สมุนไพรไทย เดินหน้าบุก ตลาดโลก

ไทยผุดแผนดันสมุนไพรก้าวสู่ตลาดโลก หลังความต้องการตลาดเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากผู้คนเริ่มให้ความสำคัญต่อการบำรุงสุขภาพด้วยวิถีธรรมชาติมากขึ้น เปิดแผน เดินหน้าบุกตลาดเอเซียก่อน เพราะทำงานกว่าบุกตลาดยุโรป พร้อมสั่งทูตพาณิชย์สำรวจกฎระเบียบแต่ละประเทศก่อนทำแผนผลักดันส่งออก ล่าสุดพบตลาดฮ่องกงชอบดอกอัญชัน

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ทำแผนผลักดันการส่งออกสินค้าสมุนไพรไทย ตามนโยบายที่ได้รับจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการช่วยเหลือเกษตรกรให้มีรายได้อย่างยั่งยืน และพัฒนาสินค้าส่งออกรายการใหม่ๆ ออกสู่ตลาดโลก เพราะเล็งเห็นว่าตลาดสินค้าสมุนไพรกำลังเป็นที่ต้องการของตลาดโลก จากการที่หลายๆ ประเทศทั่วโลก เริ่มให้ความสำคัญต่อการบำรุงสุขภาพหรือการรักษาสุขภาพผ่านวิถีธรรมชาติเพิ่มมากขึ้น และหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมี จึงทำให้เป็นโอกาสในการส่งออกสมุนไพรของไทยได้เพิ่มขึ้น ทั้งในรูปแบบสมุนไพรสดและการนำไปแปรรูปเป็นสินค้าชนิดต่างๆ

“สมุนไพรไทยเป็นสินค้าที่มีศักยภาพในการส่งออก หลังตลาดโลกเริ่มหันมาหาวิถีธรรมชาติมากขึ้น ซึ่งกระทรวงพาณิชย์กำลังจัดทำแผนผลักดัน เพราะไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มมูลค่าส่งออก แต่ยังช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นด้วย เพราะแทนที่เกษตรกรจะทำการเพาะปลูกพืชเกษตรเพียงอย่างเดียว แต่หากหันมาหารายได้เสริมจากการปลูกพืชสมุนไพรแซมในไร่นาก็จะมีรายได้เพิ่มขึ้น และอาจจะเป็นรายได้หลักในอนาคต หลังจากที่ตลาดมีความต้องการมากขึ้น” นางอภิรดีกล่าว

นางอภิรดีกล่าวว่า สำหรับตลาดสมุนไพรในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นขิง ข่า ตะไคร้ ไพล มะกรูด กวาวเครือ ว่านหางจระเข้ ส้มแขก กำลังมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น ทั้งการใช้บริโภคแบบสด และการนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้หลายเท่าตัว โดยสามารถทำเป็นเครื่องดื่มสำเร็จรูป เครื่องแกงสำเร็จรูป อาหารเสริม เครื่องสำอาง และยา เช่น น้ำมันนวด น้ำมันหอมระเหย สบู่ แชมพู ครีมทาผิว ชาสมุนไพร กระเทียมแคปซูล เป็นต้น

ทั้งนี้ เพื่อให้การผลักดันการส่งออกสมุนไพรไทยและผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรไทยขยายตลาดได้เพิ่มขึ้น กระทรวงพาณิชย์ได้มอบหมายให้ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (ทูตพาณิชย์) ที่ประจำอยู่ในประเทศต่างๆ ทั่วโลกทำการสำรวจความต้องการของตลาดที่ดูแลอยู่ และให้ตรวจสอบระเบียบปฏิบัติที่เกี่ยวข้องของแต่ละประเทศว่ามีเงื่อนไขในการนำเข้าสินค้าเหล่านี้อย่างไร เพราะบางประเทศอาจจะมีกฎ ระเบียบที่เข้มงวด รวมถึงการขออนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหากทราบข้อมูลแล้วก็จะทำให้ผู้ประกอบการไทยวางแผนในการส่งออกได้ง่ายขึ้น

“แม้ตลาดต่างประเทศจะมีความต้องการสมุนไพรและผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรของไทย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะส่งออกไปได้เลย เพราะสินค้าที่ใช้บริโภคหรือสัมผัสกับผิว จะต้องผ่านการตรวจสอบรับรองและได้รับอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในแต่ละประเทศก่อนว่าไม่เป็นอันตรายต่อการบริโภค ซึ่งผู้ประกอบการไทยต้องศึกษาข้อมูลในเรื่องนี้ให้ดี และต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบให้ถูกต้องด้วย” นางอภิรดีกล่าว

อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจในเบื้องต้น พบว่าในด้านการทำตลาดสมุนไพรและผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรไทย ตลาดเอเชีย โดยเฉพาะตลาด CLMV ทำตลาดได้ค่อนข้างง่ายกว่าตลาดยุโรป สหรัฐฯ หรือญี่ปุ่น เพราะกฎระเบียบยังไม่ยุ่งยาก และระยะทางใกล้กว่า ทำให้ไม่เป็นภาระด้านการขนส่ง แต่ไม่ได้หมายความว่าตลาดยุโรป สหรัฐฯ หรือญี่ปุ่นไม่มีโอกาส ยังคงเป็นตลาดที่มีโอกาสหากผู้ประกอบการไทยปฏิบัติตามเงื่อนไขได้

นางอภิรดีกล่าวว่า ที่ผ่านมาตลาดฮ่องกงเริ่มให้ความสำคัญต่อสมุนไพรไทย เช่น ดอกอัญชันที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณช่วยบำรุงเส้นผม ทำให้นอนหลับสบาย และได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่น เนื่องจากมีสีน้ำเงินธรรมชาติที่เข้มข้นและเปลี่ยนเป็นสีม่วงเมื่อผสมกับมะนาวเพื่อใช้เป็นเครื่องดื่ม โดยมีชื่อเรียกว่า Blue Magic Water และยังได้รับการยอมรับจากนักโภชนาการว่าเป็นสมุนไพรที่ช่วยในการหมุนเวียนโลหิต บำรุงสายตา ลดความอ้วน ลดการสะสมของไขมัน เพราะมีสาร Anthocyanidin มากกว่าพืชชนิดอื่นๆ ถึง 10 เท่า ซึ่งสารนี้ส่วนใหญ่พบในพืชตระกูล berry จึงทำให้ยิ่งได้รับความนิยม และยังพบว่าเริ่มมีสินค้าที่ทำจากสมุนไพรไทยจำหน่ายในตลาดเพิ่มขึ้น

ปัจจุบันไทยส่งออกสมุนไพรเป็นมูลค่ากว่า 500 ล้านบาท สารสกัดจากสมุนไพรมูลค่ากว่า 270 ล้านบาท และผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง เช่น สบู่ แชมพู และผลิตภัณฑ์รักษาผิวที่ใช้สมุนไพรเป็นส่วนผสม ส่งออกเป็นมูลค่ากว่า 71,000 ล้านบาท

ร่วมแสดงความคิดเห็น