กรมการพัฒนาชุมชน สานพลังประชารัฐพัฒนาภาคเหนืออย่างยั่งยืน


จากนโยบายของพลเอกประยุทธ์ จันโอชา นายกรัฐมนตรี ที่มุ่งมั่น
ในการเดินหน้าขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ภายใต้การสานพลังประชารัฐเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ด้วยการมุ่งเน้นการ
ทำงานแบบบูรณาการให้เกิดการเชื่อมโยงจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน
กระทรวงมหาดไทยภายใต้การนำของพลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในฐานะหัวหน้าทีมภาครัฐคณะทำงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ ได้ดำเนินเปิดตัวบริษัท
ประชารัฐรักสามัคคี (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งดำเนินงานภายใต้แนวคิด Social Enterprise (SE) บริหารัดการตามหลักธรรมภิบาล ที่เป็นบริษัทส่วนกลางสนับสนุนเชื่อมประสานในระดับประเทศและมีบริษัท ประชารัฐรักสามัคคีจังหวัด (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด จำนวน 76 แห่ง ทำหน้าที่ค้นหาชุมชนที่มีศักยภาพและมีความพร้อมที่จะเข้าร่วมดำเนินการบริหารจัดการบริษัท ด้วยการเน้น 3 กลุ่ม อันได้แก่ การเกษตร การแปรรูป (SME/OTOP) และการท่องเที่ยวโดยชุมชน
นายอภิชาติ โตดิลกเวชช์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ในฐานะเลขานุการคณะทำงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ พร้อมด้วย นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) หัวหน้าทีมภาคเอกชนคณะทำงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ และนายทวีป บุตรโพธิ์ รองอธิบดีกรมการพัฒนาพัฒนาชุมชน ได้ร่วมประชุมหารือและรับฟังการนำเสนอแผนการดำเนินงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐในเขตภาคเหนือ ประกอบด้วย พื้นที่เขต 15 จังหวัดเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง ลำพูน พื้นที่เขต 16 จังหวัดเชียงราย
น่าน พะเยา แพร่ พื้นที่เขต 17 จังหวัดตาก พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย อุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นเวทีสำหรับการระดมความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและเป็นเวทีสำหรับการสรุปผลกรดำเนินงานอย่างรูปธรรม
ยกตัวอย่างเช่นผลการปฏิบัติงานในรอบปีที่ผ่านมาในพื้นที่จังหัดเชียงใหม่ ได้มีการเสนอความสำเร็จของการขับเคลื่อนงานของบริษัท ประชารัฐสามัคคีเชียงใหม่ (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด ที่ดำเนินการสนับสนุนผลผลิตกาแฟเทพเสด็จ “วิสาหกิจชุมชนกาแฟสดแม่ตอน” อำเภอดอยสะเก็ด และสนับสนุนให้เข้ารับการอบรมกับบริษัท CP Retailink มีการนำเมล็ดกาแฟของกลุ่มเข้าร่วมทดสอบคั่วกาแฟโดยเครื่องมือที่ทันสมัย ทำให้ทราบที่มาของกาแฟและคุณลักษณะเด่นของกาแฟที่นำไปเป็นข้อมูลในการพัฒนาการสร้างตราผลิตภัณฑ์ (Brand)เทพเสด็จ จนทำให้มียอดขายจำนวน 1 ตัน ซึ่งมีมูลค่ามากกว่า 145,000 บาท ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่มีรายได้เลี้ยงชีพตนเอง และสร้างให้เกิดระบบเศรษฐกิจชุมชนที่มีการขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง
นี่จึงเป็นบทพิสูจน์เพียงส่วนหนึ่งที่กรมการพัฒนาชุมชนและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก คือ “สร้างรายได้ให้ชุมชน ประชาชนมีความสุข”

ร่วมแสดงความคิดเห็น