จัดงาน”อาหารโลก” รับมือภัยจากโลกร้อน

b7-w9h7-4
เกษตรฯ จับมือ เอฟ เอ โอ และจังหวัดเชียงราย จัดงาน “วันอาหารโลก ปี 59” หวังกระตุ้นทุกภาคส่วนตื่นรับภัยคุกคามจากโลกร้อน ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เผย สมาชิกองค์การสหประชาชาติและประเทศต่างๆ ทั่วโลกกว่า 190 ประเทศ ได้ให้คำมั่นร่วมกันในการแก้ไขปัญหาเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในการขจัดความอดอยากหิวโหยและทุพโภชนาการทุกรูปแบบ มุ่งดันภาคเกษตรกรรมของไทยเป็นภาคการผลิตที่สร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกร
พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานพิธีเปิดงานวันอาหารโลก ประจำปี2559 ครั้งที่ 2/2559 โดยมีนายบุญส่ง เตชะมณีสถิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นผู้กล่าวรายงาน และมีหัวหน้าส่วนราชการ ร้านค้าภาคเอกชน กลุ่มเกษตรกรร่วมให้การต้อนรับ ณ ศูนย์แสดงสินค้านานาชาติ GSM อ.เมือง จ.เชียงราย
ทั้งนี้ พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ตามที่องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ หรือ เอฟ เอ โอ ได้กำหนดหัวข้อการรณรงค์วันอาหารโลกในปีนี้ คือ “สภาพภูมิอากาศกำลังเปลี่ยนแปลง : อาหารและการเกษตรต้องเปลี่ยนด้วย” เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือโลกร้อน ถือเป็นภัยคุมคามที่ส่งผลกระทบกับการผลิตอาหาร และภาคการเกษตร โดย ผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ เกษตรและคนยากจน แต่ด้วยประเทศไทยเป็นประเทศที่โชคดีภายใต้ร่มพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ ซึ่งทรงมีพระปรีชาญาณ พระอัจฉริยภาพ และสายพระเนตรที่กว้างไกล ทรงเล็งเห็นปัญหาสิ่งแวดล้อมและภาวะโลกร้อนมาก่อนหน้านี้หลายสิบปี โดยทรงชี้ให้เห็นถึงเหตุและผลกระทบของภาวะแก๊สเรือนกระจกที่มีผลกระทบต่อไทยและต่อโลกโดยรวม จากอุณหภูมิของโลกที่ร้อนขึ้น และสิ่งแวดล้อมที่แปรปรวนอย่างรวดเร็ว โดยได้พระราชทานมาตรการในการแก้ไขปัญหาใน 2 มาตรการ คือ 1. มาตรการบรรเทาหรือลดภาวะโลกร้อนโดยตรง เช่น ทรงอนุรักษ์พื้นที่ป่า และสิ่งแวดล้อม ทรงฟื้นฟูสภาพป่าและปลูกป่าทดแทน ทรงอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรดิน และทรงแก้ไขปัญหาน้ำเน่าเสีย เป็นต้น 2. มาตรการจัดการให้สามารถดำรงชีวิตได้ด้วยความพอเพียง เช่น ทรงแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำ ทำการเกษตรแบบพึ่งพาธรรมชาติ ปราศจากสารเคมี การปรับเปลี่ยนจากการปลูกพืชเสพติดมาปลูกพืชเศรษฐกิจของชาวเขา เป็นต้น และยังมีโครงการตามพระราชดำริอีกกว่า 4,000 โครงการ เพื่อช่วยเหลือพสกนิกรชาวไทยในการสร้างความมั่นคงอาหาร และมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ซึ่งรัฐบาลและกระทรวงเกษตรฯ ได้ดำเนินการตามแนวพระราชดำริดังกล่าวข้างต้นมาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งทำให้ภาคเกษตรกรรมของไทยเป็นภาคการผลิตที่สร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกร
พลเอกฉัตรชัย กล่าวต่ออีกว่า ดังนั้น การจัดงานวันอาหารโลกในปีนี้ จึงเน้นกิจกรรมเพื่อส่งเสริมและเผยแพร่ให้ทุกภาคส่วนในสังคมเกิดความตระหนักในเรื่องดังกล่าว รวมถึงมีความเข้าใจและนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างเป็นรูปธรรมทั้งประชาชนในจังหวัดเชียงราย จังหวัดใกล้เคียง ผ่าน 4 กิจกรรมหลัก ได้แก่1 นิทรรศการ “ศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ และแสดงความอาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลเดชฯ นิทรรศการเกี่ยวกับโลกร้อนและวิถีเกษตรกับสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง และนำเสนอโครงการพระราชดำริปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ทฤษฏีใหม่ เทคโนโลยีการเกษตรยุคใหม่ก้าวสู่ประเทศไทย 4.0 ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ กว่า20 หน่วยงาน 2. การแสดงวิถีชิวิตกลุ่มชาติพันธุ์ 17 ชนเผ่า ชิมสุดยอดของดีเมืองเชียงราย 3. การบรรยายและเสวนา เรื่อง เกษตรอินทรีย์ เกษตรตามรอยพ่อ เป็นต้น 4. การแสดง สาธิตการแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร และเปิดตลาดข้าวของกลุ่มวิสาหกิจชุมชน เป็นต้น
ทั้งนี้ในช่วง 4 – 5 ปีที่ผ่านมา ได้เกิดภัยพิบัติต่างๆ เกิดขึ้นอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง ทั้งน้ำท่วม ภัยแล้ง พายุ และการเกิดโรคระบาดในพืชและสัตว์ ซึ่งล้วนแล้วเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลต่อภาคการเกษตรอย่างมีนัยยะสำคัญ ซึ่งประเทศไทยในฐานะสมาชิกองค์การสหประชาชาติและประเทศต่างๆ ทั่วโลกกว่า 190 ประเทศ ได้ให้คำมั่นร่วมกันในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศรวมทั้งภาวะโลกร้อนตามความตกลงปารีส เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในการขจัดความอดอยากหิวโหยและทุพโภชนาการทุกรูปแบบให้ได้ภายในปี 2573 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวส่งท้าย

ร่วมแสดงความคิดเห็น