ทัวร์ไทยเดือด เปิดศึกชิงลูกค้า เล็งกลุ่มสูงวัย

บริษัททัวร์ปรับตัวหนีสงครามราคา หลังหลายบริษัทเปิดศึกแข่งเดือด เปลี่ยนแผนหันมาโฟกัสกลุ่มผู้สูงวัย เฟ้นบริการตอบโจทย์อายุ 50-70 ปี คัดไกด์ผ่านการอบรมปฐมพยาบาลเบื้องต้น จำกัดความเร็วของรถ

นายโชติช่วง ศูรางกูร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท หนุ่มสาวทัวร์ จำกัด กล่าวว่า จากสถานการณ์ธุรกิจนำเที่ยวในปัจจุบันที่มีขนาดตลาดหดตัวลงต่อเนื่อง เพราะพฤติกรรมนักเดินทางเปลี่ยนไปเดินทางเที่ยวเอง (FIT) มากขึ้น ประกอบกับธุรกิจทัวร์ที่มีอยู่หันมาใช้กลยุทธ์ตัดราคากันเอง หรือที่รู้จักกันในชื่อว่าการขายโปรไฟไหม้ นำที่นั่งที่เหลือจากการขายมาปล่อยจำหน่ายในราคาต่ำกว่าทุนหรือเท่าทุน ส่งผลให้ผู้บริโภคเกิดพฤติกรรมเรียนรู้แนวทางการขายดังกล่าว และรอซื้อแต่แพ็คเกจราคาต่ำ ทำให้ยอดขายราคาปกติชะลอตัวเพราะคนรีรอตัดสินใจดังนั้น บริษัทเริ่มปรับกลยุทธ์ด้วยการหันมาจับตลาดความสนใจเฉพาะ (นิชมาร์เก็ต) แทนการทำตลาดทั่วไปอย่างเดียว โดยใช้วิธีการทำตลาดแบบเซกเมนต์เจาะกลุ่มผู้สูงอายุตั้งแต่ 50-70 ปี เตอบสนองสังคมผู้สูงอายุที่เติบโตขึ้นทั่วโลก และมีแนวโน้มจะขยายตัวขึ้นตามเทคโนโลยีที่มีวิวัฒนาการช่วยให้คนรักษาสุขภาพและมีอายุขัยเฉลี่ยยาวนานมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมายังไม่มีบริษัทนำเที่ยว ที่วางแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองกลุ่มนี้โดยตรง

ด้วยช่องว่างการตลาดดังกล่าว จึงวางกลยุทธ์เชิงรุกในการแนะนำทัวร์ให้ลูกค้ากลุ่มนี้ภายใต้โครงการ “เที่ยวไว้ให้ ใจหนุ่มสาว” นำจุดแข็งด้านการมีฐานลูกค้าหลักที่มีอายุเฉลี่ยราว 40 ปีที่จงรักภักดีตั้งแต่ก่อตั้งธุรกิจ เดินทางร่วมกับบริษัทตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น มานำเสนอแพ็คเกจทัวร์ เพื่อเปิดโอกาสให้คนสูงอายุที่ยังมีความต้องการเดินทาง หรือ มีใจเป็นหนุ่มสาว ได้ท่องเที่ยวและได้รับบริการที่เหมาะสมกับช่วงวัย วางแผนร่วมมือพันธมิตรที่มีฐานลูกค้าขนาดใหญ่ เช่น บัตรเครดิต, บริษัทเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ในการร่วมส่งเสริมการขายและจัดกิจกรรมนำร่อง เนื่องจากโครงการนี้ แม้กลุ่มเป้าหมายจะเป็นสูงวัย แต่การสื่อสารจะเน้นไปที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เป็นบุตรหลานมากกว่า เพื่อให้ไว้ใจตัดสินใจซื้อแพ็คเกจทัวร์ให้พ่อ-แม่ ออกไปเที่ยว ภายใต้การดูแลที่จัดขึ้นเป็นพิเศษ

โดยเตรียมนำจุดแข็งของแบรนด์ที่สร้างความเชื่อถือมานาน มาพัฒนาบริการนำเที่ยวเจาะกลุ่มสูงอายุโดยเฉพาะ หลังจากที่ทำโฟกัสกรุ๊ปวิจัยความต้องการทีแท้จริง จึงนำมาซึ่งข้อสรุปในการออกแบบทัวร์ที่เหมาะสมในทุกองค์ประกอบ เช่น การบริการอาหารและที่พักที่เหมาะกับวัย, จัดชมแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่ต้องขึ้นบันไดหลายชั้น หรือต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกเข้าถึงง่าย, จำกัดความเร็วของรถ, จัดมัคคุเทศก์ที่ผ่านการอบรมการปฐมพยาบาลเบื้องต้น และมีใบรับรองจากหน่วยงานบริการพิเศษต่างๆ โปรแกรมทัวร์เน้นให้พักผ่อนแต่หัวค่ำ และตื่นเช้าตามช่วงวัยของผู้สูงอายุ เป็นต้น

สำหรับไตรมาส 2 และ 3 ของปีนี้ จะนำร่องขายแพ็คเกจทัวร์ 10 เส้นทางในประเทศทั่วทุกภาค เช่น ทัวร์ไหว้พระธาตุที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, เที่ยวทะเลกระบี่, เที่ยวในวิถีสโลว์ไลฟ์จ.น่าน, เที่ยวชมธรรมชาติดอยตุง, เที่ยวพักผ่อนสูดโอโซนที่วังน้ำเขียว เป็นต้น โดยคาดว่าจะได้รับการตอบรับจากผู้สูงอายุที่เป็นฐานลูกค้าเก่า รวมถึงคนรุ่นใหม่ที่อาจจะต้องการตอบแทนพ่อ-แม่ด้วยการท่องเที่ยว แบบไม่ต้องรอข้อจำกัดของเวลาว่างช่วงวันหยุดของลูกหลานเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

“สังคมการทำงานของคนปัจจุบันมีการแข่งขันสูง เวลาว่างสำหรับครอบครัวอาจจะลดน้อยลง ทำให้ขาดการดูแลผู้สูงอายุ ดังนั้นจึงต้องการให้บริการนี้ช่วยดูแลคนกลุ่มนี้ที่มีความสำคัญในครอบครัว ให้มีโอกาสท่องเที่ยว ลดความโดดเดี่ยวจากสังคมที่มีแนวโน้มบุตรหลานแยกตัวเป็นครอบครัวเดี่ยวมากขึ้น”

นายโชติช่วง กล่าวว่า เนื่องจากเป็นการเริ่มเปิดตัวโดยเจาะกลุ่มความสนใจเฉพาะ ดังนั้นในระยะปีแรกจึงคาดหวังการเติบโตราว 10% เท่านั้น แต่เชื่อว่าในระยะยาวจะทยอยสร้างฐานตลาดนี้ให้เติบโตขึ้น เพราะคนสูงอายุยังเป็นกลุ่มลูกค้าที่ยังเหนียวแน่นกับการใช้บริการทัวร์ พร้อมจับจ่ายเพื่อความสะดวกสบาย ไม่ต้องยุ่งยากในการบริหารจัดการ นอกจากนั้น ยังเป็นการทำตลาดที่ไม่ต้องลงไปแข่งขันด้านราคาเหมือนทัวร์ทั่วไป ซึ่งโครงสร้างราคามีแต่ต่ำลง และส่งผลให้หลายบริษัทเริ่มขาดทุนแล้ว

“ปัจจุบันมีกลุ่มบริษัททัวร์หลายร้อยรายเข้าร่วมเสนอขายโปรไฟไหม้ แต่ก็มีหลายแห่งต้องเริ่มถอนตัวออกมาแล้ว เพราะปรากฎว่าเมื่อเริ่มขายถูกกว่าต้นทุน ก็ต้องขายแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ เพราะลูกค้าจะเคยชินกับราคาต่ำที่เคยซื้อมาได้ ดังนั้น บริษัทที่ไม่ต้องการทำขาดทุน ก็ต้องเร่งหากลยุทธ์และเซกเมนต์ที่มีกำลังซื้อเพื่อทำให้ธุรกิจอยู่รอดต่อไป”

ร่วมแสดงความคิดเห็น