ภัย…สารเคมี

5-jpg
การเกษตรในไทยนั้นมีต้นทุนยาฆ่าแมลง-กำจัดวัชพืชและปุ๋ยเคมี สูตรต่างๆ มูลค่าการตลาดปีละหลายแสนล้านบาท เป็นต้นทุนที่เกษตรกร ทุกยุค ทุกสมัย แบกกันจนแบกหนี้กันบาน ท่ามกลางธุรกิจที่เติบใหญ่ของกลุ่มทุนไม่กี่ราย
ผมมีบ้านสวน เป็นถิ่นที่พำนักอาศัยละแวกป่าซาง นครลำพูน ยอมรับอย่างไม่อายว่า อาชีพเสริม นอกเหนือจากอาชีพหลักๆที่หลงหัวปักหัวปำในเส้นทางงานข่าวแล้ว ยังมีความสุขกับการเกษตรในแบบพอเพียงด้วย มักจะมีโอกาสไปเยี่ยมเยือน ผู้รู้จักมักคุ้นจากการป่วยกรำงานหนักจากภาคการเกษตร และภูมิต้านทานอ่อนแอ
ผมพยายามบอกกล่าวหลายๆท่านให้เพลาๆการใช้ฉีดสารเคมี ปุ๋ยเคมี ยากำจัดศัตรูพืช….ลงบ้าง
อาจเป็นความง่ายและนิยมใช้งานกัน พอๆกับความหวังที่จะได้รับจากสวน จากไร่ โดยลืมคิดถึงผลกระทบที่จะตามมา
ปัจจุบันบริษัทผู้ผลิตมีการเติมกลิ่นดอกไม้ กลิ่นผลไม้ กลิ่นหอมต่างๆ ลงไปในสารเคมีกำจัดศัตรูพืช จนทำให้ลืมไปว่าสารเหล่านี้คือสารพิษที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เช่น สารเคมีในกลุ่มออร์การ์โนคลอรีน เป็นสารกำจัดแมลงที่มีพิษค่อนข้างสูง สลายตัวยาก ทำให้เกิดการตกค้างในสิ่งแวดล้อม หลายประเทศในโลกรวมทั้งไทยห้ามใช้
สารเคมีกำจัดศัตรูพืชสามารถเข้าสู่คนได้ 3 ทาง คือ ทางปาก โดยการกิน การดื่ม ส่วนใหญ่พลั้งเผลอไม่ค่อยล้างมือให้สะอาด พักเที่ยงก็รวบข้าว จ้ำปื้ดๆ!!!!
ทางการหายใจ โดยการสูดดม ยิ่งช่วงปลูกหอม กระเทียม แถวๆบ้านเหม็นคลุ้ง ลอยมาตามลม เหม็นจนต้องจัดตารางมานอนที่บ้านพักแถวๆแม่โจ้อีกหลัง และการสัมผัส ทางผิวหนัง โดยการสัมผัสหรือจับต้องสารเคมี ทำให้เกิดการดูดซึมเข้าสู่ผิวหนังซึ่งหากผิวหนังมีบาดแผลจะทำให้สารพิษดูดซึมสู่ผิวหนังได้ดี
มหันตภัยจากสารเคมี สู่เส้นทางการเกษตรบ้านเรานั้นจะคิดอ่านแก้ไขยังไง!!กันดีครับ

ร่วมแสดงความคิดเห็น