เมนูเด็ดจาก “โครงการหลวง” เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว เชิงวัฒนธรรมด้านอาหาร

“กรมการท่องเที่ยว” ได้ขานรับนโยบายรัฐ เร่งส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยว เชิงวัฒนธรรมด้านอาหารไทย จึงได้จัด “โครงการส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยว เชิงวัฒนธรรมด้านอาหารไทย ประจำปี พ.ศ. 2560” (Gastronomy Tourism 2017) ขึ้น ซึ่งโครงการนี้เป็นลักษณะ “กูเม่ร์ทริปส์” (Gourmet Trips) ณ สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ โดยนำคณะสื่อมวลชน รวมถึงเชฟชื่อดัง และไลฟ์สไตล์กูรูต่างชาติ มาเที่ยวชมความสวยความของแหล่งท่องเที่ยว ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการท่องเที่ยวเชิงเกษตร จากกรมการท่องเที่ยว พร้อมร่วมผลักดันประเทศไทย ให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวผ่านวัฒนธรรมอาหาร หวังชวนนักท่องเที่ยวทั่วโลกสัมผัสศิลปะการปรุงอาหารด้วยวัตถุดิบชั้นเลิศ จากโครงการพระราชดำริ

หอยนางรมชุบแป้งทอดกับซอสส้มซ่าพริกสด

สำหรับอาหารจากเมนูโครงการหลวงเมนูแรก เริ่มจากฝีมือของ “เชฟวิชิต มุกุระ” พิธีกรรายการยอดเชฟไทยจากช่อง 5 หรือที่ทุกคนรู้จักในนาม 3 ทหารเสือ ที่ปลุกปั้นโรงแรมโอเรียนเต็ล กทม. ให้โด่งดัง และปัจจุบันเป็นเจ้าของ “ร้านข้าว” ซึ่งเชฟวิชิต ได้สร้างสรรค์อาหารสุดหรูจากวัตถุดิบชั้นเลิศ ของโครงการพระราชดำริด้วย 7 เมนู อาทิ หอยนางรมชุบแป้งทอดกับซอสส้มซ่าพริกสด ใช้วัตถุดิบหลักจาก ส้มซ่า ซึ่งตัวซอสใช้ผิวส้มซ่า พริกขี้หนูแดง หอมแดง มายองเนส น้ำส้มซ่า ทำให้ได้กลิ่นหอมที่ออกมาจากผิวส้มซ่า ได้ความหวานปนเปรี้ยว ราดกับหอยนางรมชุปแป้งทอดที่เข้ากันได้ดี

ยำมะม่วงกับเห็ด Portabello

อีกเมนูเป็น ยำมะม่วงกับเห็ด Portabello และกุ้งแม่น้ำ, ไข่ปลาแซลมอน ใช้วัตถุดิบจากเห็ด Portobello หรือเห็ดกระดุมสีน้ำตาล เป็นเห็ดที่เพาะเลี้ยงในโครงการหลวง นำมาย่างเสิร์ฟคู่กับยำมะม่วงและกุ้งแม่น้ำชุบแป้งทอด ราดด้วยซอสไข่ปลาแซลมอน ต่อมาเป็น ต้มโคล้งปลากรอบกับขาปูทาราบะชุบแป้งทอด  อาหารฟิวชั่นที่ผสมผสานวัตถุดิบของญี่ปุ่นและไทย ได้กลิ่นหอมของสมุนไพรจากซุปที่ใช้เวลาเคี่ยวถึง 2 วัน

มัสมั่นเนื้อสันใน Saka
ขนมอินทนิล

เมนูที่ 4 เป็น มัสมั่นเนื้อสันใน Saka และข้าวหอมมะลิแดง ด้วยรสชาติของน้ำแกงมัสมั่นบวกกับเนื้อซากะ หนึ่งในเนื้อวัวชั้นดีของญี่ปุ่น ที่ใช้ส่วนเนื้อสันในที่มีความนุ่มละมุมลิ้น รับประทานแล้วได้รสชาติของน้ำแกงมัสมั่น ที่แทรกเข้าไปในเนื้อวัวและกลิ่นของกะทิและพริกแกง ตบท้ายด้วย 2 เมนูขนมไทย คือ ขนมอินทนิลกับวุ้นกรอบหลายรส ขนมไทยโบราณหาทานได้ยากแล้วในปัจจุบัน ตัวขนมทำจากแป้งหอมใบเตย  ได้ความหอมหวานกลมกล่อมกับน้ำกะทิอบควันเทียน และหยกมณีสตรอเบอรี่ ที่ใช้สตรอเบอรี่จากโครงการหลวง

เชฟชุมพล แจ้งไพร

ต่อมามาถึงคิวของ “เชฟชุมพล แจ้งไพร” มาโชว์ฝีมือ โดยนำกุ้งก้ามแดงมาย่างกับกระเทียม เนย และโรสแมรี ที่ใช้พืชสมุนไพรจากโครงการหลวง ทานคู่กับลาบเห็ด  Portabello ที่มีส่วนผสมของปูขน นำมาผัดกับน้ำมันมะกอก น้ำปลา และนำไปตำให้เข้ากัน จากนั้นกรองเอาน้ำมาทำลาบ  ได้ความเผ็ดร้อนจัดจ้านลงตัว รับประทานคู่กับกะหล่ำปลีจากแปลงผักอินทรีย์และยอดอ่อนทานตะวัน จากโครงการหลวง

ตามมาด้วย “เชฟมาดามนูรอห์ สเตปเป้”  เจ้าของร้านอาหารไทยในต่างแดน “บลูเอเลเฟ่นท์” ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม และอีกหลายสาขาทั่วโลก ได้จัดเสิร์ฟด้วยเมนู  “ยำโครงการหลวง” ที่ตั้งชื่อโดย รศ. ดร.ชวนี ทองโรจน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยเชฟใช้เคพกูสเบอร์รี่วัตถุดิบหลักชั้นดี จากโครงการหลวง  นำมายำเข้ากับน้ำเสาวรส ใบชาอู่หลง โรสแมรี และปลาค้าว

เชฟคิม ยูอา

เมนูต่อมาเป็นเมนูจาก “เชฟ HENRIK YDE ANDERSON” เชฟผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารไทย เจ้าของร้านอาหาร “กิน กิน” ร้านอาหารไทย ณ ประเทศเดนมาร์ก ที่ได้รับรางวัลมิชลีนสตาร์  ได้รังสรรค์เมนู “ซุปเห็ด” และต้นหอมยักษ์ญี่ปุ่นและหอมหัวใหญ่หั่นเป็นลูกเต๋าอบชีส  อีกเมนูเป็นฝีมือของ “เชฟคิม ยูอา” เชฟอาหารไทยชาวเกาหลีใต้ ที่เชฟคิมได้รังสรรค์อาหารสไตล์เกาหลี “บิบิมบับ” หรือข้าวยำเกาหลี ใช้ผักจากโครงการหลวง ส่วนตัวซอสใช้น้ำพริกหนุ่ม โดยใช้พริกเม็ดสีแดงแทนพริกเม็ดสีเขียว ราดด้วยไข่ไก่สด

วัตถุดิบจากโครงการหลวง

เมนูต่อมาเป็นเมนูจาก “เชฟก้องวุฒิ ชัยวงศ์ขจร” หน.พ่อครัวห้องอาหารญี่ป่น โรงแรมดาราเทวี เชียงใหม่ ซึ่งเชฟก้องได้รังสรรค์เมนูอาหารพื้นเมืองภาคเหนือมากมาย อาทิ สะแลดอง เป็นพืชพื้นถิ่นของคนเหนือ  และน้ำพริกน้ำจิ้มต่างๆ และทั้งของปิ้งย่างต่างๆ ทั้งเนื้อสัตว์และพืชผัก ที่อาหารส่วนใหญ่ใช้วัตถุดิบจากโครงการหลวง นอกจากนี้ยังมีอาหารที่ใช้กรรมวิธีที่แปลกในการประกอบอาหารคือ การทำอาหารใต้ดิน เป็นการขุดหลุมแล้วนำเนื้อสัตว์ที่หมักกับโยเกิร์ตไว้แล้ว และผักผลไม้ ใส่เข้าไปในหลุมดิน นำดินกลบไว้ ซึ่งวิธีนี้เป็นวัฒนธรรมเทคนิคการทำอาหารของชาวชิลี โดยเทคนิคนี้ตัวที่ทำให้อาหารสุกคือ หินแม่น้ำที่ใส่ไปในหลุมด้วย เพราะหินจะคงความร้อนได้นาน และยังมี ซี่โครงหมูที่หมักด้วยผักพื้นถิ่นของชาวปกากะญออีกด้วย

หม้อแกงฟักทองญี่ปุ่นโครงการหลวง
ขนมมัศกอด

เสร็จจากอาหารคาวก็มาถึง “ขนมหวาน” ที่ได้ “เชฟปิง – สุรกิจ เข็มแก้ว” และ “CHEF NICK ROYABRETW” ซึ่งเชฟปิงมีดีกรีแชมป์ระดับชาติและนานาชาติจากหลายเวที จัดขนมหวานให้ อาทิ หม้อแกงฟักทองญี่ปุ่นโครงการหลวง เสิร์ฟพร้อมสตรอเบอรี่ , ส้มฉุน  เครื่องดื่มที่ทำมาจากน้ำส้มซ่าโครงการหลวง , ขนมมัศกอด ขนมไทยโบราณ ในกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน  เสิร์ฟคู่กับสับปะรดและเมอแรงค์ และสุดท้าย ขนมโค ขนมพื้นบ้านทางภาคใต้ รสชาติคล้ายขนมต้ม ซึ่งทุกเมนูตกแต่งด้วยดอกไม้ของสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง เพราะเชฟปิงได้ให้สัมภาษณ์ว่า “ทุกอย่างเมื่อมีดอกไม้จะเพิ่มมูลค่าให้กับอาหาร”

มาถึงเมนูขนมหวานเมนูสุดท้ายที่จาก “เชฟไก่ ธนัญญา วิลคินสัน” เชฟกระทะเหล็กอาหารหวาน แห่งประเทศไทย มีประสบการณ์กว่า 18 ปี ได้รังสรรค์ขนมหวานจากเสาวรสโครงการหลวง สตรอเบอรี่โครงการหลวง ด้วยตัวเนื้อขนมให้รสหวาน หอมกะทิ ราดด้วยเนื้อเสาวรสใบเตย และแคร็กเกอร์ ให้รสชาติอร่อยหวานมันชวนให้รับประทาน

เมนูทั้งหมดนี้หากท่านใดสนใจ ลองลงมือเข้าครัวทำดู แล้วจะรู้ว่าผลผลิตจากโครงการหลวง สามารถสร้างสรรค์ความอร่อยระดับโลกได้มากมาย เป็นที่ “ถูกปาก” นักกินทั่วโลก

 

ร่วมแสดงความคิดเห็น