“ซิโก้” ห้ามช้างศึก ประมาทในบ้าน เล่นเต็มที่เพื่อชัย

ซิโก้เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย เตือนลูกทีมห้ามประมาท ทีมชาติเมียนมา ในเอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2016 รอบรองชนะเลิศ นัดที่สอง แม้ล่าสุดจะบุกไปชนะมาก่อน 0-2 ที่สนามธุวันนา สเตเดี้ยม เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ที่ผ่านมาช้างศึกได้สองประตูจาก ธีรศิลป์ แดงดา แม้จะทำให้ได้เปรียบพอสมควร แต่ “ซิโก้” เตือนลูกทีมว่าห้ามประมาท หลังหวั่นเกิดเหตุการณ์เหมือนนัดชิงชนะเลิศเมื่อปี 2014 ที่เปิดบ้านชนะ มาเลเซีย 2-0 ก่อนบุกไปแพ้ 3-2

แน่นอนว่า เกมนอกบ้าน ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด โดยภาพรวมเราต้องการ 3 คะแนน และเราสามารถทำได้ ฉะนั้นเด็กทุกคนคงมีความมั่นใจมากขึ้น แต่เราพยายามให้เด็กมีสมาธิ อย่าประมาท เพราะเรามีประสบการณ์จาก(นัดชิงชนะเลิศ) ปีที่แล้ว เราชนะในบ้าน 2-0 ก็จริง พอไปเล่นที่มาเลเซีย คู่ต่อสู้ยิงนำถึง 3 ลูก ฉะนั้นเราไม่ประมาท เพราะเรายังไปไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้คือ ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ และเป็นแชมป์ให้ได้ “

“เรายังมีเวลาอีก 12 วันกว่าจะถึงจุดนั้น ก็อยากทำให้ทุกคนมีความมุ่งมั่นเหมือนเดิม เราได้มีการฟื้นฟูร่างกายนักเตะที่ลงสนาม และชาร์จแบตนักเตะที่ไม่ได้ลง จากนี้คงมีเข้าแคมป์เก็บตัวเหมือนเดิม พรุ่งนี้เราจะมีการฝึกซ้อมต่อเนื่อง ในวันที่ 6 และ 7 เพื่อเตรียมการแข่งขันวันที่ 8 ธันวาคม 2559 ณ สนามราชมังคลาสถาน

“ ฝากแฟนบอลชาวไทยให้เข้ามาชมและเชียร์เยอะ เราได้เปรียบก็จริง แต่เรายังให้ความสำคัญอยู่ อยากเชิญชวนให้เข้ามาชมเกมที่สนาม เราต้องการแชมป์ ไปมอบให้รัชกาลที่ 9 เราเชื่อว่าพระองค์ท่านทอดพระเนตรพวกเราอยู่บนสรวงสวรรค์ แล้วอีกหนึ่งอย่าง เราได้บอกนักฟุตบอลว่า เราจะนำถ้วยนี้กลับไปถวายในหลวงรัชกาลที่ 10 ซึ่งน้องๆทุกคนก็รู้ว่าแล้ว หน้าที่ต้องทำอะไรบ้าง” ซิโก้กล่าวปิดท้าย ทีมชาติไทย จะเปิดบ้านพบกับ ทีมชาติเมียนมา ในเอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2016 รอบรองชนะเลิศ นัดที่สอง วันที่ 8 ธันวาคมนี้

การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน “เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2016” รอบรองชนะเลิศ นัดแรก “ช้างศึก” ทีมชาติไทย บุกชนะ เมียนมา 2-0 ทำให้โอกาสเข้ารอบชิงชนะเลิศสดใส โดยนัด 2 จะเตะที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน วันที่ 8 ธ.ค. เวลา 19.00 น. ช่อง 7 สี ถ่ายทอดสด

ทั้งนี้ ทีมชาติไทย มีโอกาสสร้างสถิติหลายอย่าง โดยตอนนี้ คว้าแชมป์ไปแล้ว 4 สมัย สูงสุดเท่ากับ สิงคโปร์ หากสามารถได้แชมป์อีก จะได้เป็นสมัยที่ 5 ครองสถิติสูงสุดชาติเดียว

ขณะเดียวกัน การแข่งขันชิงแชมป์อาเซียน ตลอด 10 ครั้งที่ผ่านมา มีเพียงครั้งเดียวที่ทีมแชมป์ชนะรวดทุกนัดคือ นั่นคือในปี ค.ศ.2000 ซึ่งก็คือทีมชาติไทยนี้เอง โดยชนะรวด 5 นัด จากการเป็นเจ้าภาพเอง โดยหนนั้นยังจัดแบบมีเจ้าภาพชาติเดียว อย่างไรก็ตาม หากนับตั้งแต่พลิกโฉมรูปแบบในการจัดครั้งที่ 4 ปี ค.ศ. 2002 ซึ่งเปลี่ยนเป็นรอบแรกแบ่งเจ้าภาพ 2 ประเทศ และรองรองฯ กับ รอบชิงฯ เตะระบบเหย้า-เยือน นั้น ยังไม่มีทีมแชมป์ที่ชนะรวดทุกนัดเลยแม้แต่ทีมเดียว ดังนั้นในหนนี้ ทีมไทยซึ่งรอบแรก ชนะรวด 3 นัด และรอบตัดเชือกนัดแรก ชนะ เมียนมา 2-0 ทำให้ ช้างศึก ยังมีสิทธิสร้างประวัติศาสตร์เป็นทีมแรกที่ชนะแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ ในการจัดรูปแบบใหม่

นอกจากนี้ ในส่วนของตัวบุคคล “กัปตันมุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา ก็มีโอกาสสร้างหลายสถิติ โดยในปีนี้ เขายิงไปแล้ว 5 ประตู นำดาวซัลโว เหนือ โบอาส โซลอสซา จากอินโดนีเซีย ที่ยิงไป 3 ประตู หาก ดาวยิงเอสซีจี เมืองทองฯ ครองดาวยิงสูงสุด จะทำให้เขาได้ดาวซัลโวรายการนี้มากครั้งสุดเป็นหนที่ 3 หลังจากได้ไปเมื่อปี 2008 (ดาวซัลโวร่วม-4 ประตู) และ ปี 2012 (5 ประตู) นอกจากนี้ในการยิงรวมในฟุตบอลเอเอฟเอฟแชมเปี้ยนชิพ ธีรศิลป์ ซัดไปแล้วทั้งหมด 14 ลูก จี้ติด นักเตะไทยที่ยิงในรายการนี้สูงสุด วรวุธ ศรีมะฆะ 15 ลูก ส่วนผู้ที่ยิงรวมมากสุดคือ นอห์ อลัม ชาห์ ของสิงคโปร์ 17 ลูก..

ร่วมแสดงความคิดเห็น