เปิดตัวเลข ยอดสินเชื่อ ปี 59 ลดวูบ

เปิดตัวเลขสินเชื่อสุทธิปี 59 ที่ผ่านมา ยอดโตต่ำสุดในรอบ 7 ปี ขณะที่ เงินฝากเติบโตชะลอตามสินเชื่อ

สินเชื่อสุทธิของธนาคารพาณิชย์ไทยปี 2559 เติบโตต่ำสุดในรอบ 7 ปีที่ 1.26% เนื่องจากการลงทุนและการบริโภคภาคเอกชนที่ฟื้นตัวอย่างล่าช้า ผนวกกับการเปลี่ยนแปลงแหล่งระดมเงินของภาครัฐ ทำให้ภาพรวมสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ไทยถูกกดดันด้วยการชำระคืนสินเชื่อภาครัฐและภาคธุรกิจ

ขณะที่สินเชื่อรายย่อยเติบโตอย่างระมัดระวัง ตามนโยบายประคองความเสี่ยงของธนาคารภายใต้ภาวะหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ประกอบกับสินเชื่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ถูกกระทบจากอำนาจซื้อในประเทศที่เปราะบาง

นอกจากนี้ ในเดือน ธ.ค. 2559 ซึ่งปกติสินเชื่อจะขยายตัวสูงจากปัจจัยด้านฤดูกาล ยังถูกกระทบจากปัจจัยพิเศษในการเตรียมถ่ายโอนธุรกิจลูกค้าบุคคลของธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดไปยังกลุ่มทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป

จึงกดดันให้ภาพรวมสินเชื่อในเดือนนี้เพิ่มขึ้นเพียงไม่ถึง 3 หมื่นล้านบาท (น้อยกว่าในเดือน พ.ย. 2559 ที่สินเชื่อเพิ่มขึ้น 5.0 หมื่นล้านบาท) ทั้งนี้ หากไม่รวมปัจจัยพิเศษข้างต้น สินเชื่อของธนาคารพาณิชย์จะปิดปีที่เพิ่มขึ้น 1.67%

ภาวะสินเชื่อที่โตต่ำ ทำให้ในปี 2559 ธนาคารมุ่งเน้นการบริหารต้นทุนการเงิน โดยชะลอการออกผลิตภัณฑ์เงินฝากพิเศษใหม่ลง ทั้งในด้านข้อเสนออัตราดอกเบี้ยที่ไม่หวือหวา และในด้านเม็ดเงินที่ต้องการระดมทุน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2559 ที่จำนวนผลิตภัณฑ์เงินฝากพิเศษออกใหม่ของธนาคารพาณิชย์ลดลงเหลือเพียง 20 ผลิตภัณฑ์ เทียบกับจำนวนผลิตภัณฑ์เงินฝากที่ครบกำหนดในช่วงเวลาเดียวกันซึ่งมีจำนวนถึง 39 ผลิตภัณฑ์

นอกจากนี้ ธนาคารส่วนใหญ่ยังดำเนินนโยบายลดสัดส่วนเงินฝากประจำลง และหันมาเพิ่มสัดส่วนเงินฝากออมทรัพย์พิเศษที่มีลักษณะใกล้เคียงกับ CASA ประกอบกับในเดือน ธ.ค. 2559 ยังมีปัจจัยพิเศษจากการเตรียมถ่ายโอนธุรกิจลูกค้าบุคคลของธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ที่มีผลให้เงินฝากของระบบลดลงราว 4 หมื่นล้านบาท ทำให้ ณ สิ้นปี 2559 ภาพรวมเงินฝากขยายตัวในระดับเดียวกับปีก่อนหน้าที่ 1.46% ทั้งนี้ หากไม่มีรายการพิเศษนี้ เงินฝากในระบบธนาคารไทย ณ สิ้นปี 2559 น่าจะโตเพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 1.8%

สำหรับแนวโน้มในปี 2560 คาดว่า ทิศทางการเติบโตของสินเชื่อในระบบธนาคารพาณิชย์ไทย คงปรับตัวดีขึ้นได้ที่ 4.0% (กรอบ 3.0-5.0%) หรือเพิ่มขึ้นราว 3.4-5.6 แสนล้านบาทจากปี 2559 ด้วยอานิสงส์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างมีสมดุลมากขึ้น จากการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชน

รวมถึงสินเชื่อรายย่อยที่คาดว่าจะกลับเติบโตดีมาที่ 5.5% (กรอบ 4.5–6.5%) ขณะที่การแข่งขันระดมเงินฝาก คงจะกลับมาเข้มข้นขึ้น โดยเฉพาะเมื่อย่างเข้าสู่ช่วงครึ่งหลังของปี เนื่องจากอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินฝากและตั๋วแลกเงิน

ซึ่งเป็นเครื่องชี้สภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์มีแนวโน้มไต่ระดับขึ้นต่อเนื่องและอยู่ในระดับค่อนข้างสูง ขณะที่ทิศทางอัตราดอกเบี้ยในตลาดโลกเริ่มกลับสู่ขาขึ้นตามการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ ซึ่งคงสร้างแรงกดดันต่อต้นทุนการระดมทุนของธนาคารพาณิชย์ แต่ก็ถือเป็นจังหวะอันดีของผู้บริโภคที่จะได้รับผลตอบแทนจากเงินออม โดยเฉพาะเงินฝากพิเศษที่คงขยับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ดี คาดว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้อาจยังไม่เปลี่ยนแปลงไปจากปัจจุบัน ทำให้ช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงสินเชื่อและเพิ่มทางเลือกในการออมให้กับลูกค้า โดยผู้บริโภคอาจจะพิจารณาจัดสรรเงินออมและวางแผนการเงินไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการลงทุนและการออมในอนาคต

ร่วมแสดงความคิดเห็น