ผลตรวจชี้ชัด ด.ญ.12ขวบ ถูกละเมิดทางเพศ แม่เด็กเดินหน้า ขอความคุ้มครอง เร่งตำรวจทำคดี ไม่เกรงกลัวคำขู่ ขรก.หื่นล่องหน

เดินหน้าร้อง……….ผู้ปกครองพร้อมเด็กหญิง 12 ขวบผู้เสียหาย เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.มนตรี สัมบุณณานนท์ รอง ผบช.ภ.5 เพื่อให้ทางตำรวจ ช่วยเร่งดำเนินการติดตามคดีกรณีที่ข้าราชการชั้นสูงคนหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ กระทำอนาจารและล่วงละเมิดทางเพศลูกสาว พร้อมทั้งขอให้มีการดำเนินการคุ้มครองพยานหลังถูกข่มขู่ ตามข่าว

 
ผู้ปกครองเด็กถูกล่วงละเมิด เข้าแจ้งความกับทาง รอง ผบช.ภ.5 ขอความคุ้มครองหลังโดนผู้ถูกกล่าวหาข่มขู่ จะฟ้องร้องกลับ พร้อมร้องขอให้เร่งดำเนินเร่งรัดคดี ยันไม่เกรงกลัวคำข่มขู่ และพร้อมจะเดินหน้าต่อสู้คดีตามกฎหมาย ขณะที่ทางผลการตรวจร่างกายเด็กชี้ชัดว่ามีการถูกล่วงละเมิดทางเพศ ส่วนข่าวลือที่ว่ามีการตั้งครรภ์นั้นชี้ไม่เป็นความจริง ด้าน รอง ผบช.ภ.5 รับเรื่องแล้ว เตรียมจัดชุดเจ้าหน้าที่คุ้มครองความปลอดภัยให้ทางผู้เสียหายและเร่งสอบสวนเด็กรวบรวมหลักฐาน เตรียมออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหามาสอบสวน ที่ตอนนี้ได้ขอลาพักไปต่างจังหวัดหลังเกิดเหตุ

จากกรณีที่ ทางผู้ปกครองเด็กหญิง วัย 3 ขวบ และ วัย 12 ปี ได้เดินทางเข้าแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้ดำเนินการตรวจสอบและดำเนินคดีกับข้าราชการชั้นสูงคนหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้กล่าวหาว่ามีการกระทำอนาจารและล่วงละเมิดทางเพศเด็กหญิง ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลาน โดยภายหลังจากที่ได้เข้าทำการแจ้งความในช่วงเช้าของวันที่ 27 ก.พ.60 ที่ผ่านมา และได้มีการนำเด็กผู้เสียหายทั้ง 2 คน ไปทำการตรวจเช็คร่างกายที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ โดยผลการตรวจสอบพบว่า เด็กสาวอายุ 12 ปี ได้พบว่ามีการถูกล่วงละเมิดทางเพศจริง จากผลการตรวจที่ยืนยันของทางแพทย์ผู้ตรวจ ส่วนเด็กหญิงวัย 3 ขวบ เบื้องต้นพบว่าสภาพร่างกายยังปกติดี และในช่วงเย็นของวันเดียวกันนั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการนำกำลังเข้าทำการตรวจค้นบ้านพักของข้าราชการชั้นสูงคนดังกล่าวเพื่อรวบรวมหลักฐาน มาทำการตรวจสอบ และทราบว่าข้าราชการรายนี้ได้ยื่นเรื่องลาพักร้อนไปต่างจังหวัด ในวันเดียวกันกับที่เกิดเหตุขึ้น ตามที่ได้มีนำเสนอข้อมูลไปแล้วนั้น

สำหรับความคืบหน้าล่าสุดเกี่ยวกับกรณีที่เกิดขึ้นนี้ เมื่อช่วงบ่ายเวลา 13.30 น. วันที่ 28 ก.พ.60 ทางผู้ปกครองพร้อมด้วยเด็กหญิงผู้เสียหาย ได้เดินทางมายังกองบังคับการตำรวจภูธรภาค 5 เพื่อเข้าร้องเรียนกับทาง พล.ต.ต.มนตรี สัมบุณณานนท์ รอง ผบช.ภ.5 ให้เร่งดำเนินการติดตามคดีดังกล่าวที่เกิดขึ้นพร้อมทั้งขอให้มีการดำเนินการคุ้มครองพยาน หลังจากที่ระบุว่าถูกทางผู้ถูกกล่าวหา และภรรยาของผู้ถูกกล่าวหาที่มีศักดิ์เป็นพี่สาวของแม่เด็กข่มขู่ให้ถอนแจ้งความไม่เช่นนั้นจะดำเนินการแจ้งความกลับและฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย

โดยทาง ผู้ปกครองเด็กหญิงผู้เสียหาย กล่าวว่า การเดินทางเข้าร้องเรียนกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันนี้เนื่องจากว่าทางผู้ปกครองและทางเด็กผู้เสียหายได้ถูกทางผู้ถูกกล่าวหาที่เป็นข้าราชการชั้นสูงและภรรยา เข้ามาทำการข่มขู่ หลังจากที่ช่วงเย็นวานนี้ทางตนได้เข้าแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และได้นำเด็กไปตรวจเช็คร่างกาย ซึ่งผลการตรวจก็พบว่าตัวของเด็กซึ่งเป็นพี่สาวคนโต อายุ 12 ปี นั้นมีร่องรอยของการถูกล่วงละเมิดทางเพศจริง แต่ทางภรรยาของผู้ถูกกล่าวหาซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่สาวและป้าของเด็กก็ได้เดินทางมาที่บ้าน พร้อมทั้งพูดข่มขู่ว่าทำไมไม่ปรึกษากันก่อนที่จะเข้าแจ้งความ อีกทั้งยังยืนยันว่าทาง ข้าราชการชั้นสูงคนดังกล่าว ซึ่งเป็นสามีนั้น ไม่ได้ก่อเหตุดังกล่าว และได้ไปต่อว่าตำหนิเด็ก จนทำให้เด็กเกิดความวิตกกังวลและกลัวไม่กล้าพูดคุยด้วย โดยทางตนก็ได้โต้แย้งไปแล้วว่าภายหลังผลการตรวจนั้นพบว่ามีการถูกล่วงละเมิดทางเพศจริง แต่ทางพี่สาวซึ่งเป็นภรรยาของผู้ถูกกล่าวหาก็ยังแย้งว่าเด็กนั้นได้ไปทำอะไรกับใครหรือไม่ ทั้งที่เด็กนั้นอยู่ในความดูแลของผู้ถูกกล่าวหา

ขณะเดียวกันในส่วนของสภาพจิตใจของเด็กนั้นก็ย่ำแย่มาก ซึ่งพบว่ามีอาการวิตกกังวลและหวาดกลัว โดยเฉพาะพี่สาวหรือที่มีศักดิ์เป็นป้า เพราะว่าเด็กนั้นถูกพูดขู่บังคับ แต่ทางตนก็ได้ให้ดูหลักฐานที่ยืนยันการตรวจสภาพร่างกายของเด็ก รวมทั้งหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องส่วนเรื่องของผลการตรวจที่ว่าเด็กนั้นมีการตั้งครรภ์ ตนยืนยันว่าไม่ได้เป็นความจริงแต่อย่างใด และยังงงว่าในข่าวได้ระบุไปได้อย่างไร โดยทางแพทย์ก็ได้มีการป้องกันรักษาเพื่อให้เด็กมีสภาพจิตใจที่ดีขึ้นโดยการใช้หลักจิตวิทยา ซึ่งเบื้องต้นตอนนี้เด็กก็ยังไปโรงเรียนตามปกติ ส่วนเด็กหญิงอีกคนอายุ 3 ขวบ จากการรับฟังจากปากของเด็กก็ทราบว่า เวลาผู้ถูกกล่าวหามารับไปก็มักจะพาไปเที่ยวแต่ไม่ได้พาไปอยู่ที่บ้านพัก แต่เด็กก็บอกว่าผู้ถูกกล่าวหามักจะอาบน้ำให้ แต่จากการตรวจสอบร่างกายทางการแพทย์ของเด็กหญิงวัย 3 ขวบ นั้นยังไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด ส่วนเด็กทั้ง 2 คน ตอนนี้ได้ไปอาศัยอยู่ที่บ้านของน้า โดยอยู่ในความควบคุมดูแล อย่างเช่น หากไปโรงเรียนก็จะแจ้งกำชับกับทางครูฝ่ายปกครองว่าผู้ที่มารับตัวกลับได้นั้นต้องเป็นแม่กับน้าเท่านั้น ห้ามให้คนอื่นรับตัวเด็กออกไปเพื่อความปลอดภัยของเด็ก โดยทางครูก็ได้ช่วยสอดส่องดูแลอย่างเต็มที่

อย่างไรก็ตาม ทางตนก็อยากให้เด็กเกิดความปลอดภัยมากที่สุด จึงได้เดินทางเข้ามาขอความคุ้มครองกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้ช่วยคุ้มครองตัวพยานรวมทั้งตัวของแม่เด็กด้วย ซึ่งตอนนี้ทางตนก็โดนข่มขู่ว่าได้แจ้งความเท็จ และทางผู้ถูกกล่าวหาก็จะฟ้องกลับและอยากให้ทางตนไปถอนคดีความที่ได้แจ้งฟ้องไว้ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทางตนทำไปก็เพื่อต้องการที่จะปกป้องเด็ก โดยการข่มขู่ของทางผู้ถูกกล่าวหานั้นมีลักษณะยืนยันว่าตัวเองไม่ได้ผิด ประกอบกับทางภรรยา ซึ่งเป็นพี่สาวของแม่เด็กนั้นก็พยายามที่จะปกป้อง โดยชี้ว่าทางตนยัดเยียดแจ้งความเท็จให้กับทางผู้ถูกกล่าวหา ดังนั้นทางผู้ถูกกล่าวหาก็จะเรียกร้อง เนื่องจากส่งผลให้เกิดความเสื่อมเสียชื่อเสียงต่อองค์กรที่เป็นข้าราชการโดยจะทำการฟ้องร้องกลับ ซึ่งในส่วนของตนก็คิดว่าได้ทำดีที่สุดแล้วและพยายามที่จะปกป้องเด็กให้ถึงที่สุด จึงไม่กลัวการข่มขู่และพร้อมจะเดินหน้าต่อสู้คดีตามกฎหมายต่อไป

ในส่วนของการดำเนินการของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น ทางด้าน พล.ต.ต.มนตรี สัมบุณณานนท์ รอง ผบช.ภ.5 เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้ทำการรับเรื่องร้องทุกข์จากทางผู้เสียหายไว้แล้ว พร้อมทั้งยืนยันว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการสืบสวน สอบสวนในคดีนี้อย่างเต็มที่ โดยเหลือเพียงการสอบปากคำเด็กหญิงผู้เสียหายที่จะต้องดำเนินการสอบปาก ซึ่งจำเป็นต้องมีทีมสหวิชาชีพ ประกอบด้วย นักสังคมสงเคราะห์ นักจิตวิทยา และอัยการเด็ก เข้าร่วมการสอบสวน และต้องมีการบันทึกภาพวีดีโอเพื่อใช้เป็นหลักฐานด้วย ซึ่งจะได้มีการทำการสอบปากคำในช่วงเย็นวันนี้ จากนั้นจะได้สรุปข้อเท็จจริงจากพยานและหลักฐานทั้งหมด รวมทั้งปากคำจากผู้เสียหาย จึงจะได้มีการออกหมายเรียก ให้ทางผู้ถูกกล่าวหามารับทราบข้อกล่าวหาต่อไป โดยในส่วนของผู้ถูกกล่าวหานั้น ทราบว่าตอนนี้ได้ขอลาพักร้อนไปต่างจังหวัดตั้งแต่ช่วงบ่ายของเมื่อวานนี้ ส่วนเรื่องที่ทางผู้เสียหายได้ร้องขอความคุ้มครองในเรื่องของความปลอดภัยเนื่องจากถูกข่มขู่จากผู้ถูกกล่าวหานั้น ก็จะมีการจัดชุดเจ้าหน้าที่เพื่อเข้าไปดูแลความปลอดภัยให้ เพื่อความสบายใจของผู้เสียหาย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้มีการดำเนินการอย่างเต็มที่

ร่วมแสดงความคิดเห็น