ไฟป่าโหมรุนแรง พื้นที่ไหม้ซ้ำซาก จี้เพิ่มลาดตระเวน

ไฟป่ามาทุกวัน………..ภาพของไฟป่าที่ลุกลามไหม้ริมถนนทางหลวงหมายเลข 108 บริเวณลำห้วยแม่สะกึด ต.ผาบ่อง อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน เป็นบริเวณกว้างกว่า 1 ไร่ ซึ่งหน่วยปฏิบัติการพิเศษเหยี่ยวไฟ กรมป่าไม้ ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่เข้าควบคุมสถานการณ์อย่างเร่งด่วน เผยมีไฟป่าเกิดขึ้นทุกวันในระยะนี้

“ปวิณ” สั่งปรับแผนรับมือไฟป่าหมอกควัน จี้อำเภอไหม้ซ้ำซากเพิ่มการลาดตระเวน พร้อมจัดกำลังทหารกว่า 100 นายสนธิกำลังลงพื้นที่ร่วมลาดตระเวน สั่งแล้ว “ต้องไม่มีเส้นแบ่งอำเภอ” ให้ทุกพื้นที่บูรณาการร่วมกันดับไฟ วอนประชาชนร่วมกันสร้างความชุ่มชื้นบริเวณบ้านเชื่อจะช่วยดักจับฝุ่นได้ พบพื้นที่แม่แตงมีขู่เจ้าหน้าที่วอร์รูมสั่งให้อำเภอทำความเข้าใจแล้ว เผยหลายอำเภอกำลังพลและเสบียงมีไม่พอ เปิดรับบริจาคช่วยสนับสนุนเสือไฟบริจาคได้ทั้งที่จังหวัดและทุกอำเภอ อุตุฯ เตือนแล้ว ช่วงเดือนเมษายนสถานการณ์หมอกควันไฟป่ามีโอกาสทวีความรุนแรงขึ้นอีก ส่วนสถานการณ์ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ไฟป่ายังคงเกิดอย่างต่อเนื่องทุกวัน สาเหตุมาจากการลอบเผาป่าของราษฎรแต่ละพื้นที่

วันที่ 7 มี.ค.60 นายปวิณ ชำนิประศาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ลงพื้นที่ติดตามปัญหาหมอกควันและไฟป่า ในพื้นที่ อ.แม่ออน และ อ.ดอยสะเก็ด เพื่อรับทราบปัญหาการปฏิบัติงานของศูนย์อำนวยการสั่งการแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าระดับอำเภอ จากการวิเคราะห์สถานการณ์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่า พื้นที่โซนกลางและโซนใต้ของจังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่ อ.แม่ออน ดอยสะเก็ด ดอยเต่า ฮอด และ อ.จอมทอง ซึ่งมีการตรวจพบจุด Hotspot บ่อยขึ้น และเกิดซ้ำในพื้นที่เดิมหรือใกล้เคียง จากลักษณะภูมิประเทศล้อมรอบด้วยป่าไม้ ภูเขา คิดเป็นร้อยละ 82.94 ของพื้นที่ทั้งหมด จังหวัดจึงมีการปรับแผนการดำเนินงานไปตามสถานการณ์ตลอดเวลา โดยให้หน่วยลาดตระเวน เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น เน้นการป้องกันและสร้างความเข้าใจแก่คนในพื้นที่เป็นหลัก ในช่วง 60 วันห้ามเผา

นายปวิณฯ กล่าวว่า หากเกิดไฟป่าขึ้นในพื้นที่อำเภอใดขอให้หน่วยงานในพื้นที่บูรณาการเข้าดับไฟโดยเร็ว รวมทั้งให้อำเภอใกล้เคียงสนธิกำลังเข้าไปช่วยดับด้วย ทั้งนี้จะต้องไม่มีเส้นแบ่งอำเภอ โดยให้ถือเป็นภารกิจร่วมกันของจังหวัดเชียงใหม่ที่จะต้องประสานงานช่วยเหลือกันอย่างเต็มที่ ยึดเป้าหมายเดียวกันในการลดพื้นที่เผาไหม้ในช่วงประกาศ 60 ห้ามเผา ควบคุมคุณภาพอากาศ ค่า PM10 ไม่ให้เกิดค่ามาตรฐาน และไม่กระทบต่อการขึ้นลงของเครื่องบิน เนื่องจากจังหวัดเชียงใหม่เป็นเมืองท่องเที่ยว และมีรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นรายได้หลัก แม้ขณะนี้ค่า PM10 ของจังหวัดเชียงใหม่ จากสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศทั้ง 4 สถานี ยังไม่เกินค่ามาตรฐาน แต่เป็นห่วงว่าทิศทางของลมที่พัดเขามาจะนำหมอกควันจากพื้นที่ใกล้เคียงเข้ามาทำให้เกิดปัญหาในจังหวัดเชียงใหม่ได้เช่นกัน ทั้งนี้จังหวัดเชียงใหม่ได้มีหนังสือขอความร่วมมืออำเภอ องค์กรปกครองท้องถิ่น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ที่มีโครงการก่อสร้าง ขอให้ผู้ประกอบการได้มีการสเปรย์น้ำลดฝุ่นละออง รวมถึงการฉีดพ่นน้ำตามถนนหนทาง ที่เป็นสาเหตุของการเกิดฝุ่น รวมถึงประชาชน หรือ ท้องถิ่นใดที่ต้องใช้น้ำรดต้นไม้อยู่แล้ว ให้ปรับมาเป็นการสเปรย์น้ำ ให้เกิดละอองฝอย เพื่อเพิ่มความชุมชื้นในอากาศและดักจับฝุ่นละอองอีกทางหนึ่ง

“อยากจะฝากให้พี่น้องชาวจังหวัดเชียงใหม่ทุกคนช่วยกันรณรงค์ป้องกันแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่า เพราะไม้ขีดก้านเดียว ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมากมาย ทั้งส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน คนในครอบครัว การป้องกันและแก้ไขปัญหาคนเชียงใหม่จะต้องร่วมมือกันอย่างจริงจัง ขณะนี้จังหวัดเชียงใหม่มีทีมดับไฟทุกอำเภอก็จริง แต่ยังขาดอุปกรณ์ดับไฟ อาหาร เครื่องดื่ม และสิ่งจำเป็นอื่นๆ ที่เข้าไปดับในพื้นที่ป่าเขาสูงชัน จึงอยากจะขอเชิญชวนชาวเชียงใหม่ที่มีจิตศรัทธาจะสนับสนุนเป็นเงิน หรือสิ่งของในการช่วยเหลือทีมงานดับไฟป่า เพื่อเป็นกำลังใจให้กับคนทำงาน สามารถแจ้งเข้ามาได้ตลอด ทั้งในระดับจังหวัดและอำเภอ เพื่อแก้ไขปัญหาของจังหวัดเชียงใหม่ร่วมกัน” นายปวิณฯ กล่าว

ด้าน นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ รอง ผวจ.เชียงใหม่ กล่าวว่า ในการประชุมคณะทำงานศูนย์อำนวยการสั่งการแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 6 มี.ค.60 ที่ผ่านมา วอร์รูมไฟป่าเชียงใหม่ได้รวบรวมและสรุปปัญหาพร้อมมีข้อเสนอแนะในระดับอำเภอ ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านพบว่า สาเหตุของการเผาในพื้นที่มาจากราษฎรบางคนขาดจิตสำนึก มีการเผาเพื่อเก็บหาของป่า ปฏิบัติการดับไฟในภูเขาสูงชันไม่สามารถเข้าไปได้ และในบริเวณใกล้เคียงหมู่บ้านเป็นไปด้วยความยากลำบาก ไฟป่าที่เกิดบริเวณรอยต่อไม่ทราบแนวเขตที่ชัดเจน ขณะที่อำเภอก็มีกำลังคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปดับไฟ ขาดอุปกรณ์ดับเพลิง อุปกรณ์ปฐมพยาบาล ยานพาหนะ จึงมีการใช้กำลังจากกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และอาสาสมัครเข้ามาเสริม ซึ่งต้องใช้พาหนะส่วนตัวเข้าไปดับไฟ พร้อมกันนี้ได้มีการขอสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนเรื่องอาหาร น้ำดื่ม สำหรับชุดลาดตระเวน โดยศูนย์สั่งการได้ขอให้เพิ่มการลาดตระเวนในเขตอุทยานและป่าสงวนแห่งชาติ รวมทั้งได้มีการร้องขอหน่วยทหารเข้าไปช่วยลาดตระเวน เพื่อสร้างผลทางจิตวิทยาด้วยอีกทาง

“ในพื้นที่อำเภอแม่แตง มีกรณีที่ชาวบ้านที่ไม่เข้าใจการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ มีการข่มขู่เกิดขึ้น แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ตอบโต้ จึงให้ตัวแทนอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ไปพบกับนายอำเภอแม่แตง เพื่อเข้าไปชี้แจงและทำความเข้าใจกับชาวบ้าน ซึ่งถือเป็นปัญหาอุปสรรคอย่างหนึ่งในการทำงานของชุดปฏิบัติการดับไฟป่า” รอง ผวจ.เชียงใหม่ กล่าว

ทั้งนี้ทางมณฑลทหารบกที่ 33 ได้สนับสนุนกำลังพลเพื่อลาดตระเวนและตรวจเฝ้าระวังไฟป่า ในห้วงเฝ้าระวัง 60 วันห้ามเผา โดยมีพื้นที่เป้าหมาย 15 อำเภอ 15 ชุดปฏิบัติการโดย ประกอบกำลังจาก มทบ.33 จำนวน 40 นาย ป.พัน 7 จำนวน 20 นาย กองพันพัฒนาที่ 3 จำนวน 20 นาย และกองพันสัตว์ต่าง 20 นาย รวมกำลังทหาร 100 นาย เบื้องต้นได้จัดส่งชุดปฏิบัติการสนับสนุนในพื้นที่เสี่ยง 9 อำเภอแล้ว ได้แก่ อ.อมก๋อย แม่แจ่ม กัลยาณิวัฒนา สะเมิง แม่ออน ดอยสะเก็ด แม่แตง และ อ.เมืองเชียงใหม่ จำนวน 9 ชุดปฏิบัติการ ส่วนที่เหลือยังเตรียมความพร้อม ณ ที่ตั้งหน่วย ขณะเดียวกันจังหวัดเชียงใหม่ได้มีคำสั่งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสั่งใช้กำลังอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน หรือ อปพร. โดยให้ประสานประกอบกำลังร่วมกับศูนย์สั่งการฯ ระดับอำเภอทุกอำเภออีกทางด้วยด้าน นายเมธี มหายศนันท์ ผู้อำนวยการศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ช่วงนี้จังหวัดเชียงใหม่ยังมองเห็นท้องฟ้าโปร่ง แต่วันที่ 11 มี.ค.เป็นต้นไปจะมีการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศเข้าสู่ฤดูร้อน ลมตะวันตกเฉียงเหนือจะมีกำลังแรงขึ้น เนื่องจากความกดอากาศสูงที่อ่อนตัวลง ตอนเช้าจะมีอากาศเย็น ส่วนกลางวันอากาศจะร้อนมาก คาดว่าในเดือนมีนาคมโอกาสจะมีฝนเข้ามามีน้อยมาก ถ้ามีก็ไม่น่าจะถึง 10 มิลลิเมตร ส่วนใหญ่จะตกทางตอนใต้ของภาคเหนือและเข้ามาไม่ถึงเชียงใหม่

“ที่เป็นห่วงก็คือ ช่วงกลางเดือนเมษายน ต้องเฝ้าระวังปรากฏการณ์เอลนีโญ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดภาวะความแห้งแล้ง หรือลมแห้งที่จะพัดเข้ามา มีโอกาสที่อากาศจะร้อนมาก ซึ่งจะส่งผลให้ไฟป่าที่เกิดลุกลามอย่างรวดเร็วได้ อากาศที่เบาจะลอยตัวขึ้นไม่ไปไหน วนอยู่ในตัวเมืองเชียงใหม่ เพราะถูกดักด้วยชั้นของความกดอากาศ และติดเขา ฝุ่นควันจากพื้นที่อื่นก็อาจจะลอยมาในพื้นที่แอ่งเชียงใหม่และลำพูนได้เพิ่มมากขึ้น ปัญหาหมอกควันของเชียงใหม่ก็อาจจะทวีความรุนแรงได้ในช่วงกลางเดือนเมษายน” ผอ.ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ กล่าว

ส่วนสถานการณ์ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ไฟป่ายังคงเกิดอย่างต่อเนื่องทุกวัน สาเหตุมาจากการลอบเผาป่าของราษฎรแต่ละพื้นที่ หน่วยงานรัฐร่วมกับราษฎรในพื้นที่ต้องทำงานอย่างหนักในการเข้าไปดับไฟป่าตลอดทั้งวัน แสดงให้เห็นถึงการใช้มาตรการประชาสัมพันธ์ของภาครัฐส่อล้มเหลว ส่งผลให้ค่าฝุ่นละอองพิษพุ่งเกือบเกินมาตรฐาน

เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2560 นายอภิรัฐ นพกุล หัวหน้าชุดหน่วยปฏิบัติการพิเศษเหยี่ยวไฟ กรมป่าไม้ เปิดเผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา เวลา 21.00 น. หน่วย ฯ ได้จัดส่งกำลังพล เข้าร่วมกับเครือข่ายราษฎรบ้านแม่สะกึด และ บ้านหัวน้ำแม่สะกึด ต.ผาบ่อง เข้าดับไฟป่า ข้างทางหลวงหมายเลข 108 บริเวณลำห้วยแม่สะกึด พบเป็นการลอบเผา โดยไฟป่าได้ลุกลามไหม้ป่าไปประมาณ 1 ไร่ ขณะที่หน่วยดับไฟป่าของศูนย์ควบคุมป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันไฟป่า อ.เมือง, อ.ปาย, อ.ปางมะผ้า, อ.ขุนยวม, อ.แม่ลาน้อย, อ.แม่สะเรียง และ อ.สบเมย ต่างส่งกำลังออกไปดับไฟป่าในพื้นที่ของตัวเอง และมีมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ที่ไม่สามารถเข้าไปดับไฟป่าได้เนื่องจากเป็นเทือกเขาสูงชัน

สถานการณ์ไฟป่าที่ทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ สาเหตุมาจากราษฎรในพื้นที่ ไม่เชื่อฟังคำสั่งของเจ้าหน้าที่รัฐที่ มีการประกาศโดย ผู้ว่าราชการจังหวัดเรื่องห้ามเผาป่าเด็ดขาดในห้วง 61 วันอันตรายตั้งแต่ 1 มีนาคม ไปจนถึง 30 เมษายน 2560 ทั้งที่ได้มีการประกาศบทลงโทษตามกฎหมายอย่างรุนแรงแล้วก็ตาม ส่งผลให้หน่วยงานที่รับผิดชอบต่อการแก้ไขปัญหาไฟป่า และ ราษฎรแต่ละพื้นที่ ต้องทำงานดับไฟป่า ตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน

กรมควบคุมมลพิษ ได้เผยแพร่ ผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศเช้าวันนี้ของ ต.จองคำ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน วัดค่าปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน ได้สูงถึง 111 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และดัชนีคุณภาพอากาศ 94 ซึ่งเป็นค่าใกล้เกินค่ามาตรฐานแล้ว ส่วนค่าฝุ่นละอองที่สูงที่สุดในรอบวัน ของวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา ห้วงเวลา 09.00-11.00 น. ค่าปริมาณฝุ่นละอองในอากาศวัดได้สูงถึง 215 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งอยู่ในระดับส่งผลกระทบต่อสุขภาพต่อประชาชน ทั้งนี้ ค่าจุดสูงสุดจะอยู่ในห้วงเวลากลางวัน และจะมีค่าลดลงในช่วงบ่าย เนื่องจากมีลมฤดูร้อนพัดเข้ามาในพื้นที่ จากนั้นในห้วงหัวค่ำไปจนถึงรุ่งเช้า ควันไฟป่าที่ลอยสะสมในอากาศ จะถูกความกดอากาศ จากมวลอากาศเย็นกดให้ลอยต่ำลงมาปกคลุมตัวเมืองแม่ฮ่องสอน จนหนาทึบและส่งผลกระทบต่อทัศนวิสัยในการมองเห็นทางอากาศ และกระทบต่อการบินของอากาศยานทั่วไป และส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ทำให้มีผู้ป่วยสะสมแล้ว กว่า 2 หมื่นราย

ร่วมแสดงความคิดเห็น