จับครั้งมโหฬาร เครือข่ายยาบ้า ยึดทรัพย์ 120 ล. “เจ๊แอ” ขาใหญ่ ยังสาวไม่ถึงตัว ภ.5 ขยายผลล่า

ยึดร้อยล้าน…………..พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบช.ภ.5 พร้อมด้วย นายวิชัย ไชยมงคล ผอ.ปปส.ภาค 5 และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมกลุ่มลำเลียงยาเสพติดรายใหญ่พร้อมด้วยของกลางยาบ้า จำนวน 200,000 เม็ด เฮโรอีน 4 ถุง น้ำหนัก 2.8 กก. และยึดทรัพย์สินรวมมูลค่าประมาณ 120 ล้านบาท เครือข่ายของนางพรรณี หรือ เจ๊แอ จอมคำ

ตำรวจภาค 5 ทลายเครือข่ายยาเสพติดของนางพรรณี หรือเจ๊แอ จอมคำ เจ้าของบริษัทกาญทวีทรัพย์ จำกัด ยึดของกลางยาบ้า 2 แสนเม็ด และเฮโรอีน 2.8 กก. ขยายผลยึดทรัพย์สินมูลค่าร่วม 120 ล้านบาท พร้อมรวบตัว 1 ในขบวนการ แต่อีก 4 คนยังหลบหนี เตรียมขยายผลติดตามตัว

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 21 ก.พ.60 เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 5 โดย พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบช.ภ.5 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ภาณุเดช บุญเรือง รองผบช.ภ5 และนายวิชัย ไชยมงคล ผอ.ปปส.ภาค5 และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันแถลงข่าวผลการปฏิบัติการจับกุมกลุ่มลำเลียงยาเสพติดรายสำคัญ คือ นายวีรพงษ์ ใจคำ อายุ 38 ปี ที่อยู่เลขที่ 366 ม.9 ต.เวียง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ พร้อมด้วยของกลางยาบ้า จำนวน 200,000 เม็ด เฮโรอีน 4 ถุง น้ำหนัก 2.8 กก. และของกลางรายการอื่นๆ รวมมูลค่าประมาณ 120 ล้านบาท ที่บริเวณภายในบริษัทกาญทวีทรัพย์ จำกัดเลขที่ 297 หมู่ 9 ต.เมือง อฝาง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่อายัดทรัพย์สิน

ทั้งนี้ พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบช.ภ.5 เปิดเผยว่า สืบเนื่องจาก ก่อนเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนทราบว่า นางพรรณี หรือเจ้แอ จอมคำ เจ้าของบริษัทกาญทวีทรัพย์ จำกัด ร่วมกับบุคคลในเครือข่ายลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากแนวชายแดนด้าน อ.ฝาง และ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ เข้าสู่พื้นที่ตอนใน โดยอำพรางมากับรถยนต์บรรทุกขนส่ง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการสอบสวนเบาะแสเรื่อยมา เป็นเวลาร่วมปี

โดยเมื่อปี 2548 เจ้าหน้าที่ได้จับกุมตัวอดีตสามีของนางพรรณี พร้อมเครือข่าย ในข้อหาร่วมกันลำเลียงยาเสพติด และยึดทรัพย์สินส่วนหนึ่งของนางพรรณี แต่หลักฐานไม่เพียงพอที่จะจับกุมนางพรรณี ต่อมาเจ้าหน้าที่เชื่อว่า นางพรรณี ได้มีการสืบทอดธุรกิจมืด ลอบลำเลียงยาเสพติดของอดีตสามีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมลูกน้องของนางพรรณีที่มีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดทางรถบรรทุกมาแล้วหลายครั้งแต่ไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะเชื่อมโยงมาถึงตัวนางพรรณีได้

จนกระทั่ง เมื่อวันที่ 17 ก.พ.60 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.5 โดย พ.ต.อ.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒน์ชัย รอง ผบก.สส.ภ.5 ได้รับแจ้งจากสายลับว่ากลุ่มของ นางพรรณี จะลักลอบลำเลียงยาเสพติดไปกับรถบรรทุกหัวลาก 2 คัน โดยมีรถนำสำรวจเส้นทางมา ทางเจ้าหน้าที่จึงได้มีการวางแผนเพื่อสะกดรอยตาม โดยพบว่ารถบรรทุกยี่ห้อวอลโว สีน้ำตาลหมายเลขทะเบียน 81-6045 เชียงราย มีนายเดชพงค์ หรือเอก จอมคำ เป็นคนขับ และมีนางพรรณี หรือแอ จอมคำ นั่งโดยสารมาด้วย ส่วนรถบรรทุกคันสีน้ำตาล หมายเลขทะเบียน 70-5840 เชียงใหม่มี นายวิรัตน์ แสนออน เป็นคนขับและมี น.ส.ชิดชนก ใจทะนัน โดยสารมาต่อมารถยนต์บรรทุกทั้งสองคันได้ขับเข้าไปจอดในโกดังร้านวัสดุก่อสร้างในเขตพื้นที่ อ.เมือง จ.ลำพูน นานผิดปกติและต่อมาได้ติดต่อขอซื้อปูนซีเมนต์ ก่อนจะไปบรรทุกปูนซีเมนต์ได้ยกกระสอบจำนวน 2 ใบ ลงจากรถวางไว้บริเวณข้างกองเหล็กในบริเวณใกล้โกดัง ดังกล่าว แล้วได้บรรทุกปูนซีเมนต์ออกจากโกดังสินค้าดังกล่าวไป

และจากนั้นต่อมาเมื่อวันที่ 18 ก.พ.60 พนักงานโกดังพบว่ากระสอบทั้งสองใบที่เอาลงจากรถยนต์บรรทุกดังกล่าวยังอยู่ที่เดิม และเมื่อเข้าไปทำการตรวจสอบพบว่ามียาบ้าประมาณ 200,000 เม็ด และเฮโรอีน 4 ถุง น้ำหนักประมาณ 2.8 กก. บรรจุอยู่ เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดเป็นของกลางเพื่อทำการสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิด กระทั่งต่อมา ในวันที่ 19 ก.พ.60 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน และต่อมาศาลจังหวัดลำพูนได้ออกหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 5 คน คือนางพรรณี หรือแอ จอมคำ, นายเดชพงษ์ จอมคำ, นายวิรัตน์ แสนออน, น.ส.ชิดชนก ใจทะนัน และ นายวีรพงษ์ หรือตั้ม ใจคำ ในความผิดฐาน “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้าและเฮโรอีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย”

ต่อมาวันที่ 20-21 ก.พ.60 ตำรวจภูธรภาค 5 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทำการปิดล้อมตรวจค้นจับกุมกลุ่มเครือข่าย นางพรรณี ซึ่งขณะนั้นได้ควบคุมตัว นายวีรพงษ์ หรือตั้ม ใจคำ ผู้ต้องหาตามหมายจับได้ ส่วนอีก 4 คนได้หลบหนีไป พร้อมทั้งได้ดำเนินการตรวจยึดอายัดทรัพย์สินประกอบด้วย ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง หจก.กาญทวีทรัพย์ เนื้อที่ประมาณ 6 ไร่ มูลค่าประมาณ 20 ล้านบาท, รถบรรทุกพ่วง จำนวน 10 คัน มูลค่าประมาณ 30 ล้านบาท, รถยนต์ตู้ 2 คัน รถยนต์เก๋ง 3 คัน มูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท, รถยนต์กระบะ 2 คัน รถไถ 3 คัน มูลค่าประมาณ 3 ล้านบาท, บ้านพักรีสอร์ทและสวนลิ้นจี่ 100 ไร่ อาคารที่พัก 5 หลัง โรงเรียน 1 หลัง ประมาณ 20 ล้านบาท, ท่าทรายพร้อมสิ่งปลูกสร้างเนื้อที่ 19 ไร่ มูลค่าประมาณ 20 ล้านบาท, ที่ดินมี (ภทบ.5) จำนวน 23 ไร่ ปลูกสวนมะนาว เขต อ.แม่อาย มูลค่าประมาณ 5 แสนบาท, บ้านพร้อมที่ดิน หมู่บ้านศิริพรการ์เด้นโฮม อ.ดอยสะเก็ด 1 หลัง มูลค่าประมาณ 5 ล้านบาท, บ้านพร้อมที่ดิน หมู่บ้าน พรอพเพอร์ตี้เพอเฟคร์ ที่ กทม. มูลค่าประมาณ 5 ล้านบาท, ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง (ของนายวิรัตน์ ผู้ต้องหา) มูลค่าประมาณ 2 ล้านบาท อย่างไรก็ตามภายหลังการตรวจยึดทรัพย์สินของกลางทั้งหมด ทางเจ้าหน้าที่จะได้ทำการบูรณาการเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องเพื่อทำการสืบสวนติดตามตัวผู้ต้องหาที่หลบหนีเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น