ชลประทานเชียงใหม่ จัดยิ่งใหญ่นิทรรศการพระราชกรณีกิจด้านน้ำ

วันที่ 9 ธ.ค.59 เวลา 17.30 น. ที่บริเวณสันอ่างเก็บน้ำแม่จอกหลวง ด้านหลังสนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดนิทรรศการ “พ่อของชาติ ปราชญ์แห่งน้ำ” ซึ่งโครงการชลประทานเชียงใหม่ สำนักชลประทานที่ 1 เชียงใหม่ จัดขึ้นเพื่อเป็นการเผยแพร่พระราชกรณียกิจโครงการชลประทานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่ทรงพระราชทานแหล่งน้ำให้ทุกอำเภอในจังหวัดเชียงใหม่ โดยมี นายจานุวัตร เลิศศิลป์เจริญ ผู้อำนวยการ สำนักชลประทานที่ 1 เชียงใหม่ นายเจนศักดิ์ ลิมปิติ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชลประทานฯ และหน่วงานที่เกี่ยวข้องร่วมพิธี

นายจานุวัตร เลิศศิลป์เจริญ ผส.ชป. 1 เชียงใหม่ เปิดเผยว่า โครงการชลประทานเชียงใหม่ได้จัดนิทรรศการ “พ่อของชาติ ปราชญ์แห่งน้ำ”ขึ้นที่บริเวณสันเขื่อนแม่จอกหลวงเพื่อเป็นการเผยแพร่พระราชกรณียกิจโครงการชลประทาน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่ทรงพระราชทานแหล่งน้ำให้ทุกอำเภอในจังหวัดเชียงใหม่ และอ่างเก็บน้ำแม่จอกหลวงแห่งนี้ก็เป็นหนึ่งในโครงการชลประทานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระราชดำริ เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2520 ให้กรมชลประทานก่อสร้างขึ้น เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร หมู่บ้านช่างเคี่ยน ในการปลูกสตรอเบอรี่ ซึ่งมีพื้นที่เพาะปลูกประมาณ 200 ไร่ ในขณะนั้น นอกจากนี้ยังมีแหล่งน้ำอีกกว่า 400 แห่ง ที่ทรงพระราชทานพระราชดำริ ให้ก่อสร้างขึ้นในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ตลอดช่วงเวลาที่เสด็จทรงงานในพื้นที่ภาคเหนือ คุณูปการที่ทรงประกอบพระราชกรณียกิจด้านแหล่งน้ำ ให้กับจังหวัดเชียงใหม่ ยังตราตรึงอยู่ในจิตใจของประชาชนชาวเชียงใหม่มาโดยตลอด

นายเจนศักดิ์ ลิมปิติ ผอ.โครงการชลประทานเชียงใหม่ กล่าวว่า พระราชดำรัสตอนหนึ่งของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่พระราชทานแก่คณะสโมสรไลออนสากล ในการเข้าเฝ้าฯ เมื่อวันที่ 25 กันยายน พุทธศักราช 2512 ความว่า “เราสนใจงานชลประทานมาตั้งแต่เด็ก ในด้านชลประทานหรือด้านป่าไม้นี้ ก็อาจจะมีบางคนเข้าใจว่าทำไมจึงสนใจ และบางคนไม่เข้าใจว่าทำไมฉันสนใจเรื่องชลประทานหรือเรื่องป่าไม้ จำได้เมื่ออายุ 10 ขวบ ที่โรงเรียนมีครูคนหนึ่งสอนเรื่องวิทยาศาสตร์ เรื่องการอนุรักษ์ดิน แล้วให้เขียนว่าภูเขาต้องมีป่าไม้อย่างนั้น เม็ดฝนลงมาแล้วจะชะดินลงมาเร็ว ทำให้ไหลตามน้ำไป ก็เป็นหลักของป่าไม้เรื่องการอนุรักษ์ดิน และเป็นหลักของชลประทานที่ว่า ถ้าเราไม่รักษาป่าไม้ข้างบนจะทำให้เดือดร้อนตลอด ตั้งแต่ดินบนภูเขาหมดไป กระทั้งการที่จะมีตะกอนลงมาในเขื่อน มีตะกอนลงมาในแม่น้ำ ทำให้น้ำท่วม” เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความสนพระทัยส่วนพระองค์ ที่มีเป็นพิเศษต่องานด้านชลประทาน และเมื่อประกอบด้วยพระเมตตา จะเห็นว่าพระราชกรณียกิจที่สำคัญของพระองค์ท่านไม่ได้เกิดจากการประทับในพระราชวัง แต่มาจากการเสด็จฯแปรพระราชฐาน เสด็จลงพื้นที่ทั่วประเทศ เสด็จย่ำดิน ย่ำน้ำ ขึ้นเขา ลงห้วย ท่ามกลางแดดและฝนทั้งกลางวันและทั้งกลางคืน

“นับถึงเวลานี้ งานโครงการชลประทานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ทั่วในจังหวัดเชียงใหม่ ที่เกิดขึ้นมีมากถึง 444 โครงการ สามารถเก็บกักน้ำได้กว่า 700 ล้านลูกบาศก์เมตร มีพื้นที่รับประโยชน์กว่า 400,000 ไร่ ได้ก่อประโยชน์ต่อคนเชียงใหม่อย่างเป็นที่ประจักษ์ชัด และปราศจากข้อสงสัยในพระอัจฉริยภาพในการชลประทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้ารัชกาลที่ 9 ซึ่งนอกจากจะเกิดจากความสนพระทัยมาตั้งแต่ทรงพระเยาว์ดังพระราชดำรัสแล้ว วันนี้คนไทยทั้งชาติได้ประจักษ์และซาบซึ้งแล้วว่าทั้งหมดทั้งปวงที่ทรงทุ่มเทพระวรกายอย่างมิรู้เหน็ดเหนื่อยของพระองค์นั้น เกิดจากพระเมตตาและความรักที่ทรงมีต่อคนไทยทั้งปวงด้วยเช่นกัน” นายเจนศักดิ์ฯ กล่าว

ผอ.โครงการชลประทานเชียงใหม่ กล่าวอีกว่า กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นหน่วยงานหนึ่ง ที่ได้สนองงานโครงการพระราชดำริ ด้านการพัฒนาแหล่งน้ำมาอย่างยาวนานจนถึงทุกวันนี้ เพื่อเป็นการเผยแพร่พระราชกรณียกิจ โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และพระราชกรณียกิจ ที่เกี่ยวข้องกับงานชลประทานในเขตจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2501 ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่แฝกจังหวัดเชียงใหม่จนถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลา 58 ปี และเพื่อเป็นการถวายความอาลัย และน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สำนักงานชลประทานที่ 1 โดยโครงการชลประทานเชียงใหม่ จึงได้จัดนิทรรศการ “พ่อของชาติ ปราชญ์แห่งน้ำ” ขึ้นในครั้งนี้ โดยเปิดให้ประชาชนและผู้สนใจทั่วไปได้เข้าชมนิทรรศการตั้งแต่วันที่ 9-25 ธันวาคม 2559 ตั้งแต่เวลา 08.00-20.00 น. โดยเฉพาะในช่วงพลบค่ำจะมีการเปิดโคมไฟที่ประดับตลอดแนวสันเขื่อนแม่จอกหลวง ซึ่งทำให้เห็นความงดงามของภูมิทัศน์โดยรอบด้วย

ด้าน นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผวจ.เชียงใหม่ กล่าวว่า พระปรีชาสามารถปราชญ์ในเรื่องน้ำขององค์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมามากมายสุดคณานับ พระองค์ทรงห่วงใยพสกนิกรของพระองค์เสมอมา ด้วยสายพระเนตรที่ยาวไกลและความอัจฉริยภาพของพระบาทองค์ท่านฯ ที่ช่วยบรรเทาความทุกข์ยากของพสกนิกรในท้องถิ่นทุรกันดาร ที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภคและเพื่อการเกษตรกรรม โครงการพัฒนาแหล่งน้ำจึงเป็นการเข้าไปช่วยเหลือ และบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ราษฎรของพระองค์ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ดังพระราชดำรัสฯ เมื่อวันที่ 17 มี.ค.29 ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต ที่ว่า “หลักสำคัญต้องมีน้ำ น้ำบริโภคและน้ำใช้ น้ำเพื่อการเพาะปลูก เพราะชีวิตอยู่ที่นั่น ถ้ามีน้ำคนอยู่ได้ ถ้าไม่มีน้ำคนอยู่ไม่ได้ ไม่มีไฟฟ้าคนอยู่ได้ แต่ถ้ามีไฟฟ้าไม่มีน้ำ คนอยู่ไม่ได้” เพราะทรงเห็นว่า น้ำคือชีวิต

“ตลอดระยะเวลาที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงครองสิริราชสมบัติ งานพระราชกรณียกิจส่วนใหญ่มากกว่าร้อยละ 70 เป็นงานด้านการชลประทาน ผลจากการทรงงานอย่างต่อเนื่องยาวนานจนถึงวันนี้ มีโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริด้านแหล่งน้ำในจังหวัดเชียงใหม่เป็นจำนวนมาก ทำให้วันนี้ราษฎรจังหวัดเชียงใหม่ได้มีน้ำกินน้ำใช้ตลอดทั้งปี และในยามมีภัยธรรมชาติ โครงการชลประทานอันเนื่องมาจากพระราชดำริทั้งหลาย ก็ได้กลายเป็นปราการป้องกันและบรรเทาภัยต่อราษฎรจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดใกล้เคียงทั้งปวง สมดังพระราชดำริที่ทรงต้องการให้ระบบชลประทานถูกใช้อย่างเกิดประโยชน์สูงสุดแก่พสกนิกรของพระองค์” นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผวจ.เชียงใหม่ กล่าว

ร่วมแสดงความคิดเห็น