ภ.5 โชว์ผลงาน จับแก๊งไฮเทค รับซื้อของโจร ขโมยรถ ซื้อ-ขาย ผ่านไลน์

ตร.สืบสวนภาค 5 โชว์ผลงานขยายผลแกะรอยตามรวบผู้ต้องหาตามหมายศาลจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นคนร้ายรายสำคัญในขบวนการขโมยรถจักรยานยนต์รายใหญ่ของเชียงใหม่ หลัง 2 ผู้ต้องหาในขบวนการถูกจับตัวได้ก่อนหน้านี้ ส่วนเจ้าตัวหลบหนีกบดานหวังให้คดีเงียบ แต่มิวายถูกซัดทอด สุดท้ายจับกุมได้คาบ้านพัก

การจับกุมตัวผู้ต้องหาตามหมายจับรายนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. ของวันที่ 11 ต.ค.59 โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนภาค 5 โดยการอำนวยการ ของ พล.ต.ต.จารึก ลิ้มสุวรรณ ผบก.สส.ภ.5 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย รอง ผบก.ฯ พ.ต.อ.วีระยุทธ ประสพโชคชัย ผกก.สส.1 ฯ สั่งการให้ชุดปฏิบัติการเข้าทำการการจับกุมตัว นายชรินทร์ สายจินานนท์ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 33 หมู่ 3 ต.น้ำโจ้ อ.แม่ทะ จ.ลำปาง ตามหมายจับของศาลของจังหวัดเชียงใหม่จำนวนรวมทั้งสิ้น 9 หมาย เพื่อนำตัวส่งดำเนินคดี ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถสืบสวนติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาคนดังกล่าวได้ที่หน้าบ้านเลขที่ 86 หมู่ 9 ต.บ้านเหล่า อ.แม่ใจ จ.พะเยา โดยกล่าวหาว่า ร่วมกันลักทรัพย์ ฯลฯ

กรณีการจับกุมตัวผู้ต้องหารายนี้สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 19 ส.ค.59 ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุด บก.สส.ภ.5 ทำการสืบสวนขยายผลการจับกุมและได้แกะรอยจากภาพกล้องวงจรปิด คดีคนร้ายลักรถจักรยานยนต์ ที่เกิดขึ้นภายในบริเวณโดยรอบมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยพบว่ามีหลายคดีที่มีกลุ่มผู้ต้องหาลงมือก่อเหตุในลักษณะเดียวกัน จนกระทั่งในเวลาต่อมาจากการสืบสวนติดตามจับกุมคนร้าย ทางเจ้าหน้าที่ได้เบาะแสจนนำไปสู่การจับกุมตัวผู้ต้องหา 2 ราย ทราบชื่อคือ นายมุณี มณีวรรณ และ น.ส.พรพิมล อุ่นเสนีย์ สองสามีภรรยา พร้อมของกลางหลายรายการ เช่น รถจักรยานยนต์ อุปกรณ์ทำกุญแจ เครื่องจีพีเอส ฯลฯ โดยได้มีการนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ออกทำการแถลงข่าว

ขณะเดียวกันจากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ก็ได้ให้การรับสารภาพว่าได้ลงมือก่อเหตุโจรกรรมรถจักรยานยนต์ตามที่มีผู้เสียหายได้แจ้งความไว้จริง โดยได้ลงมือก่อเหตุมาตั้งแต่ปลายปี 2558 ประมาณ 20 กว่าคัน ด้วยการร่วมกับแฟนสาวออกตระเวนออกหาดูรถเป้าหมายที่จะลักจากนั้นจะนำเครื่องจีพีเอสไปติดซ่อนไว้ที่บริเวณใต้บังโคลนด้านหน้าของรถเพื่อไม่ให้เจ้าของรถสังเกตุเห็น แล้ว ใช้กุญแจที่ไม่มีรอยหยักทาสีเสียบเข้าไปในบล็อกกุญแจ จากนั้นค่อยดึงออกมา ซึ่งเมื่อได้รอยหยักที่ตรงกับช่องเสียบของรถคันดังกล่าวก็จะใช้เครื่องมือปั๊มกุญแจทำกุญแจที่สามารถเปิดรถคันดังกล่าวได้ขึ้นมา แล้วอาศัยตัวจีพีเอสที่ติดไว้ที่รถติดตามไปโจรกรรมอีกครั้ง โดยจะเน้นรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ที่มีระบบออโตเมติก เมื่อได้รถมาก็จะส่งขายให้กับ นายชรินทร์ สายจินานนท์ โดยตกลงซื้อขายผ่านทางแอพพลิเคชั่นไลน์ ส่งรูปรถ เสนอราคา ตกลงราคา และซื้อขายกันที่ จ.ลำปาง

และจากข้อมูลที่ได้จากโทรศัพท์ของ นายมุณี ผู้ต้องหาที่ถูกจับหกุมได้ จึงเป็นพยานหลักฐานสำคัญและได้รวบรวมเป็นรายงานการสืบสวนนำส่ง พ.ต.ท.ประสงค์ นาฝั้น พนักงานสอบสวน.สภ.ภูพิงค์ เพื่อดำเนินการขอศาลออกหมายจับ นายชรินทร์ ผู้ต้องหา ซึ่งต่อมาทางศาลจังหวัดเชียงใหม่ได้ออกหมายจับ นายชรินทร์ รวมจำนวนทั้งสิ้น 9 หมาย จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ดำเนินการติดตามจนกระทั่งเจอตัว นายชรินทร์ จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่และดำเนินการควบคุมตัวมาสอบสวน ซึ่งทาง นายชรินทร์ ผู้ต้องหาก็ได้ให้การรับสารภาพกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เป็นบุคคลคนเดียวกันตามหมายจับ แต่เมื่อแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบ นายชรินทร์ ผู้ต้องหาได้ให้การปฏิเสธข้อหา ลักทรัพย์รถจักรยานยนต์ ฯลฯ และในเบื้องต้นได้ให้การรับสารภาพข้อหา รับของโจร อย่างไรก็ตามทางทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการนำตัว นายชรินทร์ ผู้ต้องหาส่ง พ.ต.ท.ประสงค์ นาฝั้น พนักงานสอบสวน.สภ.ภูพิงค์ ดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงและดำเนินคดีกับทางผู้ต้องหาตามกฎหมายต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น