เร่งบูรณะพญานาค วัดพระธาตุดอยสุเทพฯหักพัง หลังถูกต้นไม่ล้มทับ ชาวบ้านวิจารณ์หึ่ง เกิดอาเพศบ้านเมือง

1-jpgคนงานวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร จ.เชียงใหม่ เร่งบูรณะบันไดพญานาค เพื่อให้นักท่องเที่ยวเดินขึ้นลงได้ตามปกติแล้ว โดยวัดจะเร่งบูรณะให้เสร็จภายใน 2 สัปดาห์ ยันไม่ใช่เรื่องอาถรรพณ์ ขณะที่องค์โสม เสด็จพระราชทานถุงยังชีพ ที่ จ.ลำพูน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ฝนตกลงมาทางภาคเหนือ โดยเฉพาะที่ วัดพระธาตุดอยสะเทพราชวรวิหาร อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ทางคนงานของวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร ได้เร่งทำการนำต้นไม้ที่ล้มทับปูนปั้นรูปตัวพญานาคบริเวณทางขึ้นพระธาตุดอยสุเทพออกไป พร้อมกันนี้ทาง พระธรรมเสนาบดี รอง เจ้าคณะภาค 7 และเจ้าอาวาสวัดดอยสุเทพฯ ได้ร่วมกับทางเจ้าหน้าที่กรมศิลปากร ที่ 4 ได้ตรวจสอบความเสียหาย ลำตัวพญานาค หลังจากถูกต้นสน ขนาด 2 คนโอบ ล้มทับ จากพายุฝนที่ตกลงมาอย่างหนักพบว่า เสียหายเพียงตัวเดียว ความกว้างประมาณ 2 เมตร ลึก 1 เมตร ส่วนอีกตัวไม่พบร่องรอย ความเสียหาย แต่จะตรวจว่า มีรอยร้าวหรือไม่ สำหรับการดำเนินการก่อสร้างบูรณะทาง วัดต้องการให้บูรณะเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ แต่พญานาคของวัดได้ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมศิลปากร จะต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียด พร้อมเสนองบประมาณในการก่อสร้าง ซึ่งทางวัดเห็นว่า จะต้องใช้เวลานานนับเดือน ทางวัดจะขอใช้งบประมาณในการบูรณะเอง โดยทางบรรดาพ่อค้าแม่ค้า ที่ขายของบริเวณใกล้บันไดนาค ต่างก็แสดงเจตจำนง ขอร่วมบริจาคเงินในการบูรณะก่อสร้าง ในเรื่องนี้จะต้องมีการปรึกษาหารือกันในหลายฝ่ายส่วนเส้นทางบันไดนาค ได้เปิดให้ขึ้นลงตามปกติแล้ว

นายวัลลภ นามวงศ์พรหม กรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร ได้เผยว่าในเรื่องที่เกิดขึ้นมานี้ ชาวบ้านต่างวิตกกังวลว่า จะเกิดอาเพศอาถรรพณ์ ขึ้นกับบ้านเมือง เพราะถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ในเรื่องนี้ตนได้มีการแจ้งให้ทางพระธรรมเสนาบดี รองเจ้าคณะภาค 7 และเจ้าอาวาสวัดดอยสุเทพฯ รับทราบท่านได้บอกว่า ไม่ใช่เรื่องอาเพศอาถรรพณ์ แต่อย่างใด เพราะเกิดในช่วงที่พายุฝนเข้ามา และฝนตกหนักมาก แต่หากเกิดในเหตุการณ์ปกติ จู่ๆ ล้มลงมาก็จะเชื่อว่า เป็นอาเพศอาถรรพณ์ อย่างไรก็ตาม ในช่วงก่อนบูรณะจะมีพิธีบวงสรวงขอขมาลาโทษ ตามประเพณี สำหรับในช่วงรอการซ่อมต้องจัดเวรยามดูแล เพราะไม่ต้องการให้ใครมานำเอาเศษหินเศษปูนไปแม้แต่ชิ้นเดียว และสำหรับเกล็ดพญานาคจะต้องหาช่างคนเดียว ที่เคยบูรณะมาดำเนินการ ส่วนจะบูรณะเวลาไหน จะต้องมีการประชุมกันอีกครั้ง แต่ก็คงจะเร่งบูรณะ เพราะอยากให้เป็นภาพที่งามตากับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของบ้านเมือง ถ้าสังเกตจะเห็นว่า นักท่องเที่ยวที่ขึ้นมานมัสการพระธาตุ ส่วนใหญ่มักจะชี้ให้ดู และสนใจถ่ายภาพบริเวณที่เกิดเหตุไว้อย่างต่อเนื่อง

ที่ จ.ลำพูน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บ่ายวันที่ 15 กันยายน 2559 พลอากาศตรี เกรียงไกร เสมสวัสดิ์ ผู้แทน สมุหราชองค์รักษ์ ประจำพระองค์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ได้ไป ตรวจสถานที่ ที่ประสบกับปัญหาอุทกภัย จ.ลำพูน โดย นายอนันตพล บุญชู รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน และ หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้ รายงาน เกี่ยวกับสภาพความเสียหาย จากอุทกภัยที่เกิดขึ้น ในพื้นที่จังหวัดลำพูน ขณะนี้ มีรายงานความเสียหาย เบื้องต้น 2 อำเภอ 8 ตำบล 22 หมู่บ้าน คือ อำเภอ แม่ทา มีพื้นที่ ประสบเหตุ 5 ตำบล 17 หมู่บ้าน ได้แก่ ต.ทาสบเส้า หมู่ 2,4,14 , ต.ทาปลาดุก , ต.ทากาศ หมู่ 8,9,10,16 , ต.ทาขุมเงิน หมู่ 1,2,3,4,5,7,12 , ต.ทาแม่ลอบ หมู่ 1,3 ที่ อำเภอ ป่าซาง ประสบเหตุ 3 ตำบล 5 หมู่บ้าน ได้แก่ ต.ม่วงน้อย หมู่ 6 , ต.มะกอก หมู่ 8 , ต.ป่าซาง หมู่ 1,3,4 , ความเสียหายสะพาน 1 แห่ง ถนน 3 แห่ง ฝาย 1 แห่ง ซึ่ง นายณรงค์ อ่อนสอาด ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน ได้สั่งการให้ หน่วยงานต่าง ๆ ไปให้ความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน แก่ ประชาชน ทุกหมู่บ้าน แล้ว ราษฎรที่ประสบอุทกภัย เวลา 10.00 น. วันที่ 16 ก.ย. พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ จะเสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมราษฎรผู้ประสบอุทกภัย ที่ หมู่บ้านดังกล่าว และ จะ ประทานถุงยังชีพพระราชทาน พร้อมทั้ง จะทรงประกอบอาหารเพื่อเลี้ยง ราษฎร จำนวน 1,200 ชุด ที่ โรงเรียนบ้านป่าเลา ตำบลทากาศ อำเภอแม่ทา จ.ลำพูน ด้วย

ร่วมแสดงความคิดเห็น