ไวรัสซิกาลามต่อเข้าอำเภอเมืองเชียงใหม่ เร่งพ่นยาตามหมู่บ้านเพื่อฆ่าเชื้อ พ่อเมืองกำชับทุกอำเภอ-สสจ. ตรวจปัสสวะประชาชน

page“ซิกา” เชียงใหม่ยังลามไม่หยุด พบอีกรายพื้นที่ อ.เมืองเชียงใหม่ “ปวิณ” แจงจัดทีมงานสอบสวนโรคและควบคุมโรคเข้าควบคุมโรคในบริเวณที่พบผู้ป่วยแล้ว เน้นไปที่หญิงตั้งครรภ์ พบมี 8 ราย ในรัศมี 100 เมตร จากบ้านผู้ป่วย เก็บปัสสาวะส่งตรวจครบแล้วทุกราย ด้านเทศบาลในพื้นที่ส่งเจ้าหน้าที่ฉีดพ่นยาควบคุมแล้ว พร้อมกำชับผู้นำในทุกหมู่บ้านเพิ่มการรณรงค์ร่วมมือกันเร่งกำจัดยุงลาย ปูพรหมเคาะประตูตรวจลูกน้ำยุงลาย

วันที่ 17 ก.ย.59 นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ให้ข้อมูลผ่าน “เชียงใหม่นิวส์” ว่า ได้รับรายงานจาก นายศรัณยู มีทองคำ นายอำเภอเมืองเชียงใหม่ ว่า ในพื้นที่ อ.เมืองเชียงใหม่เกิดโรคอุบัติการณ์ใหม่โรคไวรัสซิกาเป็นรายแรกของ อ.เมืองเชียงใหม่ ซึ่งข้อมูลจากสำนักงานสาธารณสุขอำเภอเมืองเชียงใหม่รายงานว่า วันที่ 15 ก.ย.59 เวลา 21.30 น. ตรวจพบว่ามีผู้ป่วยไวรัสซิกาในพื้นที่จำนวน 1 ราย โดยทีมงานสอบสวนโรคและควบคุมโรค ทั้งจากสำนักงานควบคุมโรคติดต่อเขต 1 สสจ.เชียงใหม่ สสอ.เมืองเชียงใหม่ ลงพื้นที่ตรวจสอบและเข้าควบคุมการแพร่ระบาด

ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบผู้ป่วยเป็นหญิง 1 ราย ซึ่งพักอาศัยในพื้นที่ ต.ท่าศาลา อ.เมืองเชียงใหม่ และทำงานในพื้นที่ ต.หนองป่าครั่ง ซึ่งทราบว่าหลังเลิกงานในช่วงเย็นผู้ป่วยบอกถูกยุงกัด และต่อมาเกิดเป็นไข้ต่ำ มีผื่นแดงที่ใบหน้า ลำตัว และแขนขา จึงเข้าทำการรักษาตัวที่โรงพยาบาลพร้อมกับเก็บตัวอย่างปัสสาวะส่งตัวเพื่อหาเชื้อไขไวรัสซิกา ซึ่งผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการในวันที่ 15 ก.ย.59 ผลยืนยันเป็นบวก พบการติดเชื้อไวรัสซิกา ทั้งนี้ได้ตรวจเลือดแต่ไม่พบการติดเชื้อทางเลือก ทั้งนี้ยังรอผลการยืนยันการติดเชื้อตรวจปัสสาวะซึ่งคาดว่าจะทราบผลในวันที่ 19 ก.ย.59 นี้ นอกจากนี้จาการสอบถามประวัติการเดินทางตั้งแต่วันที่ 11 ก.ย.59 เป็นต้นมา ผู้ป่วยได้ให้ข้อมูลว่าเดินทางไปทำงานที่ ต.หนองป่าครั่ง และกลับที่พักที่ ต.ท่าศาลา เท่านั้น

“ในพื้นที่ยังรายงานอีกว่า ทางเทศบาลตำบลหนองป่าครั่ง ร่วมกับทีมควบคุมโรค ได้ทำการฉีดพ่นทำลายยุงลายตัวแก่ในบริเวณที่ทำงานของผู้ป่วยและบริเวณรอบๆ ในรัศมี 100 เมตร แล้ว ส่วนพื้นที่ที่ผู้ป่วยพำนักอาศัย เทศบาลตำบลท่าศาลา ร่วมกับ รพ.สต. อสม. ผู้นำท้องที่ ได้ร่วมกันเข้าสอบสวนโรคในบริเวณที่พักผู้ป่วย และควบคุมโดยการฉีดพ่นทำลายยุงลายตัวแก่ในบริเวณที่พักผู้ป่วยและรอบๆ รัศมี 100 เมตรจากที่พำนักของผู้ป่วยด้วยแล้วเช่นกัน” นายปวิณฯ แจงถึงการรายงาน

ผวจ.เชียงใหม่ กล่าวต่อว่า การดำเนินการเพื่อควบคุมโรคในพื้นที่ทั้ง 2 ตำบล ได้มีการใช้เครื่องพ่นละอองฝอย ULV และทำการสุ่มตรวจค่าดัชนีความชุกของยุงลายและกำจัดลูกน้ำยุงลายแล้ว พร้อมกันนี้ผู้นำหมู่บ้านได้ร่วมกันเพิ่มการรณรงค์ประชาสัมพันธ์โรคมากขึ้นกว่าเดิมที่เคยปฏิบัติตามข้อสั่งการของจังหวัดเชียงใหม่ นอกจากนี้ยังได้ขอความร่วมมือในการทำความสะอาดบ้านเรือนและที่อยู่อาศัย โดยใช้มาตรการ 3 เก็บ เก็บบ้าน เก็บน้ำ เก็บขยะ รวมทั้งได้มีการเรียกประชุมแกนนำหมู่บ้านและเครือข่ายสุขภาพของตำบลท่าศาลา เพื่อชี้แจงและกำหนดวิธีการในการดำเนินการควบคุมโรคและป้องกันโรคซิกาแล้ว

“ที่เราให้ความสำคัญคือ หญิงตั้งครรภ์ ซึ่งในรัศมี 100 เมตรจากที่พำนักของผู้ป่วย พบว่ามีหญิงตั้งครรภ์ทั้งสิ้น 8 ราย ทางเทศบาลตำบลท่าศาลาได้ดำเนินการจัดหาสเปรย์ฆ่ายุงลาย ยาทากันยุง แจกให้ทุกรายที่ตั้งครรภ์แล้ว นอกจากนี้หญิงตั้งครรภ์ทุกรายเจ้าหน้าที่ได้ทำการเก็บปัสสาวะเพื่อนำส่งตรวจที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ในวันจันทร์ที่ 19 ก.ย.59 แล้วด้วย ส่วนหญิงตั้งครรภ์ที่อยู่นอกหมู่บ้านที่ผู้ป่วยพำนักได้ให้มีการการเก็บตัวอย่างปัสสาวะส่งตรวจทุกรายตามลำดับเวลาจนเสร็จสิ้นทั้งหมด” นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผวจ.เชียงใหม่ แจง

ในส่วน สสอ.เมืองเชียงใหม่ ได้ส่งข้อความถึงผู้นำท้องที่ ผู้บริหารท้องถิ่น พร้อมด้วย อสม.ในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะตำบลที่มีพื้นที่ติดต่อเนื่องกับตำบลที่พบผู้ป่วย โดยขอให้ช่วยกันดูแลไม่ให้มีลูกน้ำยุงลายในหมู่บ้านที่รับผิดชอบทั้งในบ้านและนอกบ้าน และหากพบในบ้านใดมียุงในปริมาณมากขอให้แจ้งเจ้าของบ้านจัดหาสเปร์ย์กระป๋องมาฉีดฆ่ายุงลาย เองเพื่อความร่วมมือช่วยเหลือกันในการร่วมกันป้องกันกำจัดยุงลายที่เป็นพาหะนำเชื้อทั้งโรคไข้เลือดออกและไวรัสซิกา พร้อมกันนี้ยังขอความร่วมมือผู้นำในพื้นที่อำเภอเมืองเชียงใหม่ร่วมกันนัดหมายทำ Big. Cleaning Day ในพื้นที่เป้าหมาย และขอความร่วมมือให้ทุกพื้นที่นำภาชนะที่อาจจะเป็นแหล่งเพาะลูกน้ำยุงออกนอกพื้นที่ให้หมด
ทั้งนี้จังหวัดเชียงใหม่มีการตรวจพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสซิกาก่อนหน้านี้จำนวน 12 ราย ซึ่งทั้งหมดเป็นผู้ป่วยที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ 4 ตำบลของอำเภอสันทราย ส่วนผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสซิการายที่ตรวจพบรายล่าสุดซึ่งเป็นรายที่ 13 ของเชียงใหม่ พบเป็นรายแรกที่อยู่นอกพื้นที่อำเภอสันทราย พบในพื้นที่อำเภอเมืองเชียงใหม่

ร่วมแสดงความคิดเห็น