ชูสัญลักษณ์ “รสไทยแท้” บุกครัวโลก

b1 w=14h=8กระทรวงอุตสาหกรรม-สถาบันอาหารโปรโมทตราสัญลักษณ์ “รสไทยแท้” ไปทั่วโลก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้กระทรวงอุตสาหกรรมได้เร่งส่งเสริมมาตรฐานอาหารไทยและความเป็นเอกลักษณ์ด้านรสชาติอาหารไทยสู่ภาคอุตสาหกรรม” (Authenticity of Thai Food Industry) มอบนโยบายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และคณะผู้บริหารสถาบันอาหาร ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักผู้รับผิดชอบ ให้ส่งเสริมผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหารทั้งภาคการผลิตและภาคการบริการโดยการใช้เครื่องตรวจวัดรสชาติมาตรฐานอาหารไทยอิเล็กทรอนิกส์กับผลิตภัณฑ์อาหารไทยที่ส่งออกไปทั่วโลกเพื่อความเป็นมาตรฐานเดียวกัน ย้ำอาหารไทยที่ผ่านการรับรองควรได้รับตราสัญลักษณ์ “รสไทยแท้” หรือ “Thai Taste” เพื่อการันตีว่ามีความเป็นอัตลักษณ์รสชาติอาหารไทย เน้นการบูรณาการอุตสาหกรรมการผลิตอาหารและการบริการกับกระทรวงต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อผลักดันโครงการฯ สู่เป้าหมายในทุกมิติ สอดรับยุทธศาสตร์ครัวไทยสู่ครัวโลก ทั้งด้านการยกระดับ พัฒนาแรงงานฝีมือพ่อครัว แม่ครัว ด้านการประชาสัมพันธ์ท่องเที่ยว ด้านการส่งเสริมวัฒนธรรม ด้านการพัฒนาเทคโนโลยี นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ ด้านคุณภาพและความปลอดภัยในระดับสากล และด้านการขยายช่องทางการตลาดในต่างประเทศ เป็นต้น

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันในภาคการผลิตให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหารไทยในทุกมิติ ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์แผนการพัฒนาเอสเอ็มอีในการผลิตเมนูอาหารแปรรูปให้มีรสชาติไทย หรือ Authentic Thai Taste โดยส่งเสริมให้มีการพัฒนา ปรับปรุงกระบวนการผลิต และพัฒนาผลิตภัณฑ์เป็นน้ำซอส หรือผงปรุงรสให้อยู่ในรูปแบบกึ่งสำเร็จรูปที่ยังคงรสชาติ และกลิ่นอายของความเป็นอาหารไทยไว้ได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน ไม่ว่าจะปรุงที่ไหนก็จะได้รสชาติอาหารที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน มีเป้าหมายยกระดับผู้ประกอบการให้ได้ 500 รายต่อปี นอกจากนี้ยังส่งเสริมการสร้างมาตรฐานอาหารไทยให้แก่ภาคการบริการโดยเฉพาะร้านอาหารไทยที่กระจายอยู่มากกว่า 20,000 แห่งทั่วโลก ให้เป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศและระดับสากล เป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งมาตรฐานด้านการเลือกใช้วัตถุดิบที่ถูกต้องครบถ้วนตามสูตรต้นแบบการปรุงอาหารของไทย และด้านรสชาติอาหารไทยที่มีความเป็นเอกลักษณ์ โดยผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการและผ่านการรับรองผลิตภัณฑ์จะได้รับเครื่องหมายมาตรฐาน Authenticity of Thai Food Industry เพื่อรับรองว่าเป็นอาหารรสไทยแท้

โดยมีสถาบันอาหาร ซึ่งเป็นสถาบันเครือข่ายสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นหน่วยงานดำเนินงานหลัก ร่วมด้วยหน่วยงาน บูรณาการ ได้แก่ สำนักปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และสำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม โดยจะร่วมกันส่งเสริมภาคการผลิตอุตสาหกรรมอาหารไทยตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ได้แก่การวางแผนการจัดการคุณภาพวัตถุดิบให้มีคุณภาพและความปลอดภัย พัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารไทยให้มีมูลค่าเพิ่มด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ยกระดับมาตรฐานการผลิตให้เป็นสากลโดยการวิเคราะห์และทดสอบรสชาติ รวมทั้งการพัฒนาบรรจุภัณฑ์และบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ทั้งให้การรับรองมาตรฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องตามกฎหมาย ส่งเสริมช่องทางการตลาดในต่างประเทศ และให้การรับรองมาตรฐาน Authenticity of Thai Food เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการประสานกับกระทรวงต่างๆ เพื่อจัดทำบันทึกความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน บูรณาการความร่วมมือให้ครอบคลุมในทุกมิติของการส่งเสริมมาตรฐานอาหารไทย และความเป็นเอกลักษณ์ด้านรสชาติอาหารไทยสู่ภาคอุตสาหกรรม ได้แก่ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงแรงงาน ทำหน้าที่ ยกระดับและพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เป็นต้น

ขณะนี้อยู่ระหว่างการกำหนดมาตรฐานอาหารไทยนำร่องทั้งหมด 13 เมนู แบ่งเป็นอาหารคาว 11 เมนู ได้แก่ ส้มตำไทย ผัดไทย กะเพราหมู ต้มยำกุ้งน้ำใส ต้มยำกุ้งน้ำข้น มัสมั่นไก่ สะเต๊ะไก่ ลาบหมู ต้มข่าไก่ พะแนงเนื้อ แกงเขียวหวานไก่ และอาหารหวาน 2 เมนู ได้แก่ ทับทิมกรอบ และ ข้าวเหนียวมูนมะม่วงน้ำดอกไม้ โดยผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิด้านอาหารไทยจากผู้ปรุงต้นแบบจำนวน 7 ราย มาร่วมกำหนดมาตรฐานอ้างอิงอาหารไทยโดยการปรุงอาหารไทย และจัดกิจกรรมทดสอบทางประสาทสัมผัสโดยการชิม และทำการทดสอบด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์โดยใช้เครื่อง Electronic nose และ Electronic tongue ที่สามารถรับรู้กลิ่นและรสชาติต่างๆ เพื่อรวบรวมฐานข้อมูลใช้เป็นค่ามาตรฐานในการอ้างอิงจัดทำหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการให้การรับรองมาตรฐานอาหารไทยเข้ามาช่วยในการตรวจวัดเพื่อคำนวณค่ากลิ่น รส และรสชาติค่าความเผ็ด ความเค็ม ความหวาน ความเปรี้ยว และอูมามิ ซึ่งจะได้มอบเครื่องหมาย Authenticity of Thai Food Industry เพื่อรับรองว่าเป็นอาหารรสไทยแท้ให้กับผลิตภัณฑ์อาหารและร้านอาหารที่เข้าร่วมโครงการทั้งในประเทศและต่างประเทศในลำดับต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น