สกู๊ปหน้า1…ห้ามไม่ฟังยังเผา…!! เชียงใหม่จับไม่มีอภัย

ตำรวจเชียงดาว พร้อมเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง จัด ”เชือดไก่ให้ลิงดู” ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดฝ่าฝืนกฎข้อบังคับจังหวัดในการรณรงค์ 60 วันห้ามเผา ดำเนินคดีตามกฎหมาย วันเดียว 2 คดี ขณะกระทำการเผาเพื่อปรับพื้นที่การเกษตร และถือเป็นการจับกุม 2 คดีแรกของเชียงใหม่ เพื่อให้ประชาชนและชาวบ้านได้เห็น พร้อมแจ้งขอความร่วมมือหากตรวจสอบพบการฝ่าฝืนจะจับกุมอย่างไม่มีข้อยกเว้น

หลังจากที่จังหวัดเชียงใหม่ ได้มีการประกาศวาระของ จังหวัดในการรณรงค์ภายใต้โครงการ “60 วันห้ามเผาเราทำได้” ซึ่งมีคำสั่งให้ทุกพื้นที่งดการเผาทุกชนิดในที่โล่ง ในห้วงระหว่างวันที่ 20 ก.พ.-20 เม.ย. เพื่อป้องกันและแก้ไขไฟป่าและหมอกควันที่มักเกิดขึ้นในช่วงนี้ทุกปี แต่ปรากฏว่าบางพื้นที่ยังมีประชาชนและราษฎรบางส่วนยังมีคนฝ่าฝืน ลักลอบเผาป่าและพื้นที่การเกษตร ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาหมอกควันสะสมตามมา โดยล่าสุดวานนี้ (1 มี.ค.60) ทางผู้สื่อข่าวได้ทราบรายงานจากทาง ศูนย์อำนวยการป้องกันไฟป่าและหมอกควัน อ.เชียงดาว ซึ่งได้ดำเนินการจับกุมผู้ฝ่าฝืนคำสั่งและข้อบังคับที่ทางจังหวัดได้มีการออกประกาศไปแล้ว ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า ผู้ฝ่าฝืนได้มีการลักลอบเผาเพื่อทำการปรับพื้นที่ทางการเกษตร จำนวน 2 คดี และสามารถจับกุมตัวผู้กระทำผิดได้ทั้งหมด 3 คน ซึ่งถือเป็นการดำเนินการจับกุม และดำเนินการตามข้อบังคับกับผู้กระทำผิดครั้งแรกของ จ.เชียงใหม่

โดยคดีแรก เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 08.00 น. ทาง พ.ต.อ.ชลเทพ ใหม่ไชย รรท.ผกก.สภ.นาหวาย จ.เชียงใหม่ ได้สั่งการให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.นาหวาย ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ของอุทยานแห่งชาติผาแดง, เจ้าหน้าที่ ร้อย ตชด.335 และ คณะกรรมการหมู่บ้านอรุโณทัย ม.10 ต.เมืองนะอ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ พร้อมทั้งผู้เกี่ยวข้องในพื้นที่ ร่วมกันจับกุมผู้กระทำผิด ทราบชื่อต่อมาคือ นายเกิงถิง แซ่หยาง อายุ 35 ปี และ นายเกิ่งฟา แซ่หยาง อายุ 28 ปี ที่อยู่เลขที่ 126 ม.10 ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ พร้อมของกลาง คลาด จำนวน 2 อัน, ไฟแช็ค จำนวน 2 อัน โดยจับกุมตัวได้ที่บริเวณสวนมะม่วง ด้านทิศตะวันออก บ้านอรุโณทัย ม.10 ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ขณะที่ทั้งสองคนกำลังดำเนินการเผาปรับพื้นที่เพื่อการเกษตร ก่อนส่งตัวดำเนินคดี

ส่วนคดีที่สองเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 12.30 น. โดยทางชุดเจ้าหน้าที่ดังกล่าวได้ดำเนินการออกตรวจพื้นที่เพื่อป้องกันการลักลอบเผาป่าและพื้นที่โล่ง ซึ่งระหว่างกำลังออกปฏิบัติหน้าที่อยู่นั้น ได้พบผู้กระทำความผิดได้อีก 1 ราย ทราบชื่อในเวลาต่อมาคือตัว นายอาซือ แซ่เฉิง อายุ 26 ปี ที่อยู่เลขที่ 100(20)/พ ม.3 ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ จึงได้เข้าทำการแสดงตัวและควบคุมตัวผู้กระทำผิด พร้อมทั้งทำการตรวจยึดของกลางเป็นไฟแช็กแก็ส จำนวน 1 อัน โดยจับกุมขณะที่ผู้ต้องหากำลังเผาเพื่อปรับพื้นที่เพื่อการเกษตรทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ บ้านรินหลวง ม.3 ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ความเสียหายประมาณ 1 ไร่

โดยภายหลังการจับกุมตัวผู้กระทำผิดทั้งหมดแล้วนั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันกระทำผิดตามประกาศจังหวัดเชียงใหม่ มาตรการควบคุมการเผา 60 วัน, พ.ร.บ.สาธารณสุข พ.ศ. 2535 มาตรา 25 ข้อ (4) ฐานกระทำการใดๆ อันเป็นเหตุทำให้เกิดกลิ่น แสง รังสี ความร้อน ฝุ่นละออง เขม่า เถ้า หรือกรณีอื่นใดจนเป็นเหตุให้เสื่อมหรืออาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เปรียบเทียบปรับ คดีละ 2,000 บาท

ทั้งนี้ทางด้าน พ.ต.อ. ชลเทพ ใหม่ไชย รรท.ผกก.สภ.นาหวาย จ.เชียงใหม่ ระบุว่า นอกจากการเผาใบไม้ ขยะ วัชพืชในที่โล่งนอกเขตป่าไม้จะมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท จำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือทั้งจำและปรับ ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.สาธารณสุขฯ มาตรา 25,74 และ ล่าสุดมีการประกาศ ลงในราชกิจจานุเบกษาลงวันที่ 24 พ.ค. 59 มีการประกาศ เพิ่มโทษการเผาในเขตป่าสงวนแห่งชาติ เผาป่าเกิน 25 ไร่ โทษจำคุก 4 ปี ถึง 20 ปี ปรับ 200,000 บาทถึง 2,000,000 บาท และเป็นถือเป็นคดีพิเศษด้วย จึงแจ้งเตือนประชาชนให้ทราบเพื่อจะได้ไม่กระทำการผิดกฎหมายซึ่งเพื่อเป็นการป้องปราม เจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายในอัตราโทษสูงสุด อันจะทำให้การเกิดไฟป่า มลพิษในอากาศลดลง ส่งผลดีต่อทั้งสภาพแวดล้อม สุขภาพอนามัย และเศรษฐกิจการท่องเที่ยว

จึงอยากฝากให้ประชาชนและชาวบ้านได้ช่วยกันปฏิบัติตามกฎข้อบังคับอย่างเคร่งครัดด้วย ซึ่งหากทางเจ้าหน้าที่ได้มีการตรวจพบว่ามีการลักลอบกระทำความผิด ก็จะดำเนินการจับกุมและดำเนินคดีตามกฎหมายโดยไม่มีข้อยกเว้นแต่อย่างใด เพราะถือว่าได้มีการแจ้งเตือนให้ทราบโดยทั่วกันก่อนหน้านี้แล้ว

ร่วมแสดงความคิดเห็น