สธ.จับมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพัฒนาการผลิตผักผลไม้ ประกาศปี 60 เป็น “ปีแห่งการบริโภคผักผลไม้ปลอดภัย”

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขประกาศ ปี 2560 เป็น “ปีแห่งการบริโภคผักผลไม้ปลอดภัย” ผนึกกำลัง เกษตร-สสส. พัฒนาระบบห่วงโซ่การผลิตผักและผลไม้สดปลอดภัย แนะ วิธีล้างผักอย่างง่ายด้วยนํ้า-เบคกิ้งโซดา-นํ้าส้มสายชู ลดการปนเปื้อนได้สูงถึงร้อยละ 95

ศ.คลินิก เกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายแพทย์เสรี ตู้จินดา ประธานคณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันประกาศให้ปี 2560 เป็นปีแห่งการบริโภคผัก ผลไม้ปลอดภัย

ศ.คลินิก เกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกลกล่าวว่า องค์การอนามัยโลกแนะนำให้มีการบริโภคผักและผลไม้วันละ 400 กรัม ปริมาณที่เพียงพอเป็นประจำและจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ได้แก่ หัวใจขาดเลือด ร้อยละ 31 เส้นเลือดในสมองตีบ ร้อยละ 19 ลดอัตราการป่วยและเสียชีวิตจากมะเร็งกระเพาะอาหาร ร้อยละ 19 มะเร็งปอด ร้อยละ 12 มะเร็งลำไส้ใหญ่ ร้อยละ 2 เป็นต้น และจากการสำรวจสุขภาพประชาชน ครั้งที่ 5 ระหว่างปี 2557-2558 ใน 21 จังหวัด พบคนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป มีเพียง 1 ใน 4 เท่านั้นที่รับประทานผักและผลไม้อย่างเพียงพอ

จากผลการคัดกรองความเสี่ยงได้ทำการเจาะเลือดกลุ่มเกษตรกรที่เป็นผู้สัมผัสสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ของสำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค เฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังตั้งแต่ปี 2555-2559 อยู่ที่ร้อยละ 33 และในปี 2559 อยู่ที่ร้อยละ 37 จะเห็นได้ว่าเกษตรกรมีความเสี่ยงและไม่ปลอดภัยจากการสัมผัสสารเคมีสูงขึ้น เนื่องจากมีการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชในผักและผลไม้มากขึ้นทำให้ผักผลไม้ที่ขายในท้องตลาดมีสารเคมีตกค้างเพิ่มขึ้นด้วย

กระทรวงสาธารณสุข ได้ร่วมกับกระทรวงเกษตรสหกรณ์ และ สสส.บูรณาการพัฒนาระบบห่วงโซ่การผลิตผักและผลไม้สดปลอดภัย ตั้งแต่ต้นนํ้า โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ควบคุมและลดปริมาณการใช้สารเคมีจากผู้ผลิตต้นทาง กลางนํ้า กระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา มีมาตรการทางกฎหมาย โดยการปรับจำนวนรายการและค่าปริมาณสารพิษตกค้างสูงสุด ให้ครอบคลุมและสอดคล้องมาตรฐานสากล พัฒนาและยกระดับให้สถานที่ผลิต (คัดและบรรจุ) ผักและผลไม้สดมีระบบประกันคุณภาพ รวมถึงการบ่งชี้รุ่นการผลิตเพื่อการตามสอบย้อนกลับ ส่วนปลายทาง ร่วมกับสสส. ประสานเครือข่ายผู้ผลิต และสื่อสารองค์ความรู้ให้ผู้บริโภค เพื่อเข้าถึงผักและผลไม้สดที่มีคุณภาพและความปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้งศูนย์ความปลอดภัยอาหารทำงานร่วมกับสถาบันอุดมศึกษา สสส. เพื่อให้มีฐานข้อมูลอาหารปลอดภัยที่เป็นชุดเดียวกัน รวมถึงข้อมูลความรู้ใหม่ๆ ที่เกิดจากการบริโภคเพื่อป้องกันความเสี่ยงทางสุขภาพ

สำหรับผู้บริโภคสามารถลดการตกค้างของสารเคมีในผักและผลไม้อย่างง่าย ด้วยการล้างนํ้าไหลผ่านซึ่งเป็นวิธีที่เหมาะสม สะดวกที่ผู้บริโภคสามารถปฏิบัติได้ทุกสถานที่ โดยแกะกลีบ ใบ ตัดส่วนที่ไม่รับประทานออกหรือเคาะดินออกจากราก ก่อนนำไปล้างใช้ความแรงของนํ้าพอประมาณ คลี่ใบผัก แล้วถูไปมาบนผิวใบของผัก ผลไม้ นานประมาณ 2 นาที วิธีการนี้จะช่วยลดสารพิษได้ร้อยละ 25-65 นอกจากนี้ภัตตาคาร ร้านอาหารหรือผู้บริโภค ที่ซื้อผักมาในปริมาณที่มากการใช้นํ้าไหลก็อาจสิ้นเปลือง สามารถใช้ทางเลือกอื่นที่เหมาะสม ได้แก่

1.ล้างด้วยผงฟูหรือเบคกิ้งโซดา โดยผสมผงฟูครึ่งช้อนโต๊ะกับนํ้า 10 ลิตร แช่ผักผลไม้ทิ้งไว้ 15 นาที แล้วล้างด้วยนํ้าสะอาด ช่วยลดสารพิษได้ร้อยละ 95 และ 2.ล้างด้วยนํ้าส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะผสมกับนํ้า4 ลิตร แช่ผักทิ้งไว้ 10 นาที แล้วล้างด้วยนํ้าสะอาด จะช่วยลดสารเคมีได้ร้อยละ 60-84 ซึ่งวิธีนี้สามารถใช้ล้างไข่พยาธิในผักสดได้อีกด้วย โดยปริมาณสารพิษตกค้างที่ลดลงจะขึ้นอยู่กับชนิดของสารเคมีและปริมาณผัก ผลไม้ในแต่ละครั้งของการล้าง

ร่วมแสดงความคิดเห็น