โซเชียลแชร์ช่วยจุ๊บจิ๊บ สาวชม. หัวใจวาย ที่ญี่ปุ่น ค่ารักษา พุ่ง3ล้าน

ขอความช่วยเหลือ………..ชาวโซเชียลแชร์เรื่องราว “น้องจุ๊บจิ๊บ” สาวเชียงใหม่ที่เกิดอาการหัวใจวายขณะเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่น ต้องถูกส่งตัวรักษาที่โรงพยาบาล เสียค่าใช้จ่ายกว่า 3 ล้านบาทแล้ว ขณะที่ทางนายประสิทธิ์ ใจจันทร์ อายุ 64 ปี ผู้เป็นบิดารู้สึกเป็นห่วงและเฝ้ากราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอให้ลูกสาวปลอดภัยและหายเป็นปกติกลับบ้านโดยเร็ว ตามข่าว

คืบหน้ากรณีโซเชียลแห่แชร์เรื่องราว “น้องจุ๊บจิ๊บ” สาวเชียงใหม่เกิดหัวใจวายขณะเดินทางเที่ยวญี่ปุ่น ต้องถูกส่งตัวรักษา ผ่าตัดด่วน และต้องติดตามอาการในห้องไอซียูแล้วกว่า 10 วัน ค่ารักษาพุ่งแล้วกว่า 3 ล้านบาท ล่าสุดครอบครัวยังรู้สึกเป็นห่วง เฝ้ากราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอให้ลูกสาวปลอดภัยและหายเป็นปกติกลับบ้านโดยเร็ว

วันที่ 31 ม.ค.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่บนโลกโซเชียลมีเดียมีการโพสต์และแชร์ต่ออย่างแพร่หลาย กรณีที่ ผู้ใช้เฟซบุ๊ค ชื่อPatthanatporn Sedthasrisakul โพสต์ขอความช่วยเหลือให้กับ นางสาววันวิสาข์ ใจจันทร์ อายุ 27 ปี หรือ “น้องจุ๊บจิ๊บ” ชาวอำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเดินทางไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่นกับกลุ่มเพื่อน โดยที่ระหว่างการท่องเที่ยวได้เกิดล้มป่วยกะทันหันด้วยอาการของโรคหัวใจ ต้องเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วนและรับการผ่าตัดช่วยชีวิตที่โรงพยาบาล Tokyo Medical and dental university กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค.60 และยังต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู รวมทั้งต้องเฝ้าติดตามอาการอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งจนถึงวันนี้มีค่ารักษารวมทั้งสิ้นประมาณ 3 ล้านบาทแล้ว และน่าจะเพิ่มขึ้นอีก จึงอยากร้องขอความช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลจากผู้ปรารถนาดีและมีน้ำใจ ซึ่งหลังจากที่มีการเผยแพร่โพสต์ดังกล่าวแล้วปรากฏว่าก่อให้เกิดกระแสตอบรับเป็นอย่างมาก

สำหรับความคืบหน้ากรณีดังกล่าว ทางผู้สื่อข่าวได้ติดตามเดินทางไปตรวจสอบที่บ้านพักของครอบครัว นางสาววันวิสาข์ ใจจันทร์ หรือ “น้องจุ๊บจิ๊บ” ซึ่งอยู่ในตำบลยุหว่า อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งทาง นายประสิทธิ์ ใจจันทร์ อายุ 64 ปี พ่อของ “น้องจุ๊บจิ๊บ” เปิดเผยว่า รู้สึกเสียใจอย่างมากเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับลูกสาว ซึ่งเวลานี้เป็นห่วงลูกสาวมากและได้แต่ภาวนา พร้อมทั้งกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยเฉพาะครูบาศรีวิชัย ขอให้ลูกสาวปลอดภัย และหายจากอาการเจ็บป่วยจนเป็นปกติและกลับมาบ้านที่ประเทศไทยโดยเร็ว ซึ่งเบื้องต้นทราบว่าขณะนี้อาการของลูกสาวเริ่มทรงตัวแล้วแต่ยังต้องนอนรักษาตัวในห้องไอซียู เพื่อเฝ้าติดตามอาการอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมงและรักษาอย่างต่อเนื่อง โดยนางสุพรรณ ใจจันทร์ แม่ของ “น้องจุ๊บจิ๊บ” ได้เดินทางไปเฝ้าไข้ลูกสาวที่ประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่วันที่ 23 ม.ค.60 แล้ว โดยได้รับการช่วยเหลือจากสถานทูตไทยที่ประเทศญี่ปุ่น

นายประสิทธิ์ กล่าวอีกว่า “น้องจุ๊บจิ๊บ” เป็นลูกสาวคนเล็กจากพี่น้องทั้งหมด 3 คน ทำงานอยู่ที่บริษัทจำหน่ายรถยนต์แห่งหนึ่งในเมืองเชียงใหม่ เป็นคนที่มีความกตัญญูคอยช่วยเหลือและดูแลพ่อแม่เป็นอย่างดี โดยมักจะให้เงินพ่อแม่เพื่อใช้จ่ายในครอบครัวอยู่เป็นประจำ ในส่วนของค่ารักษาพยาบาลที่เบื้องต้นสูงกว่า 3 ล้านบาทแล้วนั้น ยอมรับว่า ค่ารักษาพยาบาลจำนวนดังกล่าวเป็นจำนวนเงินที่สูงมาก เมื่อเทียบกับฐานะของครอบครัวที่มีฐานะปานกลางเท่านั้น และยังไม่ทราบว่าจะไปหาเงินจำนวนดังกล่าวมาจากที่ใด อย่างไรก็ตามเวลานี้คิดหวังแต่ให้ลูกอาการปลอดภัยและหายเป็นปกติก่อนเท่านั้น ทั้งนี้หลังจากที่มีเรื่องราวของลูกสาวมีการเผยแพร่ออกไป ได้มีผู้ให้ความช่วยเหลือมาแล้วจำนวนหนึ่ง ซึ่งขอแสดงความขอบคุณและซาบซึ้งเป็นอย่างมาก

ขณะที่เพื่อนสนิทของ “น้องจุ๊บจิ๊บ” ที่เดินทางไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นด้วยกัน เปิดเผยว่า กลุ่มเพื่อนเดินทางไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นด้วยกัน โดยจองซื้อล่วงหน้าตั๋วเครื่องบินราคา 0 บาท ของสายการบินโลว์คอสแอร์ไลน์สายการบินหนึ่ง ในวันเกิดเหตุ “น้องจุ๊บจิ๊บ” เกิดอาการหัวใจวายเฉียบพลัน จากการเจอสภาพอากาศหนาวเย็นจัดที่มีหิมะตกหนัก ซึ่งหลังจากที่เกิดอาการทางเจ้าหน้าที่กู้ชีพกู้ภัยของญี่ปุ่นได้ให้การช่วยเหลืออย่างรวดเร็วทันทีและนำส่งตัวเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล Tokyo Medical and dental university จนอาการดีขึ้น นอกจากนี้ยังได้รับการช่วยเหลือเป็นอย่างดีจากสถานทูตไทยประจำกรุงโตเกียว และกลุ่มคนไทยที่อยู่ในประเทศญี่ปุ่นด้วย

ทั้งนี้ในส่วนของค่ารักษาพยาบาลนั้น ยอมรับว่าค่อนข้างจะสูงมากและน่าจะเกินกำลังของครอบครัว เพราะทั้งพ่อและแม่ มีอาชีพเป็นช่างแกะสลักไม้ ที่มีรายได้พอกินพอใช้เท่านั้น และต่างอายุมากแล้วด้วย จึงอยากวิงวอนผู้ปรารถนาดีและพอจะมีกำลังให้ความช่วยเหลือครอบครัวของ “น้องจุ๊บจิ๊บ” โดยโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารกรุงเทพ สาขาสันป่าตอง ชื่อบัญชี นายประสิทธิ์ ใจจันทร์ เลขที่ 367-053649-3 ของผู้เป็นพ่อ หรือเบอร์โทรศัพท์ติดต่อ 087-1762646

ร่วมแสดงความคิดเห็น