5 สถาบันเหนือ เร่งขับเคลื่อน ดิจิทัลสู่สังคม

5 สถาบันภาคเหนือจับมือ ECTI ภาครัฐ และเอกชน ขับเคลื่อนวิจัยดิจิทัลสู่สังคม ในงาน ICDAMT2017 เพื่อสร้างโอกาสให้แก่นักวิจัย นักพัฒนา นักออกแบบ วิศวกร และนักเทคโนโลยี ได้แลกเปลี่ยนความคิด และพัฒนาอุตสาหกรรม Digital Arts, Digital Media และ Digital Technology หวังช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งและการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลของภูมิภาคและของประเทศไทย

เมื่อวันที่ผ่านมา ดร.พันธ์ศักดิ์ ศิริรัชตพงษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนา “งาน Smart City Forum & International Conference on Digital Art, Media and Technology โดยมี รศ.ดร.สัมพันธ์ สิงหราชวราพันธ์ รักษาการแทนอธิบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นผู้กล่าวต้อนรับ และ รศ.ดร. สมศักดิ์ ชุมช่วย สมาคมวิชาการไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ โทรคมนาคมและสารสนเทศกับกิจกรรมวิชาการ เป็นผู้กล่าวรายงาน ณ ห้องเชียงใหม่ 4-5 อาคารนานาชาติ โรงแรมดิเอมเพรส เชียงใหม่

โดย ดร.พันธ์ศักดิ์ ศิริรัชตพงษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยว่า ปัจจุบันการศึกษาของประเทศไทยมีการพัฒนาในหลายด้าน ซึ่งถ้าจะกล่าวถึงเฉพาะในด้านของเทคโนโลยี ดิจิทัล นวัตกรรม และสื่อมัลติมีเดีย ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นด้านที่มีความสำคัญและยังแสดงได้ถึงระดับการพัฒนาของประเทศ จึงเป็นเรื่องที่หลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคธุรกิจ แม้แต่ภาคการศึกษา ต้องกลับมาใส่ใจและเร่งพัฒนากันอยู่มากพอสมควร เพื่อให้ความรู้และประสิทธิภาพของประชาชนทันกับยุคสมัยที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สร้างทรัพยากรที่มีคุณภาพและสามารถรองรับอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยีดิจิทัลได้อย่างเต็มที่ในอนาคต ซึ่งสำหรับประเทศไทยเองยังคงขาดแคลนและต้องการทรัพยากรบุคคลที่มีประสิทธิภาพด้านนี้โดยเฉพาะ ในยุคของ Digital จึงเป็นยุคที่ต้องเร่งพัฒนาคนควบคู่กับการสร้างนวัตกรรม โดยจะจะต้องเร่งก้าวและพัฒนาไปพร้อมกันในหลายภาคส่วน เพื่อเตรียมความพร้อมให้เข้าสู่โลกสมัยใหม่ได้อย่างเต็มตัว และนำไปสู่การสร้างประเทศ องค์กร บ้านเมือง และบุคลากรไปสู่ความ Smart ในภาคของการผลิตและเศรษฐกิจเองผู้ประกอบการก็ต้องเร่งสปีดให้ตอบสนองต่อยุคผู้บริโภคในโลกดิจิทัล การเกิดขึ้นของ Startup ทั่วประเทศ ภาครัฐเองก็เร่งพัฒนาและสร้างนโยบายเพื่อตอบสนองยุคนี้อย่างเต็มที่เพื่อผลักดันให้ประชาชนสามารถหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลางและก้าวสู่การสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลที่มีศักยภาพ สร้างมูลค่าเพิ่ม เกิดความมั่นคง และพัฒนาไปจนกลายเป็น Smart City ที่พร้อมไปด้วยทรัพยากรประชาชนที่มีประสิทธิภาพ มีการศึกษา มีงานวิจัย มีงานวิชาการ ที่นำเครื่องมือเทคโนโลยีดิจิทัลไปใช้ในการพัฒนาอย่างสร้างสรรค์และถูกนำออกมาใช้ได้จริงในโลกอุตสาหกรรมเพื่อการพัฒนาประเทศในอนาคต ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวต่อว่า ซึ่งโครงการนี้เองเป็นเสมือนเวทีเล็กๆ ที่มีความต้องการจะช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยิ่งใหญ่ได้ โดยหวังจะเห็นการนำเสนอและสร้างผลงานวิจัยในด้านนี้จากนักศึกษา บุคลากรวิชาการ ที่เพิ่มมากและมีศักยภาพมากขึ้นทุกปี มีเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการระดับชาติที่กว้างขึ้น และสามารถพัฒนาให้ศักยภาพอุตสาหกรรมเทคโนโลยีดิจิทัลเข้มแข็งและเพิ่มขีดการแข่งขันในระดับประเทศมากขึ้น

ด้าน รองศาสตราจารย์ ดร.สมศักดิ์ ชุ่มช่วย สมาคมวิชาการไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ โทรคมนาคมและสารนเทศกับกิจกรรมวิชาการ กล่าวว่า งาน “Smart City Forum & International Conference on Digital Arts Media and Technology” หรือ ICDAMT 2017 จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 แล้ว และเกิดขึ้นจากความร่วมมือของคณะด้านดิจิทัล 5 สถาบันการศึกษาในพื้นที่ภาคเหนือ ร่วมกับ ECTI ซึ่งในครั้งนี้ วิทยาลัยศิลปะ สื่อ และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นำทีมเป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินงานและจัดงานครั้งนี้ขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับมหาวิทยาลัยในเครือข่าย โดยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานพันธมิตรหลัก ได้แก่ สถาบันวิชาชีพวิศวกรไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (IEEE), สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.), สำนักงานเศรษฐกิจดิจิทัล กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา, และ European Commission ภายใต้โครงการ H2020

รองศาสตราจารย์ ดร. สมศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการจัดการประชุมวิชาการระดับนานาชาติครั้งนี้ ผู้เข้าร่วมโครงการประกอบไปด้วยนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาของมหาวิทยาลัยในความร่วมมือ นักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาจากภายนอก อาจารย์และบุคลากรของมหาวิทยาลัยในความร่วมมือ และผู้ที่มีความสนใจทั่วไปในหัวข้อที่มีความเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรม Digital Arts, Digital Media และ Digital Technology โดยในครั้งนี้ มีผู้ส่งบทความทางวิชาการเข้าร่วมกว่า 120 บทความ จาก 10 ประเทศ โดยแบ่ง 7 หัวข้อหลัก ซึ่งจัดงานในครั้งนี้มีความคาดหวังให้เป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้ผู้มีความสามารถ มีความรู้ มีนวัตกรรม มีแหล่งนำเสนอผลงานวิจัย เกิดกิจกรรมทางวิชาการ เกิดประโยชน์ต่อวงการวิชาการในเรื่องของการแบ่งปัน แลกเปลี่ยน เรียนรู้ประสบการณ์ นำไปสู่การทำวิจัยร่วมกันระหว่างสถาบันการศึกษาและด้านที่เกี่ยวข้องทั้งในประเทศและต่างประเทศ เกิดความร่วมมือด้านงานวิชาการระดับนานาชาติ สร้างเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการกับกลุ่มสถาบัน องค์กร หน่วยงานอุตสาหกรรมภายนอกทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ร่วมแสดงความคิดเห็น