ไทยตบเท้าถล่มยับ ชูแชมป์! ส่งหม่องรับบทพระรอง! ฟุตซอลชิงเจ้าอาเซียน

ขุนพลโต๊ะเล็กแดนสยามไม่ทำให้แฟนๆ ผิดหวัง ดาหน้ายิงเป็นชุด ก่อนยำใหญ่เมียนมาร์ 8-1 คว้าแชมป์ ฟุตซอลชิงแชมป์อาเซียน “AFF AIS ฟุตซอลแชมเปี้ยนชิพ” ไปครองเป็นสมัยที่ 12 พร้อมทำสถิติคว้าแชมป์ทุกปีที่ทำการแข่งขัน ก่อนรับเงินอัดฉีด จาก สมาคมฯ และ ปตท. รวม 2 ล้านบาท ขณะที่จิรวัฒน์ สอนวิเชียร แข้งทีมชาติไทย คว้ารางวัลเอ็มวีพี ส่วนดาวซัลโวสูงสุด ตกเป็นของ พเย โพ เมือง แข้งเมียนม่าร์ที่ซัด 8 ลูก

เมื่อ 29 ม.ค.60 การแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์อาเซียน “AFF AIS ฟุตซอลแชมเปี้ยนชิพ” โคจรมาถึงรอบชิงชนะเลิศ ทีมช้างศึกชุดยังบลัด ลงสนามปะทะกับเมียนมาร์ ที่เข้าชิงเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ปรากฎว่าในเกมนี้ ไทยเล่นได้อย่างสบายๆ ไม่กดดันเหมือนอย่างในรอบรองชนะเลิศ และออกนำไปก่อนอย่างรวดเร็ว 3 ลูก ใน 13 นาทีแรก

เริ่มจากนาทีที่ 8 พีระพล สัตย์ซื่อ ยิงให้ทีมนำไปก่อน 1-0 ก่อนที่ “เจ้าเนิส” จิรวัฒน์ สอนวิเชียร จะยิงสวนตัวนายทวารให้ไทยนำ 2-0 จากนั้น ชัยวัฒน์ แจ่มกระจ่าง มายิงลูกขลุกขลิกหน้าประตูเข้าไปอีก ให้ไทยนำขาด 3-0

เมียนมาร์ตีไข่แตกเป็น 3-1 จากจังหวะที่พเย โพ เมือง วิ่งสอดขึ้นมาจิ้มหน้าประตูเข้าไป อย่างไรก็ตาม ก่อนจบครึ่งแรกพีระพล สัตย์ซื่อยิงเต็มเท้าให้ไทยนำขาดเป็น 4-1

เข้าสู่ครึ่งหลัง ปัญญา อรัญภูวนารถ ชาร์จประตูเข้าไปอีกให้ไทยนำ 5-1 นาทีที่ 22 จากนั้นสรศักดิ์ พูนจังหรีดกระชากจากด้านขวา ก่อนตบเข้ากลางให้ ปาณัสม์ กิตติภาณุวงศ์ ซัดเข้าไป ให้ไทยนำห่าง 6-1 ก่อนที่ สรศักดิ์ พูนจังหรีด จะซัดอีกหนึ่งเม็ด นาทีที่ 29 ให้ไทย ทิ้งขาดเป็น 7-1

นาทีสุดท้าย จิรวัฒน์ สอนวิเชียร ยิงปิดกล่องให้ไทยได้สำเร็จ ให้ไทยนำขาด 8-1 จบเกมการแข่งขัน ไทยถล่มเมียนมาร์ยับเยิน 8-1 คว้าแชมป์ไปครองตามความคาดหมาย โดยเป็นแชมป์อาเซียน สมัยที่ 12 ของทีมช้างศึก และครั้งที่ 5 ติดต่อกัน นับตั้งแต่ปี 2012 นอกจากนั้น ยังเป็นแชมป์อาเซียนครั้งแรกในยุคของมิเกล โรดริโก้ กุนซือชาวสเปนอีกด้วย

สำหรับนักเตะยอดเยี่ยมเป็นของ จิรวัฒน์ สอนวิเชียร แข้งทีมชาติไทยที่คว้ารางวัลเอ็มวีพี, ดาวซัลโวสูงสุดคือ พเย โพ เมือง แข้งเมียนม่าร์ที่ซัด 8 ลูก โดยมี ดร. มนัส โนนุช กรรมการและผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนมูลนิธิมิราเคิลออฟไลฟ์ฯ ให้เกียรติมอบรางวัลแชมป์เปี้ยนส์ให้ทีมชาติไทย ทั้งนี้ทีมฟุตซอลไทยยังได้รับเงินอัดฉีดจำนวน 2 ล้านบาทจาก สมาคมฯ และ ปตท. ด้วย

ร่วมแสดงความคิดเห็น