“ดอกบัวตอง-ดอกปอเทือง”เหลืองอร่ามบานสะพรั่ง อวดโฉมรอต้อนรับนักท่องเที่ยว ที่ กฟผ.แม่เมาะ

106772

“ดอกบัวตอง-ดอกปอเทือง”เหลืองอร่ามบานสะพรั่งบนพื้นที่กว่า 250 ไร่ อวดโฉมรอต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ กฟผ. แม่เมาะ ลุ้นฝนตกต่อเนื่องยืนระยะเวลาบัวตองบานยาวถึง ธันวาคม

“ทุ่งบัวตอง” พื้นที่กว่า 250 ไร่ บนภูเขาเทียมด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของบ่อเหมืองแม่เมาะ หรือ ที่รู้จักกันอย่างเป็นทางการคือ “สวนเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว”กำลังอวดโฉมบานสะพรั่งเหลืองอร่ามสวยงามเต็มพื้นที่ รอต้อนรับนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาเที่ยวชมที่ “เหมืองแม่เมาะ” โดยทุ่งดอกบัวตองจะเบ่งบานล้อเล่นเป็นประจำทุกปีในช่วงเดือนพฤศจิกายน และจะสวยงามที่สุดในช่วงกลางเดือน ซึ่งปีนี้ “เหมืองแม่เมาะ”ยังได้มอบความพิเศษรังสรรค์พื้นที่อีกจำนวน 14 ไร่ปลูก “ปอเทือง” ให้สวยงามเหลืองอร่ามเคียงคู่กับ “ทุ่งบัวตอง” อีกด้วย ซึ่งพืชทั้งสองชนิดนี้ไม่เพียงแต่จะให้ความงามไว้ชื่นชมเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์อีกมหาศาลในการปรับปรุงและฟื้นฟูสภาพดินด้วย

นายฉลอง สนนิ่ม หัวหน้าแผนกวิชาการฟื้นฟูสภาพเหมือง (หวฟม-ช.) กองฟื้นฟูสภาพเหมือง (กฟม.) เปิดเผยว่า พื้นที่บริเวณทุ่งบัวตอง ตั้งอยู่ด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของบ่อเหมืองแม่เมาะ เดิมทีเป็นพื้นที่ทิ้งมูลดินทรายจากการทำเหมืองแร่ถ่านหินลิกไนต์ ซึ่งสภาพดินดังกล่าวไม่เหมาะสมในการปลูกไม้ยืนต้น ความอุดมสมบูรณ์มีน้อย ธาตุอาหารต่ำ จึงได้มีการปลูกพืชคลุมดินทั้งพืชตระกูลถั่วและหญ้าต่างๆ แต่ผู้บริหารเหมืองแม่เมาะเห็นว่าบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่มีความสวยงามการปลูกพืชตระกูลถั่ว หรือหญ้าอาจไม่มีความเหมาะสมจึง มีแนวคิดให้หาพันธุ์ไม้เพื่อปรับภูมิทัศน์ จึงเป็นที่มาของการทำโครงการทุ่งบัวตองแม่เมาะขึ้นเมื่อปี 2543

106771

ทั้งนี้ ทีมงานที่เกี่ยวข้องได้ไปศึกษาพื้นที่ รวมถึงเก็บข้อมูลเกี่ยวกับต้นบัวตองที่วนอุทยานทุ่งบัวตอง ดอยแม่อูคอ อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็นทุ่งบัวตองที่ใหญ่และสวยที่สุดของประเทศไทย บนความสูงกว่า 1,600 เมตร และได้เริ่มทดลองนำเมล็ดพันธ์ุมาปลูกในปี 2546 บริเวณพื้นที่ทิ้งดินมูลทราย หรือ ทุ่งบัวตองในปัจจุบัน พื้นที่นำร่องจำนวน 100 ไร่ ซึ่งเพียงปีแรกบัวตองก็ออกดอกเลย เมื่อนักท่องเที่ยวทราบก็แวะเวียนมาเยี่ยมชมไม่ขาดสาย จนเป็นกลายเป็นหนึ่งในกิจกรรมการท่องเที่ยว ที่ต้องเดินทางมาที่ทุ่งบัวตองแห่งนี้เป็นประจำทุกปี จากนั้น ได้ขยายพื้นที่เพาะปลูกเพิ่มขึ้นเป็นราวๆ 500 ไร่ ในเวลาต่อมา แต่พื้นที่ปลูกที่กว้างทำให้การดูแลรักษาไม่ครอบคลุม ขณะที่นักท่องเที่ยวก็ไม่ได้รับความสะดวกในการเยี่ยมชมพื้นที่ทั้งหมด

นอกจากนี้ การรักษาปลอดภัยก็ทำได้ลำบาก จึงจำกัดพื้นที่ลงเหลือเพียง 250 ไร่ ซึ่งพื้นที่ที่ถูกจำกัด 250 ไร่นั้นจากการวัดคุณภาพความอุดมสมบูรณ์ของดินเป็นที่น่าพอใจมาก จึงนำต้นไม้ใหญ่ไปปลูกแทน เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว “สาเหตุที่เราเลือกนำบัวตองมาปลูกเนื่องจากเป็นพืชคลุมดิน สามารถลดผลกระทบจากฝุ่น การชะล้างพังทลายของดิน และคุณภาพน้ำ รวมถึงปรับปรุงคุณภาพดิน ขณะเดียวกันยังช่วยปรับปรุงทัศนียภาพให้มีความสวยงามเพิ่มขึ้นด้วย

ทั้งนี้ บัวตองจะเริ่มบานในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน และจะบานสะพรั่งเต็มเหลืองอร่ามทั่วทั้งทุ่ง ช่วงระหว่างวันที่ 10-15 พ.ย. แต่ปีนี้สภาพอากาศที่ยังคงมีฝนตกลงมาต่อเนื่อง แม้จะเข้าช่วงฤดูหนาวแล้วก็ตาม ทำให้ความชื้นมีค่อนข้างมาก จึงคาดว่าบัวตองอาจจะบานต่อไปจนถึงเดือนธันวาคม ” นายฉลอง กล่าว นอกจาก “ทุ่งบัวตอง” ที่เป็นไฮไลท์สำคัญของ “สวนเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” แล้ว ในปีนี้ยังมีความพิเศษที่ “เหมืองแม่เมาะ” ได้มอบให้ด้วยการรังสรรค์พื้นที่ 14 ไร่ บริเวณใกล้เคียงกับทุ่งบัวตองให้เป็น “ทุ่งปอเทือง” เหลืองอร่ามล้อเล่นกับแสงแดดเคียงคู่กับ “ทุ่งบัวตอง” อีกด้วย

นางเบญจมาศ ก้างแจ๋ม วิทยาก รระดับ 6 แผนกบำรุงรักษาบริเวณและจัดการพื้นที่ฟื้นฟูสภาพเหมือง (หบฟม-ช.) กล่าวว่าบริเวณใกล้กับทุ่งบัวตองมีพื้นที่ว่างอยู่ประมาณ 14 ไร่ เดิมทีมีแผนงานที่จะจัดทำเป็นโครงการศูนย์ศึกษาพลังงาน หรือ Energy Park แต่ได้มีการเปลี่ยนแผน ให้มีการปรับภูมิทัศน์พื้นที่ดังกล่าวให้มีความสวยงาม เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว จนนำมาสู่การปลูก “ปอเทือง” นอกจากจะสวยงามแล้ว ยังช่วยปรับปรุงดินให้มีคุณภาพดี และเพิ่มธาตุอาหารในดินอีกด้วย

ขณะเดียวกัน ยังสามารถเก็บเมล็ดเพื่อใช้ในการหว่านครั้งต่อไปได้อีก“ปอเทือง เป็นพืชทนแล้ง ปลูกง่าย ไม่ต้องดูแลเอาใจใส่มาก เราเริ่มหว่านเมล็ดช่วงกลางเดือนกันยายน ใช้เวลาประมาณครึ่งเดือนก็ออกดอก ตอนนี้ก็สวยงามเหลืองอร่ามเต็มทุ่งแล้ว จากนี้ไปจนถึงช่วงสิ้นเดือนพฤศจิกายน ก็จะเก็บเมล็ดเพื่อหว่านในครั้งต่อไป พร้อมทั้งไถกลบให้เป็นปุ๋ยพืชสดบำรุงดินต่อไป สำหรับปอเทืองที่ปลูกที่นี่เป็นการปลูกแบบปลอดสารเคมีด้วย ” นางเบญจมาศ กล่าว

นักท่องเที่ยวที่สนใจจะเดินทางมายัง “สวนเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” สามารถเข้าชมได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00-19.00 น. อย่างไรก็ตาม นอกจากความเหลืองอร่ามของสองพันธ์ุไม้นี้แล้ว ยังมีไม้ดอกไม้ประดับและไม้ยืนต้นมากมายที่ออกดอกอวดโฉม สลับสับเปลี่ยนตลอดทั้งปีให้นักท่องเที่ยวได้เที่ยวชม ศึกษาพันธ์ุไม้ พร้อมกับถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ทั้งดอกขี้เหล็ก ดอกแคเสด ดอกกาสะลอง ดอกจำปี ดอกจำปา ดอกเฟื่องฟ้า เป็นต้น

สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักค้างคืน “เหมืองแม่เมาะ” ก็มีบริการที่พัก 2 แห่ง คือ บ้านชัยพฤกษ์ (เหมืองแม่ เมาะ) นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสชีวิตธรรมชาติที่เปี่ยมด้วยความสุข เงียบสงบแบบส่วนตัวในอ้อมกอดแห่งขุนเขา ชมความงามของเหล่ามวลพฤกษานานาพันธ์ุ และสัมผัสบรรยากาศร่มรื่นเย็นสบายของห้องพักจำนวน 30 ห้อง สามารถติดต่อสำรองห้องพักได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-5425-4993 , 0-5425-4994 นอกจากนี้ ยังมีที่พัก บ้านพักรับรอง ศูนย์ฝึกอบรมแม่เมาะ จำนวน 205 ห้อง ไว้คอยบริการนักท่องเที่ยว โดยสามารถติดต่อสำรองห้องพักได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-5425-6848 ข่าวจาก : แผนกประชาสัมพันธ์เหมืองแม่เมาะ

ร่วมแสดงความคิดเห็น