มท.1 ย้ำกับพ่อเมือง ต้องช่วยประชาชน ต้องสามัคคี ห้ามให้มีแตกแยก

331862มท.1 เรียกถกคนมหาดไทยทั่วประเทศ มอบงาน 7 เรื่องให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเร่งนำปฏิบัติในพื้นที่ โดยเฉพาะนโยบายสำคัญของรัฐบาล ย้ำทุกเรื่องของทุกกระทรวงคนมหาดไทยต้องทำได้ ทุกเรื่องให้เอาประชาชนเป็นที่ตั้ง เป้าหมายสำคัญคือ การบำบัดทุกข์บำรุงสุข สั่งการลงถึงระดับปลัดจังหวัดและนายอำเภอให้อาศัยกลไกกำนันผู้ใหญ่บ้านฯ และท้องถิ่นทำงานในระดับพื้นที่ เพราะใกล้ชิดประชาชนหวังแก้ไขปัญหาให้ถูกจุด ย้ำให้ทุกระดับในทุกพื้นที่ต้องช่วยกันสร้างความสามัคคีสมานฉันท์ ต้องไม่ให้มีความแตกแยก ย้ำชัดกฎหมายอำนวยความสะดวกมีผลบังคับใช้ ทุกงานที่ประชาชนติดต่อให้ดำเนินการต้องทำให้แล้วเสร็จตามเวลา

วันที่ 23 ก.ย.59 พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย นายสุธี มากบุญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายและแนวทางการขับเคลื่อนภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทย ให้แก่ ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย อธิบดี หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมจำนวน 300 คน ทั้งนี้ในส่วนภูมิภาคและในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ฝ่ายปกครอง และกำนันผู้ใหญ่บ้านทั้ง 25 อำเภอของจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมประชุมทางไกลผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ในระบบ DOPA Channel ของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ซึ่งรับชมพร้อมกัน ณ ที่ว่าการอำเภอทั้ง 25 อำเภอของจังหวัดเชียงใหม่

ทั้งนี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ได้กล่าวขอบคุณทุกฝ่ายที่ได้ร่วมมือกันขับเคลื่อนงานทุกอย่างให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และเน้นย้ำว่ารัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับผู้ว่าราชการจังหวัดให้เป็นหลักในการขับเคลื่อนงานในฐานะที่เป็น ผู้ว่าราชการจังหวัดของทุกกระทรวง และเป็นผู้บัญชาการพื้นที่แทนรัฐบาล ซึ่งจะต้องเน้นการทำงานเชิงรุกที่มีการบริหารจัดการโดยใช้แผนยุทธศาสตร์จากบนลงล่าง ยึดโยงกันกับงบประมาณที่จะลงไปในพื้นที่ เราต้องเดินแบบนี้ไปเรื่อยๆ มีกรอบการทำงานที่ชัดเจน ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องบริหารราชการบนหลักธรรมภิบาล

รมว.มหาดไทย ได้มอบแนวทางการดำเนินงานในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 โดยมีเรื่องสำคัญสรุปได้เป็น 7 เรื่อง เพื่อให้แต่ละจังหวัดนำไปสู่การปฏิบัติต่อไป ทั้งนี้ทั้ง 7 เรื่องประกอบด้วย เรื่องแรกของให้ทุกจังหวัดมีการเตรียมพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงของบริบทของโลก ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ สังคม การเมือง เช่น การเข้าสู่ประชาคมอาเซียนซึ่งประเทศไทยมีความพร้อมทุกด้าน ทั้งกายภาพ ทรัพยากรต่างๆ ทุกจังหวัดต้องเตรียมความพร้อม และต้องทำทุกเรื่องอย่างเต็มที่ เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีให้ประชาชนให้เห็นว่าการมีอำนาจรัฐที่ดี มีการบูรณาการ มีการทำงานตามกรอบแผนงาน จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ซึ่งบริบทในปีนี้นอกจากจะรับผิดชอบงานในพื้นที่แล้ว ขอเน้นให้มีการกำกับติดตามการขับเคลื่อนงานของรัฐบาลในพื้นที่ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่องด้วย

“เรื่องที่ 2 ในการปฏิบัติราชการแนวทางหลักก็คือ การนำนโยบายของรัฐไปสู่พื้นที่อย่างเต็มที่ เพื่อตอบสนองต่อประชาชนเป็นหลักให้ความสำคัญกับประชาชนทุกเรื่อง เรื่องที่ 3 ด้านงานภารกิจตามอำนาจหน้าที่ ตั้งแต่งานรับผิดชอบของกรมที่ดิน ขอให้เร่งแก้ไขปัญหาที่สะสมมานาน โดยเฉพาะเรื่องการออกเอกสารสิทธิที่มิชอบและป้องกันที่จะไม่ให้มีปัญหาเกิดขึ้นอีก งานในส่วนของกรมโยธาธิการและผังเมือง โดยปัจจุบันได้มีการจัดทำผังเมืองครบแล้วทุกจังหวัด อยู่ระหว่างรอประกาศใช้ ซึ่งในอนาคตต่อไปการจัดทำสาธารณูปโภคต่างๆ จะต้องอยู่บนหลักผังเมืองเพื่อรองรับการพัฒนาของประเทศ ส่วนกรมการพัฒนาชุมชนฝากเรื่องการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปสู่ประชาชน ให้ประชาชนสามารถนำไปใช้ได้จริง กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ให้ดูแลมาตรการด้านความปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านคมนาคมทั้งทางบก ทางน้ำ ขอให้เน้นการปฏิบัติให้เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัย สำหรับงานของกรมการปกครอง ขอให้เน้นการกำกับท้องที่และท้องถิ่น ซึ่งเป็นกลไกสำคัญอย่างใกล้ชิด ซึ่งได้มีการทำจัดทำแบบประเมินผลต่างๆ เป็นเครื่องมือในการติดตามการทำงานให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ส่วนกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ขอเน้นย้ำให้กำกับดูแลท้องถิ่นให้ปฏิบัติตามกฎหมาย โดยเฉพาะเรื่องการแก้ไขปัญหาขยะ ให้นำแผนปฏิบัติการ 1 ปี จังหวัดสะอาด หลัก 3 Rs และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การบริหารจัดการขยะเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ” พล.อ.อนุพงษ์ฯ กล่าว

รมว.มหาดไทย กล่าวอีกว่า เรื่องที่ 4 ทีได้กำชับคืองานนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่ต้องเร่งดำเนินการ เรื่องแรกคือ การปกป้องและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชน ที่มีความสำคัญในการยึดโยงให้ประชาชนมีความรักความสามัคคี และขอให้เร่งขยายผลโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยใช้หลัก “Way of Life” ปลูกฝังให้กับประชาชนนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ไปสู่การปฏิบัติให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เรื่องที่ 2 การรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยในระดับพื้นที่ขอให้ใช้กลไกของกระทรวงมหาดไทย ร่วมกับฝ่ายต่างๆ อาทิ ตำรวจ ทหาร ป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นในพื้นที่ อย่าปล่อยปะละเลยจนเกิดปัญหาลุกลามบานปลาย หรือทำให้ประชาชนมีความขัดแย้งกัน เรื่องที่ 3 การแก้ไขปัญหาและพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งจะมีการปรับปรุงการบริหารให้มีเอกภาพมากขึ้นเน้นเสริมสร้างความร่วมมือทุกหน่วยงาน ภายใต้นโยบายการแก้ไขปัญหาด้านความมั่นคง ควบคู่ไปกับการพัฒนาในพื้นที่ เรื่องที่ 4 เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหายาเสพติด ขอให้เน้นการปฏิบัติเพื่อลด Demand side และ Supply side มุ่งขยายหมู่บ้านหรือชุมชนปลอดยาเสพติดให้เพิ่มขึ้น และลดหมู่บ้านหรือชุมชนมีปัญหาให้น้อยลง เรื่องนี้ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดใช้ศักยภาพของตนให้เต็มที่ โดยเฉพาะการป้องกันกลุ่มเป้าหมายของ Demand ต้องทำให้กลุ่มนี้มีอาชีพ มีคุณภาพชีวิตที่ดี ไม่ให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดอีกต่อไป

“เรื่องที่ 5 ที่อยากจะฝากเป็นงานด้านสังคม นโยบายสำคัญที่ขอให้เน้นไปดำเนินการคือ การลดความเหลื่อมล้ำ โดยใช้กลไกของ “ศูนย์ดำรงธรรม” ให้เป็นที่พึ่งให้กับพี่น้องประชาชนในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้ได้จริง และต้องแก้ไขปัญหาให้ยุติได้ในระดับพื้นที่ เพื่อช่วยเหลือประชาชนจากปัญหาความเดือดร้อนในทุกเรื่อง เรื่องการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน หรือ คทช. ซึ่งตามนโยบายรัฐบาลได้กำหนดนโยบายการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน ขอให้ คทช. จังหวัดที่เป็นพื้นที่เป้าหมาย เร่งดำเนินการตามเป้าหมายที่กำหนดให้แล้วเสร็จโดยเร็ว อีกเรื่องคือการลดต้นทุนการผลิต หรือค่าเช่านา ขอให้ดำเนินมาตรการควบคุมค่าเช่านา ฤดูการผลิตปี 59/60 อย่างต่อเนื่องและให้ช่วยเหลือเกษตรกรซึ่งถือเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ” พล.อ.อนุพงษ์ฯ กล่าว

รมว.มหาดไทย กล่าวต่อว่า เรื่องที่ 6 เกี่ยวกับด้านเศรษฐกิจ นโยบายสำคัญคือ การขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ ซึ่งได้จัดตั้ง บริษัท ประชารัฐรักสามัคคี (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ประชารัฐรักสามัคคี (จังหวัด) ไปแล้วบางส่วน ที่ยังค้างก็ขอให้เร่งจัดตั้งให้ครบทุกจังหวัด และสนับสนุนการดำเนินงานดังกล่าวให้เป็นพลังที่สามารถจะสร้างรายได้ให้กับชุมชนตามนโยบายรัฐบาล พร้อมกับการเร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน ผลิตภัณฑ์ OTOP ให้ดียิ่งขึ้น เพื่อทำให้ขายได้และเน้นการส่งเสริมช่องทางการตลาดทุกช่องทาง อีกเรื่องเป็นเรื่องเกี่ยวกับความปลอดภัยของประชาชน ขอให้ทุกพื้นที่เตรียมความพร้อมและการจัดการภัยพิบัติในพื้นที่ เน้นทั้งทางบกและทางน้ำและบทบาทการบัญชาการเหตุการณ์ของผู้ว่าราชการจังหวัดในสถานการณ์หรือภัยที่ประชาชนเดือดร้อน การตรวจสอบความปลอดภัยของอาคารและสิ่งปลูกสร้าง และมาตรการบังคับใช้เครื่องเล่นและเครื่องอำนวยความสะดวกขึ้นที่สูงให้ทุกฝ่ายตระหนักในเรื่องนี้ให้มาก

ส่วนแนวทางการปฏิบัติในระดับพื้นที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ได้กำชับให้เน้นแนวทางปฏิบัติงานโดยใช้กลไกของภูมิภาค ตั้งแต่ระดับจังหวัด ไปถึงอำเภอ ตลอดจนกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ยังจะเป็นกำลังสำคัญ ดังนั้นคนมหาดไทยต้องเข้มแข็ง เพราะต้องรับงานทุกด้านของรัฐบาล เรียกได้ว่าเป็นกลไกหลักของรัฐบาลในการนำนโยบายของทุกกระทรวงไปปฏิบัติในพื้นที่ งานไหนที่ไม่มีหน่วยไหนดำเนินการได้ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ยังต้องรับดำเนินการให้ได้ ทั้งนี้ระบบเศรษฐกิจและสังคมเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ขอให้บูรณาการสิ่งต่างๆ ให้ดี และต้องปรับเปลี่ยนตามกระแสและบริบทนั้น

“การทำงานของปลัดจังหวัดและนายอำเภอต้องอาศัยทั้งกลไกการทำงานของท้องถิ่นและท้องที่ ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง เพราะมีความใกล้ชิดกับประชน ต้องให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างแท้จริง ส่วนการให้บริการประชาชน ตามพระราชบัญญัติอำนวยความสะดวก มีการกำหนดระยะเวลาในการทำงาน จึงขอให้ช่วยกำกับผู้ปฏิบัติหน้าที่ให้บริการประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลตามที่กำหนด และการทำงานก็ขอให้ยึดตามหลักธรรมาภิบาล ทั้งนี้การทำงานในพื้นที่อาจไปกระทบกับกลุ่มคนต่างๆ ซึ่งมีทั้งผู้ที่ได้รับประโยชน์และผู้ที่เสียประโยชน์ อย่างไรก็ตาม ขอให้ทุกคนดำรงตนภายใต้หลักของธรรมาภิบาล ยึดความถูกต้องเป็นหลัก รวมถึงการการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ ขอให้ส่งเสริมความสามัคคีปรองดองของคนในพื้นที่ ให้คนสามารถอยู่ด้วยกันอย่างสมานฉันท์ ไม่มีความแตกแยก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่นจินดา รมว.มหาดไทย กล่าว

ร่วมแสดงความคิดเห็น