แบงก์ชาติ-สมาคมธนาคารไทย เดินสายให้ความรู้ “พร้อมเพย์”เริ่มต้นที่เชียงใหม่

dsc_0372

ธนาคารแห่งประเทศไทยและสมาคมธนาคารไทย เดินสายภูมิภาคเพื่อสื่อสารโครงการ “พร้อมเพย์” บริการรับเงินและโอนเงินทางเลือกใหม่โดยใช้หมายเลขโทรศัพท์มือถือ หรือเลขประจำตัวบัตรประชาชน แทนเลขที่บัญชีเงินฝากธนา คาร โดยลงพื้นที่จัดสัมมนาให้ความรู้โครงการ “พร้อมเพย์” เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนถึงบริการที่สะดวก ประหยัด และปลอดภัย ในการรับเงินและโอนเงิน พร้อมเชิญชวนให้ใช้พร้อมเพย์ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการก้าวสู่ระบบการเงินยุคดิจิทัล

กิจกรรมดังกล่าวยังจัดให้ความรู้บริการพร้อมเพย์ แก่ตัวแทนจากธนาคารต่าง ๆ และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ให้เข้าใจและสามารถนำไปถ่ายทอดได้อย่างถูกต้อง ก่อนจะเปิดให้ประชาชนเริ่มใช้ทำธุรกรรม ระหว่างบุคคลได้ในไตร มาสแรกของ ปี 2560

น.ส.สิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยพร้อมด้วยสมาคมธนาคารไทย จะเริ่มเดินสายให้ความรู้สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับโครงการพร้อมเพย์ กับตัวแทนสาขาจากธนาคารต่าง ๆ และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ด้วยการอบรม “Train the Trainers” เพื่อให้ตัวแทนจากแต่ละธนาคารและเจ้าหน้าที่ภาครัฐ เข้าใจในบริการพร้อมเพย์และสามารถอธิบายรายละเอียดขั้นตอน และวิธีการเกี่ยวกับการลงทะเบียน การรับและโอนเงิน ตลอดจนประโยชน์ที่ประชา ชนจะได้รับได้ดียิ่งขึ้น

โดยจะจัดสัมมนาสัญจรใน 3 จังหวัดนำร่อง ได้แก่ เชียงใหม่ สงขลา (หาดใหญ่) และขอนแก่น ในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม 2559 นอกจากนี้ ยังมีการให้ความรู้แก่ประชาชนทั่วไป และลูกค้าธนาคารพาณิชย์ที่สนใจเข้าร่วมรับฟังในการสัมมนาครั้งนี้ด้วย “บริการพร้อมเพย์เป็นบริการทางเลือกใหม่ที่ทันสมัยสำหรับประชาชน และจะได้รับประโยชน์ทั้งด้านความสะดวก ประหยัด และปลอดภัย โดยจะเปิดให้บริการในไตรมาสที่ 1 ปี 2560 เราต้องการเพิ่มความมั่นใจว่าเมื่อเปิดใช้อย่างเต็มรูปแบบ ประชาชนจะมีความเข้าใจและได้รับประโยชน์สูงสุด กิจกรรมสัมมนาสัญจรครั้งนี้จึงเน้นการให้ความรู้แก่ประชาชนในระดับภูมิภาค โดยเริ่มต้นที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นจังหวัดศูนย์กลางในภาคเหนือ เพื่อให้ความมั่นใจและเห็นประโยชน์ของการโอนเงินระหว่างบุคคล ให้สามารถพร้อมใช้บริการต่อไป” น.ส.สิริธิดากล่าว

นายยศ กิมสวัสดิ์ ประธานสำนักระบบการชำระเงิน สมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า “พร้อมเพย์มีจุดเด่นที่ความสะดวก ประหยัด และปลอดภัย เนื่องจากสามารถใช้หมายเลขโทรศัพท์มือถือ หรือเลขประจำตัวประชาชนของผู้รับเงินแทนเลขที่บัญชีเงินฝาก ทำให้ผู้โอนไม่จำเป็นต้องรู้ข้อมูลส่วนตัวของผู้รับ เช่น เลขที่บัญชีเงินฝากธนาคารและชื่อธนาคารของผู้รับเงิน ส่วนค่าธรรมเนียมก็ถูกลงกว่าการโอนแบบปกติหลายเท่า หากโอนเงินไม่เกิน 5,000 บาท ก็ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมใดใด แม้จะโอนเงินข้ามจังหวัดหรือข้ามธนาคาร ผู้ใช้บริการพร้อมเพย์ไม่เพียงช่วยให้ตนเองได้ประหยัด แต่ยังช่วยให้ธนาคารและประเทศได้ประหยัด เพราะที่ผ่านมาประเทศไทยต้องมีค่าใช้จ่ายในการจัดการเงินสดมากถึงหลักแสนล้านบาทต่อปี หากทุกคนสามารถพึ่งพาเงินสดให้น้อยลง ก็จะสามารถลดต้นทุนของธนาคารและประเทศลงไปได้มาก”

“ผู้ที่สนใจใช้บริการพร้อมเพย์ สามารถสมัครได้ 4 ช่องทาง คือ ตู้เอทีเอ็ม ระบบโมบายแบงกิ้ง ระบบอินเทอร์เน็ตแบงกิ้ง หรือติดต่อสาขาธนาคาร โดยแจ้งผูกหมายเลขโทรศัพท์มือถือหรือเลขประจำตัวประชาชน ไว้กับบัญชีธนาคารที่ต้องการ” นายยศกล่าวเสริม การโอนเงินระหว่างบุคคลด้วยบริการพร้อมเพย์ จะประหยัดและสะดวกขึ้น เนื่องจากค่าธรรมเนียมการโอนที่ถูกกว่าระบบปัจจุบัน โดยหากโอนเงินไม่เกิน 5,000 บาท ผู้โอนจะไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมใดๆ แต่หากยอดเงินโอนสูงกว่า 5,000 บาท ก็มีค่าธรรมเนียมเพียงแค่ 2 – 10 บาท เท่านั้น ซึ่งจะช่วยประหยัดต้นทุนและช่วยเพิ่มความสะดวกมากยิ่งขึ้นในการโอนเงินระหว่างบุคคล รวมทั้งการซื้อขายของผ่านระบบออนไลน์หรืออีคอม เมิร์ซ
“บริการพร้อมเพย์นับเป็นการเปิดมิติใหม่ ในการทำธุรกรรมทางการเงินและ เป็นจุดเริ่มต้นของการนำระบบการเงิน ของประเทศไทยเข้าสู่ยุคดิจิทัล ลดการพึ่งพาเงินสด ลดค่าใช้จ่ายในการจัดการ เงินสดในทุกภาคส่วน อีกทั้งยังสนับสนุนการพัฒนาประเทศในยุคไทยแลนด์ 4.0 ให้เราก้าวหน้าไปได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย ธนาคารแห่งประเทศไทยและสมา คมธนาคารไทยคาดหวังว่า การลงพื้นที่ให้ความรู้ในครั้งนี้ จะได้รับการตอบรับที่ดีจากทั้งธนาคารต่างๆ ภาครัฐ ภาคประชาชน และหวังจะช่วยให้ประชาชนมีความเข้าใจ ในประโยชน์ของระบบพร้อมเพย์ดียิ่งขึ้น เพื่อเตรียมความพร้อมให้ประชาชนสามารถใช้บริการพร้อมเพย์ได้อย่างเต็มที่ เมื่อเปิดใช้งานจริงในไตรมาสแรกของปีหน้า” น.ส.สิริธิดากล่าว

ร่วมแสดงความคิดเห็น