กรมพัฒนาที่ดิน แนะสูตรผลิตสารช่วยจัดการวัชพืช


สำนักเทคโนโลยีชีวภาพทางดิน กรม พัฒนาที่ดิน แนะนำว่าปัญหาการระบาดของวัชพืชในพื้นที่เกษตรของไทย มีผลกระทบต่อการลดอัตราการเจริญเติบโตของพืชเศรษฐกิจอย่างมาก เนื่องจากวัชพืชมีการเจริญเติบโตและแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว ทำให้ไปแย่งธาตุอาหาร น้ำ และแสงแดด สำหรับการแก้ไขปัญหาของวัชพืชบนพื้นที่เพาะปลูกมีการใช้สารเคมีปราบศัตรูพืชมากเกินความจำเป็น และส่งผลเสียหายเป็นอย่างมากต่อการทำลายทรัพยากรดิน น้ำ และอากาศ ดังนั้น การใช้จุลินทรีย์ที่มีความสามารถในการผลิตสารกำจัดวัชพืช ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ที่ผลิตโดยกรมพัฒนาที่ดิน คือ สารเร่ง พด.5 เพื่อกำจัดวัชพืชที่ผลิตได้จะสามารถนำไปทดแทนการใช้สารเคมีกำจัดวัชพืชได้และลดปัญหามลพิษที่ทำลายทรัพยากร ดิน น้ำ อากาศ และสิ่งมีชีวิต

ทั้งนี้สารเร่ง พด.5 คือ เชื้อจุลินทรีย์ที่มีคุณสมบัติในการเพิ่มประสิทธิภาพการย่อยสลายวัสดุเหลือใช้จากสัตว์ในสภาพที่ไม่มีออกซิเจน เพื่อผลิตสารสำหรับกำจัดวัชพืช ซึ่งการผลิตสารกำจัดวัชพืชจำนวน 50 ลิตรมีข้อแนะนำว่าให้ใช้เศษปลาหรือหอยเชอรี่ 40 กิโลกรัม น้ำตาล (กากน้ำตาล) 10 กิโลกรัม น้ำ 10 ลิตร สารเร่ง พด.5 จำนวน 1 ซอง (25 กรัม)
วิธีทำให้นำเศษปลาหรือหอยเชอรี่และน้ำตาลใส่ลงในถังหมักผสมให้เข้ากัน ละลายสารเร่ง พด.5 ในน้ำ 10 ลิตร ผสมให้เข้ากันนาน 5 นาทีเทสารละลายสารเร่ง พด.5 ใส่ลงในถังหมักแล้วคลุกเคล้าหรือคนให้ส่วนผสมเข้ากันอีกครั้ง ปิดฝาไม่ต้องสนิทและตั้งไว้ในที่ร่ม คนหรือกวนวัสดุหมักทุก 7 วัน ใช้ระยะเวลาหมัก 40 วัน
ในการพิจารณาสังเกตลักษณะที่ดีทางกายภาพในระหว่างการหมัก เพื่อผลิตสารกำจัดวัชพืช จะมีการเจริญของจุลินทรีย์ : เกิดฝ้าของเชื้อจุลินทรีย์เจริญเต็มผิวหน้า หลังจากการหมัก 1-3 วัน มีฟองก๊าซเกิดขึ้นบนผิวและใต้ผิววัสดุหมักได้กลิ่นแอลกอฮอล์ฉุนมาก เป็นของเหลวใสและมีสีเข้ม
วิธีใช้สารกำจัดวัชพืชที่สมบูรณ์แล้ว เช่น การเจริญของจุลินทรีย์ลดลง กลิ่นแอลกอฮอล์ลดลงกลิ่นเปรี้ยวเพิ่มสูงขึ้น ไม่ปรากฏฟองก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) อัตราการใช้ (ในพื้นที่ 1 ไร่) ถ้าวัชพืชขึ้นหนาแน่น ใช้สารกำจัดวัชพืช อัตรา 30-50 ลิตรต่อไร่ โดยเจือจางกับน้ำเท่ากับ 1:1 ไม่หนาแน่น ใช้สารกำจัดวัชพืชอัตรา 20 ลิตรต่อไร่ โดยเจือจางกับน้ำเท่ากับ 1:5 นำสารกำจัดวัชพืชที่เจือจางแล้วฉีดพ่นที่วัชพืช ในช่วงเวลากลางวันหรือมีแดดจัด และทิ้งไว้เป็นเวลา 1 วัน จึงทำการสับกลบเพื่อเตรียมดินต่อไป สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 1-12 ทุกแห่ง

ร่วมแสดงความคิดเห็น