สั่งมูเซอออกนอกพื้นที่ ทำกินได้ ที่อยู่ก่อน ปี2545

นายอำเภอปางมะผ้า จ. แม่ฮ่องสอน เรียกประชุมด่วน ระหว่างคณะทำงานศูนย์ป้องกันและปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่าระดับอำเภอ(คปอ.) และราษฎรบ้านยาป่าแหนทั้ง 50 กว่ารายเข้า สรุปต้องออกจากพื้นที่บุกรุกโดยเด็ดขาด หากไม่เชื่อฟังจะดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมทั้งเตรียมตั้งคณะกรรมการลงพื้นที่ตรวจสอบจับพิกัดดาวเทียม เทียบเคียงกับภาพถ่ายทางอากาศ หากเข้ามาทำกินก่อนปี พ.ศ.2545 จะอนุมัติให้ทำกินได้เป็นเฉพาะราย ที่เหลือต้องออกนอกพื้นที่ทั้งหมด

เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2559 เวลา 10.00 น. นายจรูญ สร้อยจิต นายอำเภอปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน ได้เรียกประชุมด่วนเพื่อแก้ไขปัญหากรณีราษฎรชาวเขาเผ่ามูเซอบ้านยาป่าแหน หมู่ 5 ต.ปาง มะผ้า อ.ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน ที่บุกรุกป่าเฉลิมพระเกียรติ บริเวณป่าต้นน้ำดอยห้วยปลาแต๊บ และป่าระหว่างสองข้างทาง บ้านยาป่าแหน กับ ป่าบ้านห้วยแห้ง หมู่ 6 ต.ถ้ำลอด อ.ปางมะผ้าฯ นั่น โดยทางนายอำเภอปางมะผ้า ได้เชิญคณะกรรมการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่าระดับอำเภอ(คปอ.) และราษฎรบ้านยาป่าแหนทั้ง 50 กว่าราย มาร่วมประชุม สรุปผลการประชุม คือ 1.ให้ราษฎรทั้ง 39 ราย รวมทั้งที่พบการบุกรุกใหม่ถอยออกไปทั้งหมด (ให้เก็บผลผลิตที่ทำไว้ให้แล้วเสร็จภายใน 15 ม.ค.60), 2.ให้ คปอ.ตั้งคณะอนุกรรมการ คปอ.ลงพื้นที่สำรวจจับพิกัดและรังวัดพื้นที่ดังกล่าวนำมาเปรียบเทียบกับภาพถ่ายดาวเทียมทางอากาศปี 2545 โดยให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 5 วัน (19-23 ธ.ค.59) และนำผลมา คปอ., 3.ในส่วนการเยียวยา ราษฎรได้ร้องขอและเสนอดังนี้ -ขอจัดกลุ่มให้ราชการส่งเสริมอาชีพ -ขอจัดหาที่ทำกินที่เหมาะสมตามสมควร -ขอแหล่งน้ำในหมู่บ้าน -ขออย่าให้ราษฎรบ้านอื่นมาบุกรุกยึดครองพื้นที่ระหว่างดำเนินการ (โดยยินยอมออกตามข้อตกลง) ซึ่งข้อเรียกร้องการเยียวยาทั้งหมด มติ คปอ.รับทราบและจะนำเสนอที่ประชุม คปป.จ.มส.ต่อไป

อย่างไรก็ตาม ตามที่ปรากฏข่าว สารในสื่อมวลชนหลายแขนงที่นำเสนอข่าวว่าพบพื้นที่การบุกรุกแผ้วถางป่าต้นน้ำดอยห้วยปลาแต๊บ ตามบริเวณป่าระหว่างสองข้างทางบ้านยาป่าแหน ม.5 ต.ปาง มะผ้า-บ้านห้วยแห้ง ม.6 ต.ถ้ำลอด อ.ปางมะผ้า จว.มส. และนายอำเภอปางมะผ้าได้สั่งการให้ผู้เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.59.ซึ่ง ระหว่างตรวจสอบพบว่ามีราษฎรบ้านยาป่าแหน รวมตัวกดดันเจ้าหน้าที่ และการตรวจสอบทางลึกพบว่า เป็นการกระทำของกลุ่มเยาวชนในหมู่บ้านยาป่าแหน ที่ยุยงให้ราษฎรที่บุกรุกป่า ทำการกดดันเจ้าหน้าที่ โดยคิดว่าทางเจ้าหน้าที่จะยินยอมไม่เอาผิด เรื่องดังกล่าว ทางนายอำเภอปางมะผ้า ได้เรียกนาย สมพงษ์ บวรบุญญานนท์ ผู้ใหญ่บ้านยาป่าแหน มาทำความเข้าใจและให้ไปแจ้งแก่ราษฎรในหมู่บ้านให้รับทราบว่าการกระทำดังกล่าว เป็นการละเมิดกฎหมาย หากมีการดำเนินการกดดันเจ้าหน้าที่อีกครั้งจะถูกจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเฉียบขาด ซึ่งทำให้ราษฎรที่ไม่พอใจและมีการกดดันเจ้าหน้าที่ ต้องล่าถอยและยอมเจรจากับทางการแต่โดยดี

นายครรชิต วงศ์พระยา หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ มส.15 (น้ำของ) เปิดเผยว่า ในวันที่ 19 ธันวาคม 2559 นี้ ทางหน่วยฯจะนำเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ไปจับพิกัดพื้นที่ป่า ที่ถูกบุกรุก เพื่อนำมาเทียบ เคียงกับแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ ว่า พื้นที่ดังกล่าว มีการบุกรุกเข้าทำกินก่อน หรือหลังปี พ.ศ.2554 โดยเบื้องต้นรับทราบข้อมูลว่า มีราษฎรบ้านยาป่าแหน บุกรุกเข้าไปทำกิน คิดเป็นเนื้อที่จำนวน 400 กว่าไร่ แยกเป็น 39 แปลง โดยหากมีการตรวจสอบภาพถ่ายดาวเทียมแล้ว หากมีการบุกรุกหลังปี พ.ศ.2545 ทุกคนในพื้นที่จะต้องถอนตัวออกจากพื้นที่ป่า อย่างเด็ดขาดและห้ามเข้ามาบุกรุกใหม่อีกต่อไป ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ทางหน่วย ฯ ได้เคยดำเนินการโดยการบูรณาการร่วมกับหลายหน่วยงาน ตกลงเอ็มโอยู ระหว่างราษฎรกับเจ้าหน้าที่มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ทางฝ่ายราษฎรกลับละเมิดข้อตกลงและรุกเข้ามาแผ้วถางป่าอีกครั้ง ซึ่งในครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่จะไม่ยิมยอมให้รุกกลับเข้ามาใหม่ หาก มีการบุกรุกจะดำเนินการจับกุมและดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น