เชียงใหม่ ปิดศูนย์ “7 วัน” เมาแชมป์ ยอดตายมากกว่าปี 59 แจงจับยวดยานพุ่งสูง

ปิดศูนย์ฯ………นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนเทศกาลปีใหม่ 2560 ได้สรุปปฏิบัติจากทุกอำเภอ

เชียงใหม่ปิดศูนย์ระวัง 7 วันอันตรายเทศกาลปีใหม่ 2560 รวมยอดตายทั้งสิ้น 11 ราย มากกว่าปีใหม่ 2559 จำนวน 4 ราย อ.จอมทอง ยอดตายสูงสุด ส่วนอุบัติเหตุและผู้ได้รับ บาดเจ็บยอดทะลุสูงกว่าปี 2559 อีกเช่นกัน รถจักรยานยนต์ยังเป็นแชมป์การเกิดเหตุพร้อมสาเหตุเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์มาจากการเมาสุรา วันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เกิดเหตุมากที่สุด ปีนี้ อ.สันป่าตอง สันทราย เกิดอุบัติเหตุมากที่สุด “กัลยาณิวัฒนา” ไร้เจ็บตายแค่อำเภอเดียว “ชาญชัย” แจง มีคนเดินทางเข้าออกสถานีขนส่งมากเกือบ 2 แสนคน ตรวจพนักงานขับรถกว่า 2 พันคนผลที่ได้เป็นปกติ ด้านตำรวจแจงตรวจจับยวดยานมากกว่า 7.5 หมื่นคัน ดำเนินคดีกว่า 2 หมื่นคัน

วันที่ 5 ม.ค.59 เวลา 10.30 น. ที่ห้องประชุม POC อาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนเทศกาลปีใหม่ 2560 จังหวัดเชียงใหม่ หรือศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีวาระสำคัญคือการสรุปผลการปฏิบัติงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2560 ตลอดห้วงระยะเวลาของการเฝ้าระวัง หรือช่วง 7 วันอันตรายเทศกาลปีใหม่ 2560

นายไพรินทร์ ลิ่มเจริญ ปภ.เชียงใหม่ รายงานว่า การปฏิบัติงานในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2560 เริ่มตั้งแต่วันที่ 29 ธ.ค.59 เป็นต้นมากระทั่งวันที่ 4 ม.ค.60 ที่ผ่านมา สรุปสถิติอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2560 ทั้ง 7 วัน มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นทั้งสิ้น 152 ครั้ง มากกว่าเทศกาลปีใหม่ 2559 จำนวน13 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 9.35 อำเภอที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดคือ อ.สันป่าตอง อ.สันทราย 15 ครั้ง รองลงมาคือ อ.เมือง 13 ครั้ง และ อ.ฝาง 11 ครั้งตามลำดับ ส่วนวันที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดคือ วันที่ 31 ธ.ค.59 ต่อเนื่องถึงเช้าวันที่ 1 ม.ค.60 คือวันส่งท้ายปีเก่าสู่วันต้อนรับปีใหม่ เกิดอุบัติเหตุทั้งสิ้น 33 ครั้ง

นายไพรินทร์ฯ กล่าวต่อว่า สำหรับสถิติผู้ได้รับบาดเจ็บในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ มีทั้งสิ้น 164 คน แยกเป็นชาย 111 คน เป็นหญิง 53 คน มากกว่าเทศกาลปีใหม่ 2559 จำนวน 27 ราย คิดเป็นร้อยละ 19.17 อำเภอที่มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุสูงสุดคือ อ.สันทราย จำนวน 16 คน รองลงมาคือ อ.เมืองเชียงใหม่ อ.สันป่าตอง อำเภอละ 14 คน และ อ.ฝาง อ.พร้าว อำเภอละ 11 ราย ตามลำดับ ส่วนสถิติสะสมยอดผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 11 คน มากกว่าปี 2559 จำนวน 4 คน คิดเป็นร้อยละ 57.14 อำเภอที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุดคือ อ.จอมทอง มีผู้เสียชีวิต 2 ราย อีก 9 อำเภอได้แก่ อ.เมืองเชียงใหม่ แม่แจ่ม เชียงดาว แม่แตง แม่ริม พร้าว สันป่าตอง หางดง และ อ.ฝาง อำเภอละ 1 ราย ทั้งนี้ อ.กัลยาณิวัฒนา เป็นเพียงอำเภอเดียวที่ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บแม้แต่รายเดียว

ส่วนสาเหตุสำคัญของการเกิดอุบัติเหตุ อันดับ 1 ยังมีสาเหตุมาจากเมาสุรา ร้อยละ 41.67 รองลงมาคือ ขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ร้อยละ 22.02 ทัศนวิสัยไม่ดี ร้อยละ 16.7 ตามลำดับ และยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดยังคงเป็นรถจักรยานยนต์ ซึ่งสูงถึงร้อยละ 81.94 ด้านสถานที่เกิดเหตุยังคงเป็นเกิดบนถนนที่เป็นทางตรงสูงสุด ร้อยละ 55.92 ในช่วงเวลา 16.01 น. ถึงเวลา 20.00 น. ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่าเทศกาลปีใหม่ปีนี้ อุบัติเหตุเกิดบนถนน อบต. หรือถนนภายในหมู่บ้าน มีอัตราใกล้เคียงกับการเกิดอุบัติเหตุบนถนนทางหลวง ซึ่งแตกต่างจากเทศกาลปีใหม่ 2559 ที่ส่วนใหญ่เกิดบนถนนในหมู่บ้านเป็นหลัก

“ทั้ง 7 วัน ของการรณรงค์มีเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจร่วมโดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นกำลังหลัก รองลงมาเป็น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สมาชิก อปพร. เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข โดยมีการตั้งด่านตรวจจำนวน 49 จุด มีเจ้าหน้าที่ประจุดตรวจทั้งสิ้น 1,515 คน พร้อมกันนี้มีการเรียกตรวจตามมาตรการ 10 รสขม ทั้งสิ้น 75,650 คัน พบการ กระทำความผิดและดำเนินคดีจำนวน 21,133 คัน คิดเป็นร้อยละ 27.94 โดยการกระทำความผิดสูงสุดที่มีการดำเนินคดีคือ ไม่สวมหมวกนิรภัย ร้อยละ 37.43 รองลงมาคือ ไม่มีใบขับขี่ ร้อยละ 36.51 ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ร้อยละ 10.41 ส่วนความผิดเกี่ยวกับเมาสุรามีการดำเนินคดี 603 คดี คิดเป็นร้อยละ 2.82” ปภ.เชียงใหม่ แจง

ด้านนายชาญชัย กีฬาแปง ขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ตลอดทั้ง 7 วัน มีผู้โดยสารเดินทางออกสถานีขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 181,327 คน เพิ่มมากขึ้นกว่าปีใหม่ 2559 จำนวน 1,968 คน และมีผู้โดยสารที่เดินทางเข้ามายังจังหวัดเชียงใหม่ ผ่านสถานีขนส่งจำนวน 179,699 คน เพิ่มขึ้นจากปีใหม่ 2559 จำนวน 2,784 คน โดยไม่มีผู้โดยสารตกค้างที่สถานีขนส่งแม้แต่รายเดียวในทุกวันการเดินทาง ส่วนการตรวจวัดแอลกอฮอล์และความพร้อมของพนักงานขับรถโดยสารสาธารณะ มีการตรวจทั้งสิ้น 1,930 ราย ผลที่ตรวจพบมีผลปกติทุกราย

ร่วมแสดงความคิดเห็น