นอภ.เชียงใหม่ ลุยโรงแรม ผิดกฎหมาย เดินหน้าจับต่อเนื่อง เพื่อให้เข้าสู่ระบบฯ

ลุยโรงแรม…………นายศรัณยู มีทองคำ นอภ.เมืองเชียงใหม่ พร้อมด้วยพนักงานฝ่ายปกครองจังหวัดเชียงใหม่ จับกุมโรงแรมที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการโรงแรมในพื้นที่ อ.เมืองเชียงใหม่ 2 แห่งดำเนินคดีและจี้กว่า 193 แห่งให้เร่งเข้าสู่ระบบ

กรมการปกครองเสริมเขี้ยวเล็บพนักงานฝ่ายปกครอง หวังเพิ่มประสิทธิภาพงานจับกับและสอบสวนตาม พ.ร.บ.โรงแรม ติวเข้มพร้อมออกจับจริง รวม 2 โรงแรมไร้ใบอนุญาตดำเนินคดีส่งฟ้องศาล “ศรัณยู” ยันอำเภอเมืองเชียงใหม่ยังเข้มออกตรวจโรงแรมอย่างต่อเนื่อง แม้กำลังพลมีน้อยจะจัดคิวงานตรวจทุกแห่งที่ยังดื้อแพ่ง เผยร่อนหนังสือถึงมือกว่า 193 แห่ง มีมาขออนุญาตแค่ครึ่งเดียว จี้ทุกแห่งให้เร่งรายงานตัวเข้าสู่ระบบ พร้อมย้ำยังจะเดินหน้าจับต่อเนื่อง พร้อมเผยอัตราโทษสูงนอกจากปรับไม่เกิน 20,000 บาท ยังมีโทษปรับอีกวันละไม่เกิน 10,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืน

วันที่ 22 ก.พ.60 เวลา 14.30 น. นายศรัณยู มีทองคำ นายอำเภอเมืองเชียงใหม่ พร้อมด้วยพนักงานฝ่ายปกครองจังหวัดเชียงใหม่ซึ่งร่วมโครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการตาม พ.ร.บ.โรงแรม หลักสูตรของกรมการปกครอง ร่วมกับพนักงานฝ่ายปกครอง สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง นำโดย นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้อำนวยการส่วนกำกับสืบสวนและปราบปราม กรมการปกครอง ออกทำการตรวจสอบจับกุมโรงแรมที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม และไม่มาลงทะเบียนตามที่ทางจังหวัดเชียงใหม่ได้แจ้งประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือให้เข้าสู่ระบบ

ทั้งนี้ได้ทำการจับกุมโรงแรมที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบกิจการโรงแรมในพื้นที่ อ.เมืองเชียงใหม่ จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ โรงแรมThe XYM ตั้งอยู่เลขที่ 222/1 ถนนวัวลาย ต.หายยา ซึ่งเป็นโรงแรมขนาดใหญ่ มีจำนวนห้องพักมากถึง 70 ห้อง และโรงแรม “ดับเบิ้ลยู โฮเต็ล” ตั้งอยู่เลขที่ 1/1 ถนนศรีดอนชัย ต.ช้างคลาน ซึ่งพนักงานฝ่ายปกครอง จึงได้แจ้งข้อหาแก่ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมทั้งสองแห่ง ในข้อหาประกอบธุรกิจโรงแรมโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมทั้งนำตัวส่งพนักงานสอบสวนฝ่ายปกครอง อ.เมืองเชียงใหม่ สอบสวนดำเนินคดีต่อไป

นายศรัณยู มีทองคำ นายอำเภอเมืองเชียงใหม่ กล่าวว่า กรมการปกครองได้ส่งทีมงานจากสำนักการสอบสวนและนิติการ เข้ามาฝึกทีมงานปลัดอำเภอในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ให้ได้ทราบถึงแนวทางในการดำเนินการจับกุม ตลอดจนการดำเนินการทำสำนวนส่งฟ้องกรณีความผิดตาม พ.ร.บ.โรงแรม และสถานบริการ มีการฝึกทั้งในภาคทฤษฎีและภาพปฏิบัติ ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ยังมีอีกหลายแห่งที่ยังไม่ถูกต้องตามกฎหมาย วันนี้มีเป้าหมายดำเนินการ 2 แห่ง ที่ดำเนินการให้เป็นแนวปฏิบัติอันเดียวกัน

ต่อคำถามที่ว่า จ.เชียงใหม่ ได้มีหนังสือถึงผู้ประกอบการโรงแรมที่ไม่ได้ขออนุญาตให้เร่งดำเนินการทำให้ถูกต้องตามกฎหมายได้มีผู้เข้ามายื่นคำร้องอนุญาตมากน้อยเพียงใด นายศรัณยู มีทองคำ กล่าวว่า มีอยู่จำนวนหนึ่งได้มีการยื่นคำขอเปลี่ยนแปลงการใช้อาคารกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้งเทศบาลนครเชียงใหม่ เทศบาลเมืองแม่เหียะ เทศบาลต่างๆ ซึ่งในพื้นที่ อ.เมืองเชียงใหม่ มีข้อมูลที่สำรวจอาคารที่เข้าข่ายเป็นโรงแรม 193 แห่ง ที่มีการส่งหนังสือแจ้งใหม่มาดำเนินการขออนุญาตประกอบการโรงแรม มีผู้มาดำเนินราวครึ่ง หากแต่ยังมีอีกจำนวนหนึ่งก็ยังติดปัญหาหาเรื่องอาคารแม้ว่ากฎกระทรวงมหาดไทยที่ออกใหม่ให้มีการผ่อนผันสำหรับการในอาคารบางประเภทที่ดันแปลงเป็นโรงแรม

“เบื้องต้นผู้ว่าราชการจังหวัดได้ให้แนวทางว่าจะต้องดำเนินการให้มายื่นให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน แต่ทั้งนี้ภายใน 30 วันนี้เจ้าหน้าที่ยังดำเนินการจับกุมผู้ที่กระทำผิดได้ต่อไปในระหว่างที่ยังไม่มีใบอนุญาตจากนายทะเบียนโรงแรมคือผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ก็ยังไม่สามารถที่จะเปิดบริการโรงแรมได้ เพราะฉะนั้นแม้ว่าอยู่ระหว่างยื่นก็ยังมีความผิดหากยังฝ่าฝืนที่เปิดให้บริการโรงแรม” นอ.เมืองเชียงใหม่ กล่าว

นายศรัณยู มีทองคำ กล่าวต่อว่า สำหรับการปฏิบัติการในการกวดขันจับกุมโรงแรมทางอำเภอเมืองเชียงใหม่เองพยายามที่จะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง แต่เนื่องจากกำลังเจ้าหน้าที่ที่มีอยู่อย่างจำกัด และมีเรื่องอื่นที่ต้องทำควบคู่กันอีกเป็นจำนวนมาก ก็พยายามที่จะใช้กำลังที่มีอยู่อย่างจำกัดได้ดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างเต็มกำลัง อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ให้ออกตรวจตราสถานประกอบการโรงแรมเป้าหมายที่ยังไม่ขออนุญาต ซึ่งเป็นนโยบายที่ได้มอบหมายให้กับทีมงานที่รับผิดชอบเรื่องนี้ของอำเภอเมืองเชียงใหม่

ด้าน นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผอ.ส่วนกำกับสืบสวนและปราบปราม กรมการปกครอง กล่าวว่า การกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.โรงแรม นั้นเป็นอำนาจการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เมื่อจับกุมเสร็จก็ส่งให้ปลัดอำเภอในพื้นที่ทำการสอบสวนแล้วส่งศาลเพื่อดำเนินคดีต่อได้เลยโดยไม่ต้องส่งไปที่เจ้าหน้าที่ตำรวจอีก ที่ยังเป็นปัญหาและอุปสรรคสำคัญคือ ยังมีผู้ประกอบการส่วนหนึ่งที่ยังดื้อแพ่ง หรืออาจคิดว่าเจ้าหน้าที่ไม่ดำเนินการใดๆ อย่างในพื้นที่ อ.เมืองเชียงใหม่ ท้องถิ่นแจ้งมาแล้ว 2-3 ครั้ง แต่ยังเพิกเฉยไม่ดำเนินการซึ่งกลายเป็นปัญหาที่เจ้าหน้าที่ต้องปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ ที่มี ซึ่งเรื่องนี้ได้มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ที่สำนักการสอบสวนและนิติการมาจัดอบรมครั้งนี้ ก็มาแนะวิธีการต่างๆ สำหรับรวมรวมหลักฐานเพื่อการดำเนินการตามกฎหมายในขั้นต่อๆ ไปให้ได้มากที่สุด

ทั้งนี้ ผอ.ส่วนกำกับสืบสวนและปราบปราม ได้ฝากประชาสัมพันธ์ถึงผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมทุกแห่ง ให้มายื่นขอรับใบอนุญาต ณ ที่ว่าการอำเภอท้องที่ เนื่องจากรัฐบาล และกระทรวงมหาดไทย มีนโยบายกวดขันให้โรงแรมทุกแห่งมายื่นขอรับใบอนุญาต เพื่อให้โรงแรมได้มีมาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยของผู้เข้าพัก ให้นักท่องเที่ยวได้เกิดความมั่นใจ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวได้อีกทางหนึ่ง หากผู้ประกอบการละเลย ไม่ยอมปฏิบัติตามกฎหมายด้วยการมายื่นขอรับใบอนุญาต จะมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังมีโทษปรับอีกวันละไม่เกิน 10,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่

“คดีประกอบธุรกิจโรงแรมโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น อยู่ในอำนาจสอบสวนของพนักงานสอบสวนฝ่ายปกครอง ซึ่งจะทำสำนวนสอบสวนส่งพนักงานอัยการฟ้องศาลให้ลงโทษต่อไป ที่ผ่านมามีศาลหลายแห่ง ได้ใช้ดุลยพินิจลงโทษปรับรายวัน เป็นจำนวนเงินที่สูงมาก ตั้งแต่หลักแสนบาทจนกระทั่งถึงหลายล้านบาท และหากศาลมีคำพิพากษาลงโทษจำคุกด้วย แต่รอลงอาญาไว้ หากถูกเจ้าหน้าที่จับดำเนินคดีอีกครั้ง ศาลอาจมีคำพิพากษาให้จำคุกจริง ดั้งนั้นจึงขอแจ้งประชาสัมพันธ์มายังผู้ประกอบธุรกิจโรงแรม ให้ได้รับทราบ เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายโดยทั่วกัน” นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผอ.ส่วนกำกับสืบสวนและปราบปราม กรมการปกครอง กล่าว

ร่วมแสดงความคิดเห็น