รวบ 3 หนุ่มแก๊งตระเวนลักทรัพย์ หมู่บ้านหรูทั่วเชียงใหม่ ผู้เสียหายไม่ต่ำกว่า 100 ราย

เมื่อเวลา 11.00น.วันที่ 10 ม.ค.60 ที่  กก.ตร.ภ.จว.เชียงใหม่ พ.ต.อ.ธีรพล อินทรลิบ รอง ผบก.นำเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.เชียงใหม่ แถลงข่าวการจับกุมตัวผู้ต้องหา จำนวน 3 ราย ในคดีร่วมกันตระเวณลักทรัพย์ ทราบชื่อผู้ต้องหาคือ 1.นายชูชาติ หรือเล็ก หาสนาม อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8/2 หมู่1 ต.สันป่ายาง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ 2.นายวิโรจน์ หรือโจ อินต๊ะรักษา อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 42/4 หมู่ 1 ต.พิกุล อ.ชุมแสง จ.พิษณุ โลก 3.นายชนะชัย หรือจักร โพธิ์ศรี อายุ 25 ปี บ้านเลขที่ 42/4 หมู่1 ต.พิกุล อ.ชุมแสง จ.พิษณุโลก

พร้อมด้วยของกลางจำนวนกว่า 70 รายการ อาทิ เสื้อผ้า โทรทัศน์ รองเท้า นาฬิกา ช้อนส้อม เครื่องปั่น โมเดลของเล่นเด็ก ปืนบีบีกัน เหรียญ-ธนบัตรรุ่นสะสม และพระเครื่อง ซึ่งเป็นเพียงส่วนหนึ่งของทรัพย์สินที่ขโมยมา เนื่องจากมีทรัพย์สินอีกจำนวนมากที่ถูกนำไปขายแล้ว พ.ต.อ.ธีรพล อินทรลิบ รอง ผบก. เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากตั้งแต่ปลายเดือน พฤษภาคม 2559 เป็นต้นมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุคนร้าย ก่อเหตุลักทรัพย์ตามหมู่บ้านจัดสรร อย่างต่อเนื่อง ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ โดยเฉพาะในหมู่บ้านจัดสรรขนาดใหญ่ ตามอำเภอรอบนอกตัวเมือง

ซึ่งหลังจากที่ติดตามสืบสวนอย่างต่อเนื่องมาตลอดกว่าครึ่งปี โดยใช้สหวิทยาการรอบด้าน พบว่าแต่ละพื้นที่ก่อเหตุนั้นมักจะเป็นจุดที่ไม่มีกล้องวงจรปิด หรืออยู่นอกพิสัยการมองเห็นของกล้องวงจรปิดในบริเวณนั้น รวมทั้งคนร้ายมีการเตรียมการมาอย่างดี ในเส้นทางการหลบหนีและหลีกเลี่ยง การถูกพบเห็นในขณะก่อเหตุ ทำให้การสืบสวนหาตัวคนร้ายเป็นไปอย่างยากลำบากกระทั่งเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2559 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 23.00น. คนร้ายได้เข้าไปลักทรัพย์สินภายในบ้านเลขที่ 232/170 หมู่ 3 ต.หนองควาย อ.หางดง ได้ทรัพย์สินหลายรายการ อาทิ โทรทัศน์ 2 เครื่อง และเตาไมโครเวฟ รวมทั้งรถยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า ซีอาร์วี สีเทา ทะเบียน กง 1779 จันทบุรี ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะพบรถยนต์คันดังกล่าว ถูกทิ้งไว้ที่ริมถนนเลียบรางรถไฟ เขตพื้นที่ อ.สารภี แต่ไม่พบรอยนิ้วมือ พบเพียงรอยเท้าบุคคล 3 รูปแบบ ที่ตรงกันกับชุดรอยรองเท้าในที่เกิดเหตุอีกหลายจุด ตั้งแต่ช่วงเดือน พฤษภาคม-ธันวาคม2559

จึงเชื่อว่าน่าจะเป็นคนร้ายกลุ่มเดียวกัน เป็นชายมีจำนวนอย่างต่ำ 3 คน ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะได้มีการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดที่จับภาพ พาหนะที่คนร้ายใช้ไว้ได้ คือรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นคลิก สีดำ ไม่ติดป้ายทะเบียน 2 คัน และเปรียบเทียบเส้นทางหลบหนี พบว่าคนร้ายมักจะใช้เส้นทางขับขี่ ไปตามถนนสายเชียงใหม่-ลำพูน ทิศทางการหลบหนีมุ่งไปทาง จ.ลำพูน กระทั่งสามารถตีวงแคบได้บริเวณ ต.บ้านกลาง และ ต.เหมืองง่า อ.เมือง จ.ลำพูน ที่คาดว่าเป็นพื้นที่ ที่คนร้ายอาศัยอยู่ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะตรวจพบ รถ จ.ย.ย.ลักษณะคล้ายรถ จ.ย.ย.ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ ที่หอพักไม่มีชื่อ ในพื้นที่ หมู่ 3 ต.เหมืองง่า และพบรองเท้าผ้าใบที่มีพื้นรองเท้าลวดลายตรงกับหนึ่งในรอยเท้าในที่เกิดเหตุหน้าห้องหมายเลข 4

จึงได้ทำการเคาะเรียกหน้าห้อง กระทั่งมีผู้เปิดประตูออกมา คือนายวิโรจน์ หรือโจ อินต๊ะรักษา ซึ่งเมื่อพบเจ้าหน้าที่ก็เกิดอาการพิรุธอย่างเห็นได้ชัด และมีการพยายามหลบหนี จึงได้ควบคุมตัวไว้ก่อนที่จะรับสารภาพว่าก่อเหตุจริง ก่อนจะซัดทอดว่าได้ก่อเหตุร่วมกับญาติอีก 2 คน คือนายชูชาติ หรือเล็ก หาสนาม ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้าเขย และนายชนะชัย หรือจักร โพธิ์ศรี เป็นลูกพี่ลูกน้อง ซึ่งพักอาศัยอยู่ในบริเวณเดียวกัน แต่ทั้งคู่ออกไปตกปลาที่บ่อตกปลาเซียนเบ็ด และก่อนที่เจ้าหน้าที่จะนำกำลังไปติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ได้ที่บริเวณสี่แยกเทคโนโลยีบ้านครู ม.3 ต.อุโมงค์ อ.เมือง จ.ลำพูน ผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพว่า นายชูชาติ ซึ่งเป็นน้าเขย ได้ชักชวนให้หลานชายทั้ง 2 คนร่วมก่อเหตุ ตระเวนลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ตามหมู่บ้านจัดสรร ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่

โดยจะเลือกหมู่บ้านจัดสรรที่ดูหรูหรา และจะมีการสำรวจเส้นทางเพื่อเข้าไปก่อเหตุ ซึ่งส่วนใหญ่หมู่บ้านจัดสรรจะมีระบบความปลอดภัยแน่นหนาด้านหน้าทางเข้า จึงได้อาศัยด้านหลังหรือด้านข้างหมู่บ้านที่รกร้าง หรือเป็นป่า ก่อนจะลักลอบเข้าไปในหมู่บ้านและทำการสำรวจ สังเกตุความเคลื่อนไหวของบ้านแต่ละหลัง และสำรวจกล้องวงจรปิดในเส้นทางหลบหนี ก่อนจะกลับมาก่อเหตุ โดยแต่ละหมู่บ้านที่ก่อเหตุจะทำการงัดแงะลักทรัพย์พร้อมกัน จำนวน 3-4 หลังต่อครั้ง ก่อเหตุมาแล้วไม่ต่ำกว่า 50 ครั้ง โดยก่อเหตุสำเร็จ จำนวน 26 ครั้ง รวมมีผู้เสียหายไม่ต่ำกว่า 100 หลังคาเรือน

ทั้งนี้ หลายครั้งที่งัดเข้าไปในบ้าน และพบกุญแจรถยนต์ กุญแจบ้าน และรถยนต์ถูกทิ้งไว้ ก็จะฉวยโอกาสขนของขึ้นรถยนต์ของเจ้าของบ้านออกไป ผ่านระบบความปลอดภัยโดยไม่มีใครสงสัย แล้วนำรถยนต์กลับมาทิ้งไว้ไม่ห่างจากที่เกิดเหตุ โดยคนร้ายให้การว่ารถยนต์จะถูกติดตามได้ง่ายและขายยาก จึงไม่อยากขโมย ส่วนที่เลือกอำเภอรอบนอกของ จ.เชียงใหม่ เพราะมีเส้นทางหลบหนีหลบเลี่ยงได้มาก กล้องวงจรปิดน้อย ส่วนในตัวเมือง จ.ลำพูน และตัวเมือง จ.เชียงใหม่ กล้องวงจรปิดมีเยอะ จึงหลีกเลี่ยง โดยจำมาจากการดูหนังฝรั่ง ซึ่งเมื่อได้ทรัพย์สินมาแล้ว ก็จะนำไปขายก่อนจะนำมาแบ่งกัน ซึ่งทั้ง 3 คน ไม่มีอาชีพอื่น ใช้การลักขโมยเป็นอาชีพหลัก ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้นำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น