ตื่นตาตื่นใจ น้ำแข็งจับไม้ ยอดดอยอินทนนท์ ช่วงสุดสัปดาห์ คนทะลักเที่ยว พญาเสือโคร่ง สวยงามสะพรั่ง

ยะเยือก……….สภาพอากาศบนยอดดอยอินทนนท์ อ.จอม ทอง จ.เชียงใหม่ เริ่มหนาวจัดอีกครั้ง ล่าสุดวัดอุณหภูมิต่ำสุดได้ 5 องศาเซลเซียส เกิดปรากฏการณ์เหมยขาบ และหยดน้ำค้างแข็งจับบนใบไม้ เป็นที่ตื่นตาตื่นใจของนักท่องเที่ยว

หนาวได้ใจ อินทนนท์ 5 องศาฯ ต้อนรับหยุดสุดสัปดาห์เกิดเหมยขาบต่อเนื่อง ประชาชนนักท่องเที่ยวยังแห่ชมความงามและอากาศหนาว พร้อมโชว์นักท่องเที่ยวโดยเปิดสปริงเกอร์ทำน้ำแข็งจับยอดไม้ สร้างความตื่นตาตื่นใจ ขณะที่ดอกนางพญาเสือโคร่งยังเบ่งบานโชว์ความงาม คาดอีกไม่นานจะร่วงโรยแล้ว

วันที่ 6 ก.พ.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการที่จังหวัดเชียงใหม่ มีสภาพอากาศที่หนาวเย็นในขณะนี้ ส่งผลให้ตามพื้นที่ยอดดอยเขาสูงมีอุณหภูมิต่ำ โดยเฉพาะในพื้นที่ยอดดอยอินทนนท์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ที่เช้านี้ ทางเจ้าหน้าที่รายงานว่า อุณหภูมิบนยอดดอย วัดได้ 5 องศาเซลเซียส ส่วนที่จุดชมวิวกิ่วแม่ปานวัดได้ 6 องศาเซลเซียส จนทำให้เกิดเหมยขาบ หรือน้ำค้าง ขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดเมื่อช่วงเช้าวานนี้ (5 ก.พ.) เหมยขายเกิดขึ้นตั้งแต่ กิ่วแม่ปานกิโลเมตรที่ 42 ไปตาม 2 ข้างทางขึ้นไปจนถึงกิโลเมตรที่ 47 ยอดดอยอินทนนท์ โดยเฉพาะที่กิโลเมตรที่ 44 ซึ่งเป็นจุดอับลมที่สุดเกิดเหมยขาบเป็นบริเวณกว้างทำให้นักท่องเที่ยวได้ชมความสวยงามของเหมยขาบได้อย่างเต็มที่ และพากันเก็บภาพความสวยงาม และโพสต์ลงบนโลกออนไลน์อวดเพื่อนๆ ที่พลาดโอกาสไม่ได้ขึ้นมาชมความสวยงาม และสัมผัสอากาศหนาวจัดที่สุดของประเทศไทยในตอนนี้ โดยเหมยขาบเกาะตามยอดหญ้า และใบไม้เป็นผลึกน้ำแข็งหนากว่าวานนี้จนกระทั่งช่วงสายเวลาประมาณ 8-9 นาฬิกาจึงถูกแสงแดดละลายไป

อย่างไรก็ตามการเกิดเหมยขาบ มีการนำเสนอข่าวรวมทั้งโลกโซเชี่ยลที่นักท่องเที่ยวพากันแชร์ภาพทำให้ทางอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ต้องเตรียมพร้อมรับมือคลื่นนักท่องเที่ยวที่จะแห่ขึ้นมาสัมผัสอากาศหนาว และร่วมลุ้นชมเหมยขาบกันเพิ่มมากขึ้น เฉลี่ยวันละไม่ต่ำกว่า 2-3 พันคน และคาดว่าในวันนี้ซึ่งเป็นช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางขึ้นไปท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นกว่าวันปกติอย่างแน่นอน ประกอบกับทางศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือรายงานว่าตลอดช่วงสัปดาห์นี้อากาศทางภาคเหนือจะหนาวเย็นลงต่อเนื่องจากมวลอากาศเย็นที่จะแผ่เสริมเข้ามาอีกหลายระลอก โดยตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เดินทางขึ้นไปยังยอดดอยอินทนนท์วานนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า จากความหนาวเย็นดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่ได้ทดลองเปิดสปริงเกอร์น้ำตอนเช้าตรู่ พ่นไปที่ต้นไม้ ปรากฏว่า ทำให้เกิดน้ำค้างแข็งหยดย้อยลงมาสวยงาม ซึ่งการทดลองพ่นน้ำใส่ต้นไม้ดังกล่าว เมื่ออากาศเย็นจัดจนติดลบ น้ำที่กำลังไหลจะเกาะเป็นหยดน้ำ เป็นปรากฏการณ์จากภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เคยทำกันมา นอกจากนี้ กรณีที่มีความชื้นในธรรมชาติ ก็อาจเกิดขึ้นเองได้ แต่อุณหภูมิต้องเหมาะสมกันความหนาวเย็น ความชื้น และลม วันนี้การทดลองทำได้สำเร็จ มีน้ำค้างแข็งย้อยตามกิ่งไม้สวยงามมาก ส่งผลให้นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวสัมผัสอากาศหนาวบนดอยอินทนนท์พบเห็น ต่างตื่นเต้น พากันถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึก แต่อย่างไรก็ตาม น้ำค้างแข็งดังกล่าว เมื่อเจอแสงอาทิตย์ อากาศอุ่นขึ้นก็จะละลายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน

นอกจากนี้ พบว่าช่วงสุดท้ายของฤดูการชมซากุระเมืองไทยหรือดอยนางพญาเสือโคร่งในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ที่ปีนี้หลายจุดทยอยเบ่งบานให้ชมความสวยงามสลับกัน เริ่มต้นด้วยที่ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์กล้วยไม้รองเท้านารี ต่อเนื่องด้วยที่บ้านขุนวาง เรือนประทับแรมดอยผาตั้ง และต่อเนื่องลงมาที่บริเวณรอบที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ และจุดสุดท้ายที่บ้านขุนกลาง โดยเฉพาะริมถนนสายอินทนนท์-ขุนวาง ด้านหน้าโรงเรียนบ้านขุนกลางกำลังถือว่าเบ่งบานแต็มที่ หรือที่เรียบว่า ฟูลบลูม (Full Bloom) เป็นช่วงที่ดอกนางพญาเสือโคร่งบานเต็มที่พร้อมกัน เต็มต้น ซึ่งตรงจุดนี้จะมีนางพญาเสือโคร่งเรียงรายกันยาวเป็นระยะทางกว่า 100 เมตร เหมือนกับทุ่งซากุระในต่างประเทศทำให้นักท่องเที่ยวพากันชมความสวยงาม และถ่ายภาพกันอย่างคึกคัก และเป็นจุดสุดท้ายที่จะสามารถชมความสวยงามของซากุระเมืองไทยของดอยอินทนนท์ ส่งท้ายฤดูชมซากุระของดอยอินทนนท์ ในปีนี้ซึ่งจะเบ่งบานสวยงามได้อีกประมาณ 1-2 สัปดาห์เท่านั้น

ขณะเดียวกันในส่วนของการดูแลนักท่องเที่ยวนั้น ทางเจ้าหน้าที่ของอุทยานฯ ก็ได้มีการเตรียมความพร้อมรับมือนักท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องแม้จะเป็นการดำเนินการที่ทำเป้นประจำก็ตาม ทั้งเรื่องของการจราจร สถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งได้มีการเตรียมพร้อมอยู่แล้ว เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดและเพื่อความปลอดภัยของผู้เดินทาง แต่พบว่าหนาวปีนี้มาช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้โดยเฉพาะเหมยขาบที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์กันมากกว่าช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตามก็ถือว่าเป็นผลดีทั้งต่อประชาชนในพื้นที่ที่จะมีรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นด้วย ขณะเดียวกันอยากฝากย้ำไปถึงนักท่องเที่ยวที่จะขึ้นมาพักให้สำรองที่พักวางแผนก่อนเดินทาง ผู้ที่ใช้รถยนต์ส่วนตัวให้ตรวจสอบสภาพรถให้พร้อมปฏิบัติตามกฏจราจรป้ายคำเตือนต่างๆ โดยเคร่งครัดเนื่องจากเป็นเส้นทางที่คดเคี้ยว และลาดชันสูงที่สุดในประเทศด้วย

ร่วมแสดงความคิดเห็น