สรรพากรย้ำผู้ใช้สิทธิช็อปช่วยชาติ ขอหลักฐานผู้ประกอบการทุกครั้ง


นายสมชาย แสงรัตนมณีเดช รองอธิบดีกรมสรรพากร ในฐานะโฆษกกรมสรรพากร เปิดเผยว่า “ตามที่รัฐบาลได้ออกมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวในช่วงปลายปี 2559 ระหว่างวันที่ 1 – 31 ธันวาคม 2559 และมาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ (ช้อปช่วยชาติ) ให้ประชาชนมีการใช้จ่ายซื้อสินค้า และบริการในประเทศเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี 2559 ระหว่างวันที่ 14 – 31 ธันวาคม 2559 นั้น กรมสรรพากรได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการใช้สิทธิสำหรับมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวในช่วงปลายปี 2559 แล้ว โดยสิ่งสำคัญที่ผู้เสียภาษีต้องนำมาใช้เป็นหลักฐาน คือ ใบเสร็จรับเงินหรือใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป สำหรับค่าบริการนำเที่ยวภายในประเทศหรือค่าที่พักโรงแรมภายในประเทศ ที่ผู้เสียภาษีต้องเรียกขอจากผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับอนุญาต ตามกฏหมายว่าด้วยธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ หรือผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม เอกสารดังกล่าวต้องระบุ ชื่อ – นามสกุล ของผู้ที่จะใช้สิทธิ จำนวนเงิน วัน เดือน ปี ที่จ่ายเงิน การใช้สิทธิลดหย่อนในครั้งนี้ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 322 (พ.ศ. 2559) เมื่อรวมกับการใช้สิทธิมาตรการภาษีสนับสนุนการท่องเที่ยวตลอดปี 2559 ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 316 (พ.ศ. 2559) แล้ว ต้องไม่เกิน 30,000 บาท
ค่าใช้จ่ายที่มีสิทธินำมาลดหย่อน ได้แก่ ค่าที่พักโรงแรม ซึ่งมีอาหารเช้ารวมในรายการที่พัก ค่าซื้อแพคเกจทัวร์ท่องเที่ยวในประเทศโดยมีค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าที่พัก ค่าเช่าเรือ ค่าเช่ารถ ค่าอาหาร ค่าเข้าชมการแสดง ค่าดำน้ำ รวมอยู่ในแพคเกจทัวร์ ส่วนค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวที่ไม่สามารถนำมาลดหย่อน ได้แก่ ค่าซื้อเฉพาะตั๋วเครื่องบินจากผู้ประกอบการนำเที่ยว ค่าซื้อแพคเกจทัวร์ในเดือนธันวาคม 2559 เพื่อใช้ท่องเที่ยวในปี 2560 การจ่ายค่าที่พักในเดือนธันวาคม 2559 เพื่อใช้เข้าพักในปี 2560 ค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าเช่ารถยนต์ ค่าเช่าเรือ ค่าชมการแสดง ค่าอาหารในโรงแรม และค่าสินค้า เป็นต้น
สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี 2559 (ช็อปช่วยชาติ) กรมสรรพากร ได้กำหนดหลักเกณฑ์ในการใช้สิทธิสำหรับช้อปช่วยชาติ โดยย้ำว่าสิ่งสำคัญที่ผู้เสียภาษีต้องนำมาใช้เป็นหลักฐานลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา คือ ใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป ที่เกิดขึ้นจากการซื้อสินค้าหรือใช้บริการที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7 ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 15,000 บาท โดยที่ผู้เสียภาษีต้องเรียกขอจากผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
ตัวอย่างค่าใช้จ่ายที่ได้สิทธิลดหย่อนภาษี เช่น ค่าซื้อสินค้าจากร้านสะดวกซื้อ หรือจากห้างสรรพสินค้า ค่าอาหารและเครื่องดื่มในร้านอาหารหรือในโรงแรม ค่าซื้ออุปกรณ์ตกแต่งรถ อะไหล่รถ ค่าซ่อมรถที่มีการซ่อมแล้วเสร็จและชำระค่าบริการ ในช่วงวันที่ 14 – 31 ธันวาคม 2559 ค่าบริการนวดหน้า ค่าบริการสปา
ค่าใช้จ่ายที่นำมาลดหย่อนไม่ได้ เช่น ค่าซื้อสุรา เบียร์ ไวน์ บุหรี่ น้ำมันและก๊าซสำหรับเติมยานพาหนะ รถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเรือ ค่าแพคเกจทัวร์ท่องเที่ยว ค่าที่พักในโรงแรม ค่ารักษาพยาบาล ค่าซื้อทองคำแท่ง และค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าโทรศัพท์ของเดือนก่อนที่มาชำระในช่วงนี้ ค่าซื้อแพคเกจทัวร์ไปต่างประเทศ ค่าซื้อประกันชีวิต ประกันภัยรถยนต์ ค่าซื้อเนื้อหมู ไก่ ปลา ค่าซื้อหนังสือ นิตยสาร ตำราเรียน
ในกรณีที่ผู้ซื้อสินค้าหรือชำระค่าบริการหลายครั้งระหว่างวันที่ 14 – 31 ธันวาคม 2559 สามารถนำมูลค่าในใบกำกับภาษีเหล่านั้นมารวมกันได้ แต่ใช้สิทธิได้ไม่เกิน 15,000 บาท และหากใบกำกับภาษีมีทั้งสินค้าและบริการที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มและไม่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มในใบเดียวกัน สามารถนำมาหักลดหย่อนได้ เฉพาะค่าสินค้าและค่าบริการที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม”
ทั้งนี้ ผู้ที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวในช่วงปลายปี 2559 สามารถดูรายละเอียดได้จากกฎกระทรวง ฉบับที่ 322 (พ.ศ. 2559) และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 280) ลงวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2559 ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี 2559 (ช้อปช่วยชาติ) สามารถดูรายละเอียดได้จากกฎกระทรวง ฉบับที่ 323 (พ.ศ. 2559) หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่ทุกพื้นที่ หรือศูนย์สารนิเทศสรรพากร (RD Intelligence Center) โทร.1161

ร่วมแสดงความคิดเห็น