สกู๊ปหน้า 1… หอการค้าฯ ลุยสร้าง “สตาร์ทอัพ” เมืองเหนือ

111 หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมมืออุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (STEP) สำนักนวัตกรรมแห่งชาติเดินหน้าขับเคลื่อน โครงการพัฒนาความสามารถทางนวัตกรรมของผู้ประกอบการใหม่ภาคเหนือ Northern lnnovative Startup Thailand (NIST) มุ่งเจาะธุรกิจศักยภาพ 3 กลุ่ม Software / Digital Content Medical Spa and Wellness และ Smart Tourism ตั้งเป้า 4 ปีสร้าง Startup อย่างน้อย 240 ราย รวมมูลลค่าทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในพื้นที่ 1,200 ล้านบาท

นางวิภาวัลย์ วรพุฒิพงศ์ ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า หอการค้าฯ มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมในการดำเนินการ โครงการพัฒนาความสามารถทางนวัตกรรมของผู้ประกอบการใหม่ภาคเหนือ หรือ Northern lnnovative Startup Thailand (NIST) ร่วมกับทางอุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) โดยตั้งเป้ากลุ่มธุรกิจนวัตกรรมใหม่ 3 กลุ่ม ได้แก่ (1). IT Software และ Digital Content (2). Medical Spa and Wellness และ (3). Smart Tourism คาดว่าโครงการนี้จะมีผู้ประกอบการนวัตกรรมใหม่ที่มีศักยภาพสูงที่มูลค่าธุรกิจเบื้องต้นอย่างน้อย 5 ล้านบาท ในภาคเหนือ รวมอย่างน้อย 240 ราย รวมมูลค่าเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในพื้นที่ 1,200 ล้านบาทภายใน 4 ปี

“เชื่อมั่นว่าโครงการนี้จะเปิดโอกาสให้กลุ่ม Startup ที่มีศักยภาพและมีความสนใจในการทำธุรกิจสามารถเข้าร่วมโครงการโดยเป้าหมายของโครงการนี้เพื่อเร่งการสร้างธุรกิจกรรมใหม่ในพื้นที่ภาคเหนือ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจความงามและสุขภาพ กลุ่มธุรกิจเกษตรและอาหาร การท่องเที่ยวและโรงแรมรวมถึงไอที และดิจิตัลคอนเทนส์เพื่อให้สนองรับกับนโยบายของรัฐบาลที่มีแนวคิดในการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศ”

นางวิภาวัลย์ กล่าวว่า หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ ให้ความสำคัญกับโครงการนี้อย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลที่จะขับเคลื่อนประเทศสู่ยุค 4.0 ตลอดจนสถานการณ์ทางการค้า การประกอบธุรกิจปัจจุบันได้เปลี่ยนไปเร็วมาก โลกพูดถึงนวัตกรรมและเทคโนโลยีสูงขึ้น ดังนั้นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ผ่านการขับเคลื่อนสตาร์ทอัพจึงเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยเสริมสร้างเศรษฐกิจโดยรวมของจังหวัดและของประเทศเราได้ตลอดจนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ก็ได้กำหนดนโยบายชัดเจนว่าในปี 2559 นี้จะผลักดันสตาร์ทอัพ (Startup) อย่างเข้มข้น โดยจะไม่ให้กระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพฯ แต่ต้องกระจายไปต่างจังหวัดด้วย ซึ่งตัวเลขในปัจจุบันมี Startup ในประเทศไทยไม่ต่ำกว่า 500 ราย มีศูนย์กลางอยู่ที่กรุงเทพถึง 80% เชียงใหม่มีเพียง 10% ได้ภูเก็ต 5%

222

ดร.กอบกิจ อิสรชีววัฒน์ ประธานโครงการฯ หอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ภารกิจหลักของหอการค้าฯ ภายใต้โครงการนี้คือการเฟ้นหาผู้ประกอบการที่มีศักยภาพเพื่อเข้าร่วมโครงการ ซึ่งทางหอการค้าฯ มีเป้าหมายคือ “เครือข่ายทายาทนักธุรกิจรุ่นใหม่ (YEC:Young Entrepreneur Council)” ซึ่งเป็นผู้บริหารรุ่นใหม่ (New Generation) ที่สืบทอดธุรกิจ หรืออยากเริ่มต้นธุรกิจของตนเองนอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้กลุ่ม Startup ที่มีศักยภาพและมีความสนใจในการทำธุรกิจสามารถเข้าร่วมโครงการอีกด้วย

โครงการนี้มีเป้าหมายสำคัญเพื่อเร่งการสร้างธุรกิจนวัตกรรมใหม่ในพื้นที่ภาคเหนือและประเมินความเป็นไปได้ในเชิงธุรกิจ เพื่อให้นักธุรกิจรุ่นใหม่ในท้องถิ่นมีการพัฒนาศักยภาพและมีประสิทธิภาพสามารถรองรับการขยายตัวของธุรกิจทั้งในประเทศ ตลอดจนรับรองการขยายตลาดธุรกิจเพื่อก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) และยังถือเป็นการพัฒนากระบวนการเริ่มขับเคลื่อนธุรกิจสายใหม่ๆ ที่เป็นนวัตกรรมให้กับประเทศ เพื่อให้สนองรับกับนโยบายของรัฐบาลที่มีแนวคิดในการเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศ ด้วยการสร้าง Startup ต่อไป

ดร.กอบกิจ กล่าวว่ากิจกรรมสำคัญที่หอการค้าจะได้ดำเนินการได้แก่ 1.) การประชาสัมพันธ์เชิญชวนและรับสมัคร 2.) การจัดกิจกรรม Road Show ร่วมกับหอการค้าจังหวัดเชียงรายและหอการค้าจังหวัดพิษณุโลกเพื่อการประชาสัมพันธ์ชี้แจงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขรวมถึงเปิดรับสมัคร 3.)การคัดเลือกผู้สมัครที่มีศักยภาพเพื่อเข้าร่วมโครงการ 3 Days Startup 4.) การประชาสัมพันธ์และสัมภาษณ์เพื่อคัดเลือกผู้สมัครที่มีศักยภาพในการเข้าร่วมโครงการ 8 Weeks Startup Coaching Program 5.) กิจกรรม Feasibility Boot Camp และ อบรมการเขียนข้อเสนอโครงการ (Proposal) เป็นต้น

จากการประเมินเบื้องต้นถือว่าความพร้อมของภาคเอกชนในเชียงใหม่และภาคเหนือที่จะเข้าสู่โครงการมีสูงมาก ซึ่งผู้ประกอบการในเชียงใหม่มีความตื่นตัวและมีความสามารถสูงเป็นพื้นฐาน และขณะนี้เชียงใหม่มีกลไกรองรับ Startup ที่มีความพร้อมทุกด้านทั้งนักลงทุน นโยบายภาครัฐที่ให้ความสำคัญส่งเสริม เอกชนในพื้นที่ให้ความสำคัญ บุคลากรมีความพร้อมบรรยากาศ โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ มีขีดความสามารถสูงจึงคิดว่าถึงเวลาเหมาะสมที่เชียงใหม่จะเป็น Community of Startup และเป็น Smart City ในอนาคตอันใกล้นี้ได้

ร่วมแสดงความคิดเห็น