ขโมยมืออาชีพ ยกเค้านับร้อยหลัง เลือกเหยื่อหมู่บ้านหรู ตร.ตามล่าได้ครบแก๊ง

แก๊งโจรแสบ…….พ.ต.อ.ธีรพล อินทรลิบ รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พร้อมตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.เชียงใหม่ แถลงข่าวการจับกุมตัว นายชูชาติ หรือเล็ก หาสนาม อายุ 43 ปี นายวิโรจน์ หรือโจ อินต๊ะรักษา อายุ 23 ปี และ นายชนะชัย หรือจักร โพธิ์ศรี อายุ 25 ปี หลังก่อเหตุตระเวนลักทรัพย์ตามหมู่บ้านหรูทั่วเชียงใหม่ มีผู้เสียหายไม่ต่ำกว่า 100 ราย

ตำรวจเชียงใหม่ตามรวบ 3 โจรแสบ ตระเวนก่อเหตุลักทรัพย์ตามหมู่บ้านหรูทั่วเชียงใหม่ พบลงมือมาแล้วนับไม่ถ้วน ผู้เสียหายไม่ต่ำกว่า 100 ราย ขณะที่ตามขยายผลตรวจยึดของกลางอื้อ ด้านผู้ต้องหาสารภาพหมดเปลือก อาศัยก่อเหตุพื้นที่รอบนอกตัวเมืองเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับจากกล้องวงจรปิด จนย่ามใจลงมือก่อเหตุกันอย่างต่อเนื่องจนสุดท้ายทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตามสืบจนเจอตัว

เมื่อเวลา 11.00น.วันที่ 10 ม.ค.60 ที่กองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ พ.ต.อ.ธีรพล อินทรลิบ รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ นำเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ภ.จว.เชียงใหม่ แถลงข่าวการจับกุมตัวผู้ต้องหา จำนวน 3 ราย ในคดีร่วมกันตระเวนลักทรัพย์ ทราบชื่อผู้ต้องหาคือ 1.นายชูชาติ หรือเล็ก หาสนาม อายุ 43 ปี บ้านเลขที่ 8/2 หมู่1 ต.สันป่ายาง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ 2.นายวิโรจน์ หรือโจ อินต๊ะรักษา อายุ 23 ปี บ้านเลขที่ 42/4 หมู่ 1 ต.พิกุล อ.ชุมแสง จ.พิษณุโลก และ 3.นายชนะชัย หรือจักร โพธิ์ศรี อายุ 25 ปี บ้านเลขที่ 42/4 หมู่1 ต.พิกุล อ.ชุมแสง จ.พิษณุโลก พร้อมด้วยของกลางจำนวนกว่า 70 รายการ อาทิ เสื้อผ้า โทรทัศน์ รองเท้า นาฬิกา ช้อนส้อม เครื่องปั่น โมเดลของเล่นเด็ก ปืนบีบีกัน เหรียญและธนบัตรรุ่นสะสม และพระเครื่อง ซึ่งเป็นเพียงส่วนหนึ่งของทรัพย์สินที่ขโมยมา เนื่องจากมีทรัพย์สินอีกจำนวนมากที่ถูกนำไปขายแล้ว

ทั้งนี้ทาง พ.ต.อ.ธีรพล อินทรลิบ รอง ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม 2559 เป็นต้นมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุคนร้ายก่อเหตุลักทรัพย์ตามหมู่บ้านจัดสรร อย่างต่อเนื่อง ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยเฉพาะในหมู่บ้านจัดสรรขนาดใหญ่ ตามอำเภอรอบนอกตัวเมือง ซึ่งหลังจากที่ติดตามสืบสวนอย่างต่อเนื่องมาตลอดกว่าครึ่งปี โดยใช้สหวิทยาการรอบด้าน พบว่าแต่ละพื้นที่ก่อเหตุนั้นมักจะเป็นจุดที่ไม่มีกล้องวงจรปิด หรืออยู่นอกพิสัยการมองเห็นของกล้องวงจรปิดในบริเวณนั้น รวมทั้งคนร้ายมีการเตรียมการมาอย่างดี ในเส้นทางการหลบหนีและหลีกเลี่ยงการถูกพบเห็นในขณะก่อเหตุ ทำให้การสืบสวนหาตัวคนร้ายเป็นไปอย่างยากลำบาก
กระทั่งเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2559 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 23.00น. คนร้ายได้เข้าไปลักทรัพย์สินภายในบ้านเลขที่ 232/170 หมู่ 3 ต.หนองควาย อ.หางดง จ.เชียงใหม่ ได้ทรัพย์สินหลายรายการ อาทิ โทรทัศน์ 2 เครื่อง และเตาไมโครเวฟ รวมทั้งรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า ซีอาร์วี สีเทา ทะเบียน กง 1779 จันทบุรี ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะพบรถยนต์คันดังกล่าวถูกทิ้งไว้ที่ริมถนนเลียบรางรถไฟ เขตพื้นที่ อ.สารภี จ.เชียงใหม่ แต่ไม่พบรอยนิ้วมือ พบเพียงรอยเท้าบุคคล 3 รูปแบบ ที่ตรงกันกับชุดรอยรองเท้าในที่เกิดเหตุอีกหลายจุด ตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคม-ธันวาคม 2559 จึงเชื่อว่าน่าจะเป็นคนร้ายกลุ่มเดียว กัน เป็นชายมีจำนวนอย่างต่ำ 3 คน

ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะได้มีการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดที่จับภาพ พาหนะที่คนร้ายใช้ไว้ได้ คือรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นคลิก สีดำ ไม่ติดป้ายทะเบียน 2 คัน และเปรียบเทียบเส้นทางหลบหนี พบว่าคนร้ายมักจะใช้เส้นทางขับขี่ไปตามถนนสายเชียงใหม่-ลำพูน ทิศทางการหลบ หนีมุ่งไปทางจังหวัดลำพูน กระทั่งสามารถตีวงแคบได้บริเวณ ต.บ้านกลาง และต. เหมืองง่า อ.เมือง จ.ลำพูน ที่คาดว่าเป็นพื้นที่ ที่คนร้ายอาศัยอยู่ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะตรวจพบรถจักรยานยนต์ลักษณะคล้ายรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ ที่หอพักไม่มีชื่อ ในพื้นที่ หมู่ 3 ต.เหมืองง่า และพบรองเท้าผ้าใบที่มีพื้นรองเท้าลวดลายตรงกับหนึ่งในรอยเท้าในที่เกิดเหตุหน้าห้องหมายเลข 4 จึงได้ทำการเคาะเรียกหน้าห้อง

กระทั่งมีผู้เปิดประตูออกมา คือนายวิโรจน์ หรือโจ อินต๊ะรักษา ซึ่งเมื่อพบเจ้าหน้าที่ก็เกิดอาการพิรุธอย่างเห็นได้ชัดและมีการพยายามหลบหนี จึงได้ควบคุมตัวไว้ก่อนที่จะรับสารภาพว่าก่อเหตุจริง ก่อนจะซัดทอดว่าได้ก่อเหตุร่วมกับญาติอีก 2 คนคือ นายชูชาติ หรือเล็ก หาสนาม ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้าเขย และนายชนะชัย หรือจักร โพธิ์ศรี เป็นลูกพี่ลูกน้อง ซึ่งพักอาศัยอยู่ในบริเวณเดียวกัน แต่ทั้งคู่ออกไปตกปลาที่บ่อตกปลาเซียนเบ็ด ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะนำกำลังไปติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 รายได้ที่บริเวณสี่แยกเทคโนโลยีบ้านครู หมู่ 3 ต.อุโมงค์ อ.เมือง จ.ลำพูน

ผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพว่า นายชูชาติ ซึ่งเป็นน้าเขย ได้ชักชวนให้หลานชายทั้ง 2 คนร่วมก่อเหตุ ตระเวนลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ตามหมู่บ้านจัดสรรในเขตจังหวัดเชียงใหม่ โดยจะเลือกหมู่บ้านจัดสรรที่ดูหรูหรา และจะมีการสำรวจเส้นทางเพื่อเข้าไปก่อเหตุ ซึ่งส่วนใหญ่หมู่บ้านจัดสรรจะมีระบบความปลอดภัยแน่นหนาด้านหน้าทางเข้า จึงได้อาศัยด้านหลังหรือด้านข้างหมู่บ้านที่รกร้าง หรือเป็นป่า ก่อนจะลักลอบเข้าไปในหมู่บ้านและทำการสำรวจ สังเกตความเคลื่อนไหวของบ้านแต่ละหลัง และสำรวจกล้องวงจรปิดในเส้นทางหลบหนี ก่อนจะกลับมาก่อเหตุ โดยแต่ละหมู่บ้านที่ก่อเหตุจะทำการงัดแงะลักทรัพย์พร้อมกัน จำนวน 3-4 หลังต่อครั้ง ก่อเหตุมาแล้วไม่ต่ำกว่า 50 ครั้ง โดยก่อเหตุสำเร็จ จำนวน 26 ครั้ง รวมมีผู้เสียหายไม่ต่ำกว่า 100 หลังคาเรือน

ทั้งนี้ หลายครั้งที่งัดเข้าไปในบ้านและพบกุญแจรถยนต์กุญแจบ้าน และรถยนต์ถูกทิ้งไว้ คนร้ายก็จะฉวยโอกาส ขนของขึ้นรถยนต์ของเจ้าของบ้านออกไป ผ่านระบบความปลอดภัยโดยไม่มีใครสงสัยแล้วนำรถยนต์กลับมาทิ้งไว้ไม่ห่างจากที่เกิดเหตุ โดยคนร้ายให้การว่ารถยนต์จะถูกติดตามได้ง่ายและขายยาก จึงไม่อยากขโมย ส่วนที่เลือกอำเภอรอบนอกของจังหวัดเชียงใหม่ เพราะมีเส้นทางหลบหนีหลบเลี่ยงได้มาก กล้องวงจรปิดน้อย ส่วนในตัวเมือง จ.ลำพูน และตัวเมือง จ.เชียงใหม่ กล้องวงจรปิดมีเยอะ จึงหลีกเลี่ยง โดยจำมาจากการดูหนังฝรั่ง

ซึ่งเมื่อได้ทรัพย์สินมาแล้วก็จะนำไปขายก่อนจะนำมาแบ่งกัน ซึ่งทั้ง 3 คน ไม่มีอาชีพอื่นใช้การลักขโมยเป็นอาชีพหลัก โดยเจ้าหน้าที่จะได้นำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น