนายบุญเลิศ ก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน อยากให้ทุกคนมองความจริงให้ออก โดยตนเชื่อว่าอาจจะมีอะไรอยู่เบื้องหลัง เพราะของที่เจอในร้านทัศนาภรณ์ ก็เจอแค่ซองจดหมาย ซึ่งตนก็เคยให้คนส่งจดหมายให้คนอื่นแต่ข้างในไม่ใช่จดหมายบิดเบือนร่างรัฐธรรมนูญ
ด้านนายจำนง ไชยมงคล ทนายความของนางสาวทัศนีย์ เปิดเผยว่าการส่งจดหมายที่เกิดขึ้นก็ยอมรับว่านางทัศนีย์ เป็นผู้สั่งให้มีการส่งจดหมายไปให้กับประชาชนในพื้นที่ แต่ยืนยันว่าเนื้อหาในจดหมายที่ส่งไปไม่เป็นการบิดเบือนหรือผิด พรบ.ประชามติ แต่เป็นสิทธิ์ในฐานะประชาชนและอดีต สส.ที่จะมีการแสดงความเห็นเกี่ยวกับเนื้อหาในร่างรัฐธรรมนูญ ที่สำคัญก็คือข้อความที่พบในจดหมายที่ถูกเชื่อมโยงมาถึงนางสาวทัศนีย์ ไม่มีใครบอกได้ว่าผิดหรือไม่ผิด เช่นเดียวกับซองจดหมายที่ไปตรวจพบในบ้านของนางสาวทัศนีย์ก็เป็นเพียงซองจดหมายที่มั่นใจว่าจะไม่ผิด พรบ.ประชามติ แต่หากถูกแจ้งข้อหานางทัศนีย์ ก็จะเข้ามามอบตัวด้วยตัวเอง พร้อมต่อสู้แสดงความบริสุทธิ์
ร่วมแสดงความคิดเห็น