จากกรณีที่ นายอิศราชนุวัฒภ์ วรรคาวิสันต์ อายุ 23 ปี ลูกชายของ พล.ต.วิทยา วรรคาวิสันต์ ผบ.มทบ.38 จ.น่าน ถูกรุมทำร้ายที่ร้าน Malin Sky ในพื้นที่ของโครงการ เดอะ เชียงใหม่ คอมเพล็กซ์ ด้านหน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ บนถนนสุเทพ เมื่อคืนวันที่ 25 พ.ย.59 ที่ผ่านมา และมีกลุ่มเพื่อนของดาราเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งผู้เสียหายอ้างว่าเป็นการ์ดของร้าน หรือการ์ดของดารา ทำร้ายตนเองด้วยการสั่งการของเจ้าของร้าน และอ้างตนเองว่าเป็นแฟนของดาราสาวท่านหนึ่ ที่อยู่ในที่เกิดเหตุพร้อมกับเพื่อนดาราด้วยกัน และหลังจากที่ถูกทำร้ายก็ได้มีการเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลลานนา โดยมีพ่อ แม่ และครอบครัวดูแลอาการ ซึ่งพบว่ายังบาดเจ็บอยู่ทั้งเบ้าตาปูดช้ำบวมจนตาซ้ายปิด กระดูกเบ้าตาโหนกแก้ม กราม แตกร้าว ต้องประเมินว่าจะผ่าตัดหรือไม่ ทั้งนี้แม้ตำรวจจะจับกุมตัว นายถนอมศักดิ์ พิพัฒน์กิจการ อายุ 43 ปี ที่อยู่ ต.ตลาดใหม่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งยอมรับสารภาพว่าเป็นผู้ทำร้ายผู้เสียหายจริงโดยไม่มีผู้สั่งการ แต่ทางครอบครัวยังติดใจ เตรียมที่จะเข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อเอาผิดทั้งผู้ที่ก่อเหตุ และผู้ที่สั่งการรวมทั้งผู้ร่วมก่อเหตุให้ถึงที่สุด ตามที่ได้มีข่าวนำเสนอออกไปแล้วนั้น
สำหรับความคืบหน้าล่าสุดเมื่อ เวลาประมาณ 12.00 น. วันที่ 27 พ.ย.59 ทางตัวแทนของโครงการ เดอะ เชียงใหม่ คอมเพล็กซ์ เจ้าของพื้นที่ทั้งหมดซึ่งหนึ่งในนั้นมีโรงแรม และ Malin Sky สถานที่เกิดเหตุมีผู้มาเช่าประกอบการโรงแรม และร้านอาการดังกล่าวอยู่อีกทอดหนึ่งได้เดินทางนำดอกไม้มาเยี่ยม ผู้เสียหายพร้อมกับแจ้งว่าได้ยกเลิกสัญญากับร้าน Malin Sky ดังกล่าวตั้งแต่ทราบข่าวการเกิดเหตุวันที่ 26 พ.ย. ที่ผ่านมาแล้ว ซึ่งทางโครงการยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำดังกล่าวและรู้สึกเสียใจกับครอบครัวที่เกิดเหตุการณ์ขึ้น
โดยทาง นางปุนยวัจนา วรรคาวิสันต์ อายุ 49 ปี แม่ของผู้บาดเจ็บ เล่าเหตุการณ์ที่ลูกชายไปเจอมาให้ฟังว่า ช่วงเกิดเหตุลูกชายกำลังอยู่คุยทรศัพท์กับตนโดยกำลังโทรมาบอกว่ากำลังจะกลับแต่เกิดเหตุขึ้นซึ่งแม่ก็ได้ยินเสียงเหตุการณ์ทั้งหมดผ่านทางมือถือของลูกชายที่โทรหา และเสียใจที่ตนเองไม่สามารถช่วยเหลือลูกชายได้ ยืนยันครอบครัวไม่ได้พาดพิงว่าลูกชายมีเรื่องกับดาราคนไหน แต่มีเรื่องกับคนที่อ้างตัวว่าเป็นคนรวยเป็นเจ้าของโครงการและเป็นแฟนหนุ่มของดารา เป็นผู้สั่งการณ์ให้การ์ด เป็นคนทำร้ายลูกชาย ส่วนดารานั้นมองว่า หากอยู่ในเหตุการณ์จริงน่าจะช่วยกันห้ามปรามไว้ตนเองติดใจแค่นี้ ซึ่งส่วนตัวลูกชายเองก็ไม่ได้รู้จักดาราว่าเป็นคนไหนเลยมีสื่อมวลชนตามสืบมาทั้งหมด ว่ามีใครไปในคืนนั้นบ้างเท่านั้น แต่ที่อยากจะเอาผิดคือคนที่สั่งการทำร้ายลูกชาย แม้จะเป็นคนนใหญ่โตแต่ก็ต้องอยู่ภายใต้กฏหมายอย่างเท่าเทียมกัน อีกทั้งติดใจว่าร้านนี้เคยถูกสั่งผิดตามมาตรา 44 และตั้งอยู่ใกล้สถาบันการศึกษาทั้งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และมหาวิทยาลันเทคโนโลยีราชมงคลล้านา แต่ทำไมสามารถเปิดขายอาหาร และขายสุราได้ ทั้งที่ตามกฏหมายถือว่ามีความผิด
โดยต่อมาเวลาประมาณ 15.00 น. ทางด้าน นายธนิน เลิศอำรุงกุล อายุ 33 ปี เจ้าของร้าน Malin Sky ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุของเรื่องดังกล่าว ได้ออกมาชี้แจงกับสื่อมวลชน หลังจากที่ได้มีข่าวแพร่กระจายออกไปจนเป็นเรื่องใหญ่โตในขณะนี้ อีกทั้งได้นำเอกสารหลักฐานใบอนุญาตประกอบกิจการและการเปิดร้านดังกล่าวมาแสดง เพื่อความบริสุทธิ์ใจ ซึ่งทางเจ้าตัวระบุว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ภายหลังจากที่ตนทราบเรื่องก็ได้ออกมารับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นพอสมควร โดยการออกมาชี้แจงในวันนี้ก็เพื่ออยากที่จะยืนยันความบริสุทธิ์ใจ และออกมาแสดงตัวรับผิดชอบในฐานะเจ้าของร้าน พร้อมทั้งยืนยันว่าหลังจากเกิดเรื่องตนก็ไม่ได้หลบหนีไปไหน และพร้อมที่จะให้ปากคำ รวมถึงความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ ซึ่งตนก็เชื่อมั่นว่าทางเจ้าหน้าที่จะดำเนินการกับเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยความยุติธรรมซึ่งเรื่องของคดีความนั้นก็ปล่อยให้เป็นไปตามกฎหมาย ส่วนเรื่องความผิดต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้น ในฐานะที่ตนเป็นเจ้าของร้านก็รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยในวันเกิดเหตุนั้นตนไม่ได้อยู่ที่ร้าน และภายหลังจากทราบข่าวก็ได้เดินทางไปให้ปากคำที่โรงพักทันที ส่วนเรื่องรายละเอียดนั้นตนขอไม่ลงลึก เนื่องจากเกรงว่าจะมีผลต่อรูปคดี
ขณะเดียวกันในส่วนของกรณีที่ว่า “บอล” กฤษณะ อมิตรสูญ มีหุ้นส่วนขายในร้านนั้น ข้อเท็จจริงโดยส่วนตัวตนขอชี้แจงว่า “บอล” ไม่ได้เป็นหุ้นส่วนแต่อย่างใด แต่เนื่องจากมีความสนิทเป็นเพื่อนกันมากกว่า และยืนยันว่าตนเป็นเจ้าของร้านแห่งนี้เพียงคนเดียวเท่านั้น ตั้งแต่เริ่มต้นเปิดทำการมา โดยสามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ และในส่วนของเรื่องกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งภายในร้านนั้น บริเวณชั้นล่างของตึกสามารถใช้งานได้ทุกอย่าง แต่ในส่วนของชั้นบนที่เกิดเหตุนี้ เนื่องจากทางร้านถูกสั่งปิด ได้ประมาณ 2-3 เดือน และพึ่งมาเปิดบริการใหม่ได้ประมาณ 2 เดือน ประกอบกับสภาพร้านที่เป็นสไตล์ Out door ทำให้กล้องวงจรปิดมีปัญหา จึงได้ถอดไปส่งซ่อม และจากการที่ร้านเปิดได้ไม่นานจึงยังไม่มีการติดตั้งกล้อง อย่างไรก็ตามมีกรณีที่ระบุว่าหลังเกิดเหตุนั้นทางร้านได้มีการนำกล้องวงจรปิดออก ทางตนขอยืนยันว่า กล้องไม่ได้ถูกถอดออกหลังเกิดเหตุการณ์แต่อย่างใด โดยกล้องนั้นได้นำไปซ่อมได้ประมาณ 2-3 เดือนแล้ว
ส่วนเรื่องของการดำเนินการขั้นตอนต่อไปนั้นก็จะได้ให้ทางทนายเป็นคนชี้แจงอีกครั้ง เนื่องจากทางทนายได้บอกกับตนว่าหากให้ข้อมูลที่มากเกินไปอาจมีผลกระทบในรูปคดีค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตามในเบื้องต้นตอนนี้ทางโครงการ เดอะเชียงใหม่ คอมเพล็กซ์ เจ้าของพื้นที่ได้มีคำสั่งยกเลิกสัญญาเช่าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และทางร้านก็คงต้องปิดตัวลงอย่างถาวร ขณะเดียวกันในส่วนของตนนั้นหลังเกิดเรื่องก็รู้สึกเสียใจ และพยายามจะติดต่อกับทางผู้เสียหายแต่ตอนนี้กำลังรอทางทนายดำเนินการเรื่องของกฎหมายให้เสร็จสิ้นก่อน แต่การที่ออกมาชี้แจงในวันนี้เพียงแค่ต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าตนไม่ได้หลบหน้าไปไหนและพร้อมที่จะรับผิดชอบทุกอย่างกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในครั้งนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วงเย็นเวลาประมาณ 18.00 น. ที่บริเวณ ชั้นดาดฟ้า The core chiangmai hotel ทางดาราดังซึ่งประกอบด้วย “อุ้ม” ลักขณา วัธนวงส์ศิริ พร้อมด้วย “โบว์” เบญจศิริ วัฒนา และ นายสันต์ กาวิชัย ทนายของดาราดังทั้ง 2 คน ก็ได้ทำการเปิดแถลงชี้แจงกับทางสื่อมวลชนถึงกรณีที่ได้ตกเป็นข่าว และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันดังกล่าว โดยทาง “อุ้ม” ลักขณา วัธนวงส์ศิริ กล่าวว่า สืบเนื่องจากตนได้เดินทางมายังจังหวัดเชียงใหม่เป็นปกติ เนื่องจากพี่ “บอล” กฤษณะ ที่เป็นแฟนนั้นก็ได้ทำงานอยู่ที่เชียงใหม่ ซึ่งเมื่อมาก็มักจะเข้าพักที่โรงแรม The core และเวลาทานอาหารก็มักจะไปทานที่ร้าน Malin Sky ซึ่งในวันดังกล่าวตนก็ได้ชวนพวกนักแสดงที่สนิทกันมาทานอาหารด้วยที่ร้าน และตอนนั้นก็ทานอาหารกันตามปกติไม่ได้มีปัญหาอะไร เนื่องจากตนก็มาร้านนี้เป็นประจำอยู่แล้ว โดยระหว่างที่มีเรื่องทะเลาะกันบริเวณหน้าห้องน้ำนั้นทางตนกับกลุ่มเพื่อนที่อยู่ด้วยกันก็ยังไม่รู้เรื่อง เนื่องจากห้องน้ำอยู่ชั้น 3 และตนกับกลุ่มนั้นอยู่ชั้นดาดฟ้า จึงไม่เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กระทั่งในเวลาต่อมามีคนมาบอกให้กลับ ซึ่งตอนนั้นก็เป็นเวลาประมาณ 23.00 น. แล้ว แต่ระหว่างที่กำลังรอเช็คบิลนั้นก็มองเห็นเหตุการณ์อยู่ไกลๆ ว่ามีคนกำลังชุลมุนกัน และเกิดความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ทางตนจึงรีบบอกให้นักแสดงรุ่นน้องกลุ่มหนึ่งที่มาด้วยกันกลับไปก่อน เนื่องจากพักคนละที่ และทางตนก็เป็นคนจัดการเรื่องค่าอาหาร รวมถึงรถที่รับส่งนักแสดงด้วย จากนั้นตนกับโบว์ ก็กลับตามหลังเนื่องจากรอจ่ายเงินค่าอาหารอยู่ ซึ่งทางตนยืนยันว่าไม่ทราบเลยว่าตอนนั้นเกิดเหตุอะไร หรือมีใครทะเลาะชกต่อยกัน และไม่ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการทะเลาะกันอย่างที่เป็นข่าวออกมา
“อุ้ม” ลักขณา กล่าวอีกว่า เกี่ยวกับกรณีที่พี่ “บอล” กฤษณะ แฟนของตนมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ทางตนขอชี้แจงว่าในวันดังกล่าว ขณะที่ตนกำลังอยู่ในที่เกิดเหตุทางร้านก็มีการเล่นดนตรี ทำให้มีเสียงดัง ซึ่งระหว่างนั้นพี่ “บอล” ก็อยู่ที่โต๊ะเดียวกันกับตน และเดินไปเดินมาแถวโต๊ะเพื่อน ซึ่งตอนนั้นก็ไม่ได้ยินว่าพี่ “บอล” ไปสั่งหรือไปมีเรื่องกับใครเลย และไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น อีกทั้งไม่เคยคิดว่าเป็นดาราแล้วจะมีอภิสิทธิ์เหนือคนทั่วไปแต่อย่างใด โดยธรรมดาแล้วตนก็ทำตัวตามปกติ เวลาไปไหนมาไหนก็ไม่ได้มีการ์ดส่วนตัว หรือบอร์ดี้การ์ดมาคอยดูแล ซึ่งในวันนั้นการที่เราจะไปเข้าห้องน้ำแล้วพี่การ์ดที่ดูแลในร้านจะดูแลความเรียบร้อยมันก็เป็นหน้าที่ของเค้าซึ่งจุดนี้ตนไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ส่วนตอนที่บอกว่ามีดาราเข้าห้องน้ำนั้นทางตนก็ไม่ทราบเลยว่าเป็นใคร เพราะตอนนั้นก็นั่งกันอยู่ที่โต๊ะ และตอนเข้าห้องน้ำก็เข้าไปในตอนที่ไม่ได้เกิดเหตุดังกล่าว และยืนยันว่าในระหว่างเกิดเหตุไม่ได้ยินเสียงของ พี่ “บอล” ตะโกนด่าแต่อย่างใด และได้ยินแค่พี่ “บอล” บอกว่าให้พาน้องเค้าออกไปแค่นั้น และจากข่าวที่บอกว่า พี่ “บอล” เป็นหุ้นส่วนกับทางร้านนั้นไม่ได้เป็นความจริงแต่พี่ “บอล” เพียงแค่เป็นเพื่อนสนิทและรู้จักกันดีกับเจ้าของร้านเท่านั้น
ทางด้าน “โบว์” เบญจศิริ วัฒนา กล่าวเพพิ่มเติมว่า ขณะเดียวกันมีสื่อบางสื่อใช้คำว่า “แก๊งดาราสั่งรุมกระทืบ แล้วยืนหัวเราะ” ตรงนี้เป็นสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริงตามที่เป็นข่าวออกไป และทำให้ทั้งตนและ “อุ้ม” เสียชื่อเสียง รวมถึงต้นสังกัดที่บอกว่าเป็นนักแสดงช่อง 3 ก็ส่งผลกระทบ ทำให้ต้นสังกัดนั้นเสียชื่อเสียงตามไปด้วย ซึ่งในส่วนของเรื่องนี้จะต้องมีการพุดคุยกันอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป แต่ตอนเกิดเหตุนั้นตนรู้แค่ว่ากำลังจะกลับแล้ว เนื่องจากรู้สึกไม่ปลอดภัย โดยก่อนหน้านั้นได้มีการเคลียร์ให้รุ่นน้องกลับไปก่อนชุดหนึ่ง ซึ่งจังหวะนั้นก็หันไปเห็นน้องผู้เสียหายเดินมาในลักษณะหน้าเปื้อนเลือดซึ่งตนก็ยังตกใจและสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น จึงทำให้ตนต้องรีบพาคนอื่นๆ ออกจากที่เกิดเหตุ ส่วน “อุ้ม” ก็กำลังรอเคลียร์บิลอยู่ จนกระทั่งมาถึงที่บริเวณหน้าลิฟท์ ระหว่างที่รอลิฟท์ ก็เห็นน้องผู้เสียหายเดินมาพร้อมกันกับผู้ชาย 4 คน ที่พยุงน้องมา ตอนนั้นตนยังคิดจะถามน้องอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ด้วยความเร่งรีบจึงได้ให้น้องคนดังกล่าวลงลิฟท์ไปก่อน โดยตนยืนยันว่าในวันเกิดเหตุนั้นได้อยู่ในเหตุการณ์เพียงเท่าที่เล่ามาและไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้นตามที่ข่าวได้นำเสนอไปจนทำให้เสียชื่อเสียงแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ทางด้าน นายสันต์ กาวิชัย ทนายของดาราดังทั้ง 2 คน ก็ระบุว่า เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอความร่วมมือจากกลุ่มดารานักแสดงที่อยู่ในคืนเกิดเหตุในการให้ปากคำกับทางเจ้าหน้าที่ ซึ่งพร้อมให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แต่เบื้องต้นไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดใดๆ ในเวลานี้ ส่วนทางคุณ “บอล” กฤษณะ นั้นได้ติดธุระเร่งด่วนทำให้ไม่สามารถมาร่วมการชี้แจงข้อเท็จจริงในครั้งนี้ได้ ซึ่งในส่วนของคุณ “บอล” กฤษณะ นั้นทางพนักงานสอบสวนก็ได้ขอเชิญตัวไปให้ถ้อยคำเช่นกัน และอาจจะต้องรอให้ทางเจ้าตัวให้ถ้อยคำสอบสวนให้เสร็จก่อนจากนั้นทางเจ้าตัวจึงจะออกมาแถลงข่าวอีกครั้ง
ร่วมแสดงความคิดเห็น