ผอ.สำนักพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่ กรมชลประทาน นำทีม จนท.ลงสำรวจอุโมงค์ส่งน้ำอีกครั้ง หลังเกิดเหตุเศร้า หินหล่นทับ 2 นักธรณีวิทยาเสียชีวิต

จากกรณีอุุบัติเหตุสุดสลด ที่ได้เกิดก้อนหินขนาดใหญ่ในชั้นหินของอุโมงค์ส่งน้ำ เขื่อนแม่งัด-แม่กวง หมู่ 1 ต.แม่หอพระ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ได้เกิดชั้นหินทรุดตัวแล้วหล่นทับใส่ 2 นักธรณีวิทยา คือ นายปรัชญาวัต วสุอนันต์ อายุ 24 ปี และนายปฐมพร ศิริวัฒน์ อายุ 24 ปี ของบริษัทอิตาเลี่ยนไทย ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ในอุโมงค์เสียชีวิต ในช่วงเช้าของวันที่ 2 มี.ค.60 ที่ผ่านมา และในเวลาต่อมาทาง นายวิทย์ วงษ์กมลชุณห์ ผอ.สำนักงาน ก่อสร้างชล ประทานขนาดใหญ่ที่ 1 พร้อมด้วย รศ.ดร.นพดล เพียรเวช ผู้เชี่ยวชาญงานก่อสร้างอุโมงค์ กลุ่มบริษัทที่ปรึกษา ได้เปิดแถลงข่าวถึงสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ ที่ยืนยันว่าเป็นเหตุสุดวิสัยที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้น ตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น

สำหรับความคืบหน้าล่าสุด เมื่อช่วงสาย เวลาประมาณ 11.30 น. วันที่ 3 มี.ค.60 นายชยันต์ เมืองสง ผอ.สำนักพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่ กรมชลประทาน พร้อมด้วย นายวิทย์ วงษ์กมลชุณห์ ผอ.สำนักงานก่อสร้างชลประทานขนาดใหญ่ที่ 1 และ รศ.ดร.นพดล เพียรเวช ผู้เชี่ยวชาญงานก่อสร้างอุโมงค์ กลุ่มบริษัทที่ปรึกษา รวมทั้งคณะ ได้ร่วมกันลงพื้นที่โครงการก่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำ ช่วงแม่งัด-แม่กวง บริเวณพื้นที่ก่อสร้างอุโมงค์ เข้า-ออก หมายเลขที่ 6 เพื่อดำเนินการตรวจสอบอีกครั้ง

หลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องบางส่วน ได้เข้าทำการตรวจสอบไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยเป็นไปตามข้อสั่งการของอธิบดีกรมชลประทาน ให้ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุเพื่อติดตาม ตรวจสอบและกำชับบริษัทผู้รับจ้างและบริษัทที่ปรึกษาควบคุมงาน ให้คุมเข้มทุกขั้นตอนของมาตรฐานความปลอดภัย ป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำอีก

โดยทาง นายชยันต์ เมืองสง ผอ.สำนักพัฒนาแหล่งน้ำขนาดใหญ่ฯ เปิดเผยว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้เป็นไปตามที่อธิบดีกรมชลประทานสั่งการ ให้มาติดตามเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเสียใจอย่างสุดซึ้งกับการเสียชีวิตของนักธรณีวิทยาทั้ง 2 คน จากเหตุในครั้งนี้ รวมทั้งกำชับให้ผู้รับจ้างโครงการ เพิ่มเข้มงวดมาตรการความปลอดภัย เพื่อไม่ให้เกิดเหตุในลักษณะเดียวกันนี้ซ้ำอีก โดยจากการประชุมติดตามเกี่ยวกับเหตุที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ร่วมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

เบื้องต้นได้ข้อสรุปว่าเป็นเหตุสุดวิสัย เพราะการปฏิบัติงานและการก่อสร้างทุกอย่างเป็นไปตามรูปแบบ แต่ชั้นหินที่อยู่ข้างบนอุโมงค์ได้พังลงมาอย่างเหนือความคาดหมาย ซึ่งได้กำชับทางผู้รับจ้างและที่ปรึกษาควบคุมงานให้ดูแลอย่างเข้มงวดไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก ทั้งการอบรมผู้ปฏิบัติงาน ให้เคร่งครัดทำงานตามขั้นตอนความปลอดภัย โดยเฉพาะระหว่างการทำงานในอุโมงค์ ให้หมั่นสังเกตชั้นหินและสิ่งรอบตัวให้มาก

ขณะที่ในส่วนของเรื่องการเยียวยาวครอบครับผู้เสียชีวิต ที่เป็นพนักงานของบริษัทผู้รับจ้าง ได้มีการกำชับแล้วเช่นกันให้มีการช่วยเหลือเยียวยาอย่างเต็มที่และเต็มรูปแบบ ส่วนงานก่อสร้างตามโครงการนั้น ในช่วงนี้ต้องชะลอการก่อสร้างไว้ชั่วคราว เพื่อทำการสอบสวนเกี่ยวกับเหตุที่เกิดขึ้น ทั้งในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้ามาทำคดี เนื่องจากมีผู้เสียชีวิต และทางสำนักงานโยธาธิการและผังเมืองที่จะเข้าทำการตรวจสอบ ในวันพรุ่งนี้(4 มี.ค.60) ซึ่งหากทุกอย่างดำเนินการแล้วเสร็จ จึงจะสามารถกลับมาเริ่มทำงานก่อสร้างได้อีกครั้ง เชื่อว่าจะใช้เวลาไม่นานนัก โดยยอมรับว่าส่งผลกระทบทำให้งานล่าช้าไปบ้าง แต่เป็นเหตุสุดวิสัยและมีความจำเป็นต้องทำ

ด้าน รศ.ดร.นพดล เพียรเวช ผู้เชี่ยวชาญงานก่อสร้างอุโมงค์ กลุ่มบริษัทที่ปรึกษาควบคุมงานโครงการ กล่าวว่า การก่อสร้างตามโครงการนี้มีการเจาะสำรวจชั้นหิน เมื่อเห็นสภาพชั้นหินและทำการวิเคราะห์ ก็จะทำการติดตั้งระบบค้ำยันเสริมความมั่นคงแข็งแรงคงทนให้กับอุโมงค์ ซึ่งทางบริษัทจากประเทศออสเตรีย ได้ออกแบบไว้ครอบคลุมสภาพหินแต่ละประเภทไว้แล้ว และมีการสร้างระบบค้ำยันตามแบบตลอด แต่เหตุในครั้งนี้เป็นเรื่องสุดวิสัย ซึ่งจากนี้จะมีการเพิ่มมาตรการความปลอดภัยในการทำงานให้เข้มงวดยิ่งขึ้น ส่วนประเด็นเกี่ยวกับเรื่องรอยเลื่อนนั้น ไม่น่าจะเป็นสาเหตุ เพราะภูเขาทั่วทั้ง จ.เชียงใหม่และภาคเหนือ ล้วนเกิดจากรอยเลื่อนแผ่นดินทั้งหมด

ร่วมแสดงความคิดเห็น