เตือนภัยสังคม ระวังมือปาหิน สาว มช.โดนแล้ว 1 ราย ขณะขี่ จ.ย.ย.

เตือนภัยสังคม สาว มช.โร่แจ้งความตำรวจ ถูกมือดีปาวัตถุคลายก้อนหินใส่จนได้รับบาดเจ็บ ขณะขี่รถจักรยานยนต์ไปทำงาน บริเวณบ้านพักข้าราชการกองบิน 41 ถนนสุเทพ เจ้าตัวยัง งง แบบไม่ทราบสาเหตุ พร้อมขอเจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิด ติดตามตัวคนก่อเหตุ หวั่นมีคนโดนซ้ำ

เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่าย เวลาประมาณ 13.00 น. วันที่ 17 ก.พ.60 น.ส.ณัชนิชา ยาสมุทร อายุ 32 ปี ที่อยู่ 300/584 ม.10 ต.แม่เหียะ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ได้เข้าแจ้งความกับทาง ร.ต.อ.อมรชัย ตรังวัชรกุล พงส.สภ. ภูพิงคราชนิเวศน์ เพื่อให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจลงบันทึกประจำวัน กรณีที่ตนถูกชายไม่ทราบว่าเป็นใครทำร้าย โดยการปาวัตถุคล้ายก้อนหินใส่ขณะขี่รถจักรยานยนต์ จนได้รับบาดเจ็บ โดยเหตุเกิดที่บริเวณถนนสายสุเทพ ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เมื่อช่วงเช้าเวลาประมาณ 09.00 น.

ทาง น.ส.ณัชนิชา ยาสมุทร เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เมื่อช่วงเช้าเวลา ประมาณ 09.00 น.ที่ผ่านมา ตนได้ขี่รถจักรยานยนต์ผ่านเส้นทาง รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ ซึ่งปรกติตนจะใช้เส้นทางผ่านกองบิน 41 แต่เนื่องจากสภาพการจราจรติดขัด จึงขี่เลี่ยงมาทางถนนสายดังกล่าว แล้วมุ่งตรงไปทางตลาดต้นพยอม เพื่อจะมาทำงานที่ใน มช. จนกระ ทั่งขี่มาถึงตรงบริเวณทางม้าลาย ที่คนกดข้ามถนน ติดกับ 7-11 และเลยมาทางบ้านพักข้าราชการกองบิน 41 ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุ ตนได้สังเกตุเห็นชายคนหนึ่ง แต่งตัวชุดสีน้ำตาล กางเกงขาสั้น 3 ส่วน ถือลูกกลมๆ ขนาดน่าจะใหญ่กว่าฝ่ามือห่อด้วยผ้าแล้วปาเข้าใส่ตนโดยไม่ทราบสาเหตุ ทำให้วัตถุที่ปาใส่ถูกเข้าที่บริเวณเอว ขณะที่กำลังขี่รถ จนได้รับบาดเจ็บ แต่ขณะนั้นตนก็ไม่กล้าจอดรถ เนื่องจากเกรงจะถูกทำร้าย และหลังจากมองผ่านกระจกรถก็ไม่เห็นชายคนดังกล่าวแล้ว

ต่อมาหลังจากที่เกิดเหตุ ตนได้ขี่รถมาจอดยังบริเวณเลยปั๊มน้ำมันซัคโก้ไป เพราะรู้สึกหวาดกลัว และเจ็บที่บริเวณเอว จุดที่ถูกวัตถุกระแทกใส่ จากนั้นตนเห็นว่าไม่ปลอดภัยจึงตัดสินใจ เดินทางเข้าแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้เป็นหลักฐาน เพื่อให้ทางเจ้าหน้าที่ดำเนินการติดตามสืบสวน จากกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุ เพื่อหาตัวคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดี นอกจากนี้ตนยังได้ทำการแจ้งข้อมูลไปยัง ห้องไลน์ @191Chiangmai เพื่อเตือนพี่น้องประชาชนที่ขับขี่รถผ่านเส้นทางดังกล่าวให้ระมัดระวังตัวด้วย หรือหากมีผู้ใดเห็นเหตุการณ์ ก็สามารถเข้าให้เบาะแสกับทางเจ้าหน้าที่ได้

อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่ทางเจ้าหน้าตำรวจได้รับทราบเรื่องแล้ว เบื้องต้นได้ทำการบันทึกข้อมูลของผู้เสียหายไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งจะได้ทำการตรวจสอบเบาะแสจากกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุ เพื่อติดตามตัวคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำ เนินคดีตามกฎหมาย

ร่วมแสดงความคิดเห็น