เศรษฐกิจฟื้น ดันท่องเที่ยว/เอสเอ็มอีนำทัพ

b6 w=12h=9

เผยภาพรวมเศษฐกิจ ภาครัฐ และเอกชน โดยที่ด้านสศช.ไตรมาส 2 เศรษฐกิจขยายตัว 3.5% ซึ่งกบช.มีการบังคับ ผู้ประกอบการตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพลูกจ้าง ส่วนด้านททท.เตรียมเสนอ 3 มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว และรมว.อุตฯ ชี้จีดีพีของเอสเอ็มอีไทย ขยับขึ้น 50% ตามลำดับ

สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รายงานภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2 ปีนี้ ขยายตัว 3.5% YoY สูงที่สุดในรอบ 13 ไตรมาส และสูงกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ โดยมีหลายปัจจัยกลับมาสนับสนุน โดยเฉพาะการบริโภคเอกชนที่ขยายตัวดีขึ้นมาก รายได้เกษตรกรที่กลับมาเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 10 ไตรมาสจากปัญหาภัยแล้งคลี่คลาย การผลิตภาคอุตสาหกรรมที่กลับมาเป็นบวก ทั้งนี้ สศช.ยังคงประมาณการทั้งปีว่าจะขยายตัว 3-3.5% โดยมีค่ากลางอยู่ที่ 3.3% ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะขยายตัวสูงกว่าค่ากลาง จากมีปัจจัยสนับสนุนของการใช้จ่ายและการลงทุนของภาครัฐ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากยังมีความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกในหลายประเด็น รวมถึงผลกระทบจากเหตุการณ์ระเบิดในภาคใต้ที่อาจจะต้องรอประเมินสถานการณ์ ดังนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทยจึงยังคงประมาณการเศรษฐกิจไทยตลอดทั้งปี 2559 ไว้ที่ 3.0% ซึ่งหากปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยมากนัก ก็อาจจะมีการทบทวนปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจในปี 2559 ในระยะต่อไปได้
ทั้งนี้ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้เสนอรายละเอียดร่าง พ.ร.บ.กองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ (กบช.) ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาแล้ว โดยสาระสำคัญของกฎหมายจะบังคับให้ผู้ประกอบการทุกรายตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้กับลูกจ้าง ทั้งนี้ กบช.จะเริ่มบังคับในปี 2561 เบื้องต้นจะบังคับกับผู้ประกอบการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 100 รายขึ้นไปก่อน เพื่อไม่ให้กระทบกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยจะให้นายจ้างและลูกจ้างจ่ายสมทบเงินเข้ากองทุนฝ่ายละ 3% ใน 3 ปีแรก และจะเพิ่มเป็นฝ่ายละ 5% และ 7% ในช่วงเวลาต่อไป นอกจากนี้ จะยกเว้นสำหรับลูกจ้างที่รายได้ไม่ถึง 1 หมื่นบาท/เดือน ไม่ต้องจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพภาคบังคับ แต่ให้นายจ้างจ่ายสมทบฝ่ายเดียว เพราะถือเป็นผู้ที่มีรายได้น้อย

b2 w=18h=8

ททท. เตรียมเสนอ 3 มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติหลังเกิดเหตุระเบิดใน 7 จังหวัดภาคใต้ มาตรการที่ 1 จะเสนอให้ที่ ครม.ประกาศให้วันที่ 26-27 ก.ย.นี้เป็นวันหยุด เนื่องจากวันที่ 27 ก.ย. เป็นวันท่องเที่ยวโลก ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวไทยเดินทางเพิ่มขึ้น 10% มาตรการที่ 2 จัดกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติ เช่น กิจกรรมอลังการเมืองไทย เทศกาลอาหารริมทาง ในช่วงวันชาติจีน วันที่ 1-7 ต.ค.นี้ ให้คนจีนมาเที่ยวไทยเพิ่มขึ้น 20% และมาตรการที่ 3 ให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติร่วมติดริบบิ้นสีขาวเหลืองในวันท่องเที่ยวโลก ภายใต้แคมเปญ We Care Ribbon เพื่อสื่อการท่องเที่ยวที่มีสันติภาพ ทั้งนี้ ททท.คาดว่า เหตุระเบิดในภาคใต้ทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาไทยลดลงในครึ่งปีหลัง 1-2 แสนคน สูญเสียรายได้ประมาณ 5,080 – 10,000 ล้านบาท และไตรมาส 4 การท่องเที่ยวไทยจะเข้าสู่สภาวะปกติ ยืนยันว่ารายได้การท่องเที่ยวจะเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ 2.41 ล้านล้านบาท

ด้านรมว.อุตสาหกรรม ระบุมีหลายโครงการที่พร้อมสร้างผู้ประกอบการใหม่ออกมาสู่ประเทศไทย เพื่อร่วมผลักดันให้จีดีพีของเอสเอ็มอีไทย ขยับขึ้นมาที่ 50% ของจีดีพีประเทศภายใน 5 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันอยู่ที่ 42% อาทิ โครงการเสริมสร้างผู้ประกอบการใหม่ หรือโครงการเอ็นอีซี จำนวน 4,000 ราย เพื่อสร้างธุรกิจให้ขยายตัว เพิ่มมูลค่าธุรกิจ และผลักดันสู่ต่างประเทศ ซึ่งกลุ่มที่เข้ามาร่วมโครงการจะเป็นทั้ง ผู้ว่างงาน นักศึกษาจบใหม่ ผู้ประกอบการที่เริ่มต้นธุรกิจในเวลา 1-3 ปี และทายาทธุรกิจหรือคนที่สนใจเป็นนักธุรกิจ ขณะเดียวกัน ในปี 2560 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมมีงบประมาณกว่า 1,000 ล้านบาท ทำโครงการพัฒนาผู้ประกอบการทุกกลุ่ม พร้อมร่วมมือกับสถาบันการเงิน เพื่อเพิ่มศักยภาพการเข้าถึงสินเชื่อและผลักดันให้มีผู้ประกอบการเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ MAI เพิ่มขึ้น

ร่วมแสดงความคิดเห็น