พบวัตถุต้องสงสัยวางทิ้งไว้หน้าโรงเรียน ใจกลางตัวเมืองเชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจและชุดกู้ระเบิดรุดเข้าตรวจสอบกลางดึก พร้อมใช้ water bomb ทำลายวัตถุเพื่อความปลอดภัย สุดท้ายพบเพียงหลอดไฟแอลอีดี คาดประชาชนวางทิ้งไว้ แต่เพื่อความไม่ประมาทหวั่นเกิดความไม่ปลอดภัยในชุมชน
เหตุพบวัตถุต้องสงสัยครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อช่วงกลางดึกเวลาประมาณ 01.30 น. วันที่ 18 ส.ค.59 โดยทาง ร.ต.อ.วิชเยนทร์ วงษ์เทพ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองเชียงใหม่ ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุว่า พบวัตถุต้องสงสัยถูกวางทิ้งไว้ บริเวณด้านหน้าโรงเรียนเรยีนาเชลีวิทยาลัย ถ.เจริญประะเทศ ต.ช้างคลาน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ หลังทราบเรื่องจึงได้รุดไปตรวจสอบ พร้อมทั้งได้ประสานไปยังทีมเจ้าหน้าที่เก็บกู้ระเบิด EOD บก.สส.ภ.5 ให้นำทีมเก็บกู้มาทำการตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยดังกล่าวตามที่ได้รับแจ้งมา
โดยต่อมาเมื่อทางชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาถึงยังที่เกิดเหตุ พบวัตุถุต้องสงสัยเป็น กล่องพลาสติกใสสี่เหลี่ยมจตุรัสขนาด 5 นิ้ว อยู่ในถุงผ้า วางไว้บนม้านั่งศาลาที่พักผู้โดยสารหน้าโรงเรียน ทางเจ้าหน้าที่เกรงว่าวัตถุดังกล่าวจะเป็นอันตราย จึงได้ทำการกั้นพื้นที่ จนกระทั่งทางเจ้าหน้าที่เก็บกู้ระเบิด EOD บก.สส.ภ.5 ได้เดินทางมาถึงที่เกิดเหตุพร้อมทั้งได้ทำการส่งเจ้าหน้าที่เก็บกู้สวมใส่ชุดป้องกันแล้ว เข้าไปทำการตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนที่จะใช้ water bomb ทำลายวัตถุดังกล่าวเพื่อความปลอดภัย จนกระทั่งมั่นใจแล้วว่าบริเวณดังกล่าวปลอดภัยจึงได้เข้าไปดูวัตถุต้องสงสัยอีกครั้ง ซึ่งผลปรากฎว่า ภายในถุงผ้าดังกล่าวพบเพียงหลอดไฟแอลอีดี อยู่ภายในถุง และไม่พบชิ้นส่วนใดที่เป็น องค์ประกอบในการทำระเบิดแสวงเครื่อง และจากการสอบถามไม่มีผู้ใดททราบว่าของวัตถุดังกล่าวเป็นของใคร ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้บันทึกเหตุการณ์ในที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน เพื่อรายงานให้ทางผู้บังคับบัญชาทราบต่อไป
อย่างไรก็ตาม ภายหลังเหตุการณ์ดังกล่าวคลี่คลายแล้ว เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิฐานว่า กระเป๋าใบดังกล่าวน่าจะเป็นของประชาชนแต่เผลอลืมวางทิ้งไว้ ทำให้ผู้ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงเกิดสงสัยและได้แจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบในที่สุด และเพื่อความปลอดภัยจึงต้องดำเนินการตรวจสอบให้แน่ชัด เนื่องจากจุดดังกล่าวเป็นจุดที่เป็นย่านชุมชนมีการสัญจรพลุกพล่าน ประกอบกับมีประชาชนอยู่จำนวนมาก ทางเจ้าหน้าที่จึงต้องเฝ้าระวังเพื่อความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
ขอบคุณ ภาพข่าว : ไทยรัฐ
ร่วมแสดงความคิดเห็น