ความสัมพันธ์ไทย-จีน มิตรภาพ แนบแน่น ยืนยาว


ในปี พ.ศ.2560 นี้ ในวาระโอกาสครบรอบ 25 ปี แห่งการสร้างความสัมพันธ์คู่เจรจา จีน-อาเซียน ราชอาณาจักรไทย กับสาธารณรัฐประชาชนจีน ไทยได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2518 ความสัมพันธ์ไทย-จีน ดำเนินมาอย่างราบรื่นบนพื้นฐานของความเสมอภาค เคารพซึ่งกันและกัน ไม่แทรกแซงกิจการภายในซึ่งกันและกัน และอยู่ภายใต้หลักการของผลประโยชน์ร่วมกัน เพื่อดำรงไว้ซึ่งความมั่นคง สันติภาพ และเสถียรภาพของภูมิภาค และมีความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด

ความสัมพันธ์ไทย-จีน
จ.เชียงใหม่ มีประวัติศาสตร์ยาวนานมาถึง 720 ปี มีศิลปวัฒนธรรมล้านนาอันเป็นเอกลักษณ์ มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย เป็นศูนย์กลางการพัฒนาของภาคเหนือ ซึ่งมีศักยภาพทางเศรษฐกิจทั้งทางด้านการเกษตร การค้า การลงทุน การเงิน การธนาคาร การแพทย์และการศึกษา มีความพร้อมในด้านที่พัก สถานที่ที่จัดประชุม และเดินการทางอันสะดวกสบายที่จะรองรับผู้มาเยือน ทำให้เชียงใหม่ได้รับการคัดเลือกเป็นเมืองที่น่าไปเยือนในลำดับต้นๆ ของเอเชียและของโลกมาโดยตลอด

โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่เข้ามาเยือน จ.เชียงใหม่ เป็นจำนวนมาก ปัจจุบันเชียงใหม่ที่เคยหลับใหลไปในบางขณะกลับครึกครื้นมีชีวิตชีวา เมื่อมีชาวจีนจำนวนกว่าหนึ่งล้านคนเข้ามาเยือน นอกจากนั้น ในปี 2559 สถานกงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำเชียงใหม่ ได้มีโอกาสต้อนรับคณะระดับรองรัฐมนตรีขึ้นไปกว่า 10 ครั้ง และคณะบุคคลสำคัญอื่นๆอีกกว่า 30 ครั้ง โดยได้ช่วยสนับสนุนส่งเสริมการค้าและการท่องเที่ยว จ.เชียงใหม่

จากสถิติพบว่าในปี พ.ศ. 2559 มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาเชียงใหม่ จำนวน 1,200,000 คน ซึ่งมากเป็นหนึ่งในสามของจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทั้งหมด ปัจจุบันเชียงใหม่และจีน (รวมถึงฮ่องกง มาเก๊า และไต้หวัน) ได้เปิดสายการบินตรงต่อกันมากถึง 12 สาย ดังนั้น ในทุกๆ วัน จะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาทางท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ กว่า 4,000 คน เชียงใหม่ได้รับเลือกจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ให้เป็นเมืองที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยวจีน การหลั่งไหลเข้ามาของนักท่องเที่ยวจีน ทำให้มีการพัฒนาเศรษฐกิจในเขตภาคเหนือของไทยขึ้นเป็นอย่างมาก

 


สถานกงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำเชียงใหม่ ได้ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาความสัมพันธ์กับเชียงใหม่และหน่วยงานในเขตจังหวัดภาคเหนือของไทย โดยในปี 2559 ได้เชิญคณะผู้แทนจากตำรวจภูธรภาค 5 กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 5 และสำนักประชาสัมพันธ์เขต 3 พร้อมสื่อมวลชนเดินทางไปเยือนประเทศจีน เพื่อเพิ่มช่องทางในการติดต่อประสานงานให้กับองค์กรต่างๆของจีนและไทย และหลังจากนายเหริน ยี่เซิง ได้เข้าดำรงตำแหน่งกงสุลใหญ่ ณ จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อเดือนตุลาคม 2559 ก็ได้เข้าเยี่ยมคาราวะ ผวจ.เชียงใหม่ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ผบ.มทบ.33 ผบช.ภ.5 ผบก.ตรวจคนเข้าเมือง 5

รวมทั้งได้เดินทางไปเยือนจังหวัดที่อยู่ในความดูแลครบทั้ง 12 จังหวัด คือ ตาก เชียงราย ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน พะเยา แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก และสุโขทัย เพื่อพบปะพูดคุยเกี่ยวกับความร่วมมือด้านต่างๆ และกงสุลใหญ่ฯ ยังได้เป็นตัวแทนชาวจีนเข้าร่วมกิจกรรมไว้อาลัยต่อการเสด็จสวรรคตของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทางองค์กรภาครัฐได้จัดขึ้น เพื่อแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ภายใต้ความพยายามของสถานกงสุลใหญ่ฯ และการสนับสนุนขององค์กรต่างๆใน จ.เชียงใหม่ ทำให้กงสุลใหญ่ฯ มีเพื่อนเพิ่มขึ้นอย่างกว้างขวางและได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีเยี่ยม

การคุ้มครองและช่วยเหลือด้านกงสุลและกิจกรรมชาวจีนโพ้นทะเล
เมื่อมีประชากรชาวจีนเพิ่มมากขึ้นใน จ.เชียงใหม่ ทำให้ปริมาณงานของสถานกงสุลใหญ่ แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำเชียงใหม่เพิ่มมากขึ้น โดยในปี 2559 ได้ทำวีซ่าให้กับทั้งชาวไทย-ชาวต่างชาติในประเทศไทยมากกว่า 16,000 คน จัดการคุ้มครองและช่วยเหลือด้านกงสุล 600 กรณี แต่สถานกงสุลใหญ่ฯ ก็จะยืนหยัดหลักการถือคนเป็นหลักและการทูตเพื่อประชาชน ร่วมมือกับตำรวจ สำนักตรวจคนเข้าเมือง สนามบินและองค์กรต่างๆ เพื่อปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ของชาวจีนในประเทศไทย ภายใต้กฎหมายไทย สถานกงสุลใหญ่ฯ ได้ทำการประกาศเตือนเรื่องความปลอดภัยผ่านทางเว็บไซต์ แจกคู่มือเพื่อเพิ่มความตระหนักในด้านความปลอดภัยมากขึ้น

อีกทั้งในปี 2559 ได้เชิญผู้รู้ด้านภาษาจีนและภาษาไทยจำนวน 16 คน จากภาคเหนือของไทยมาเป็นผู้ประสานงาน เพื่อบริการให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีนได้อย่างทันเวลา ครอบคลุมและรอบคอบ พร้อมที่จะให้การสนับสนุนและความช่วยเหลือชาวจีนโพ้นทะเลในเขตจังหวัดภาคเหนือของไทย ซึ่งมีกว่าสองล้านคน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐอีกจำนวนไม่น้อยที่มีเชื้อสายจีน

นับตั้งแต่ นายเหริน ยี่เซิง ได้เข้ามาดำรงตำแหน่งกงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำเชียงใหม่ เมื่อเดือนตุลาคม 2559 ก็ได้ไปเยี่ยมเยือนและร่วมงานต่างๆของสมาคมชาวจีน อีกทั้งได้สร้างมิตรภาพอันลึกซึ้งกับหัวหน้าสมาคมและคณะอย่างทั่วถึง ในเวลาที่ได้ออกไปทำงานต่างจังหวัดเพื่อชาวจีน ก็เปรียบเสมือนได้นำความห่วงใยและการทักทายจากคนในบ้านเกิดเมืองนอนไปส่งมอบให้

ครั้นเมื่อเชียงใหม่ เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวในเดือนธันวาคม แม้จะไม่หนาวถึงกับมีหิมะตกเหมือนทางภาคเหนือของจีน แต่ในเวลากลางคืนและเช้าตรู่อากาศจะหนาวเย็นมาก กงสุลใหญ่ฯ มีความห่วงใยชาวจีนที่อยู่บนยอดดอยสูง รวมทั้งประชา ชนที่ขาดอาหารและเครื่องนุ่งห่ม จึงได้ร่วมมือกับมูลนิธิให้ความช่วยเหลือโดยมอบผ้าห่ม 600 ผืน และอาหารแห้ง เพื่อส่งความอบอุ่นและความห่วงใยไปยังชาวบ้านหลายร้อยหลังคาเรือน แม้ไม่สามารถใช้ภาษาจีนกล่าวคำขอบคุณ แต่สายตาของพวกเขา ก็ทำให้รับรู้ได้ถึงความรู้สึกนั้น ประเทศจีนยังเป็นครอบครัวและเป็นที่พึ่งได้เสมอสำหรับชาวจีนทุกคน

การค้าและการร่วมมือทางเศรษฐกิจ
เมื่อถึงคราวเริ่มต้นฤดูกาลของทุเรียน ซุปเปอร์มาร์เก็ตในประเทศจีนก็ได้นำ “ทุเรียนหมอนทอง” ของไทยออกวางจำหน่ายอย่างละลานตา ปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นข้าวหอมมะลิ ชาภูเขา หรือจะเป็นผลไม้ฤดูร้อน เช่น ลำไย มะม่วง ชมพู่ ก็จะสามารถพบเห็นได้โดยทั่วไป และไม่กี่ปีมานี้ หมอนหนุนยางพารา ก็ได้เข้าไปตีตลาดที่จีนอย่างรวดเร็วและเป็นที่ชื่นชอบของหมู่วัยรุ่นจีนเป็นอย่างมาก ในขณะที่ภาคเหนือของประเทศไทย เป็นพื้นที่การเกษตรที่สำคัญ เป็นที่ผลิตข้าว ชา และลำไยชั้นดี ทำให้มีนักลงทุนจำนวนมาก เห็นโอกาสทางธุรกิจและเดินทางมาเชียงใหม่ เพื่อหาพันธมิตรทางการค้า

สถานกงสุลใหญ่ฯ ได้รักษาความสัมพันธ์อันดีกับธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ หอการค้า สภาอุตสา หกรรม ติดตามนโยบายเศรษฐกิจและการค้าของไทยอย่างใกล้ชิด แนะนำกฎระเบียบด้านการค้า การลงทุน และแรงงานให้กับนักลงทุนชาวจีน อีกทั้งยังให้คำแนะนำในการแก้ปัญหาข้อพิพาททางการค้า โดยในปี 2559 สถานกงสุลใหญ่ฯ ได้ร่วมการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ระหว่าง จีน-ไทย ที่จัดโดยความร่วมมือของสถานทูตจีนและมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง การประชุมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการค้า จัดโดยสมาคมจีนแคะและศูนย์ช่วยเหลือชาวจีน แนะนำการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศจีน ประชาสัมพันธ์แนวความคิด “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ในระดับภูมิภาค ส่งเสริมการท่องเที่ยวของจีนในเขตภาคเหนือของไทย ดำเนินความร่วมมือในด้านผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและธุรกิจทางอิเล็กทรอนิกส์

การเรียนการสอนภาษาจีน
ก้าวแรกต่อเนื่องไปจากสนามบินนานาชาติเชียงใหม่ จะสัมผัสได้กับโฆษณาและป้ายที่เป็นภาษาจีน ตามร้านค้าจะมีพนักงานที่ใช้ภาษาจีนแนะนำสินค้า เวลารับประทานอาหารจะมีพนักงานแนะนำเมนูอาหารเป็นภาษาจีน แม้แต่บริการรถโดยสารสาธารณะก็จะเห็นคนขับรถใช้คำภาษาจีนง่ายๆในการต่อรองราคา ทุกวันนี้ การเรียนภาษาจีนเป็นที่นิยมในภาคเหนือของไทยเป็นอย่างมาก ไม่เพียงแต่ในมหาวิทยาลัยเท่านั้น โรงเรียนระดับประถมและมัธยมก็ได้เปิดการเรียนการสอนภาษาจีนมากขึ้น

ดังนั้น แม้จะมีอาจารย์ภาษาจีนและอาสาสมัครกว่า 400 คน ในภาคเหนือของไทย แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ สถานกงสุลใหญ่ฯ ให้ความสำคัญต่อการศึกษาภาษาจีนในต่างประเทศ และได้จัดค่ายประเทศจีนให้กับนักเรียนระดับประถมและมัธยมศึกษา สนับสนุนสถาบันขงจื่อ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร้านหนังสือซินจือยูนนาน และมีการร่วมมือด้านห้องเรียนขงจื่อตามโรงเรียนต่างๆ จัดกิจกรรมวัฒนธรรมจีน ร่วมจัดงานส่งมอบหนังสือให้กับมหาวิทยา ลัยเชียงใหม่ และยื่นเรื่องขอสื่อการเรียนการสอนภาษาจีนและครูคนจีนกว่า 150 คน ให้กับโรงเรียนกว่า 50 แห่ง

โรงเรียนช่องฟ้าซินเซิงวาณิชบำรุง จ.เชียงใหม่ เป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงมายาวนาน เป็นโรงเรียนจีนชั้นนำในภาคเหนือของไทย สถานกงสุลใหญ่ฯ ได้ให้การสนับสนุนด้านการพัฒนาการศึกษา พร้อมได้เข้าเยี่ยมเยือนอย่างเป็นทางการ นอกจากนั้นในภาคเหนือของไทยมีหมู่บ้านชาวจีนเป็นจำนวนมาก โรงเรียนในหมู่บ้านขาดแคลนทุนทรัพย์ ทำให้ครูไม่พอต่อจำนวนนักเรียน

ในปี 2559 สถานกงสุลใหญ่ฯ ได้เข้าไปเยี่ยมเยือนหมู่บ้านคนจีน บริจาคเงินให้กับโรงเรียนที่ได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติ บริจาคโต๊ะ เก้าอี้ คอมพิวเตอร์ และส่งมอบกระเป๋านักเรียน พร้อมเครื่องเขียนให้กับนักเรียนที่ยากจน เพื่อเป็นกำลังใจในการเรียน และเป็นกำลังสำคัญในการสร้างมิตรภาพจีนไทยต่อไปในอนาคต ในทุกๆปีก็จะสนับสนุนทุนการศึกษาให้กับโรงเรียนจีน จัดกิจกรรมเทศกาลวัฒนธรรมจีน โดยในปีนี้ได้จัดให้ผู้อำนวยการโรงเรียนจีน 20 แห่ง ได้ไปดูงานที่ประเทศจีน เพื่อให้มีความมั่นใจในการพัฒนาการศึกษา และสร้างเครือข่ายมิตรภาพอันดีระหว่างองค์กร

วารสารและข่าวสาร
เพื่อตอบสนองความต้องการของคนส่วนใหญ่ในยุคสังคมออนไลน์ สถานกงสุลใหญ่ฯ ได้เปิดเว็บไซด์ 3 ภาษา ประกอบด้วยภาษาจีน ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย โดยมีการปรับปรุงเนื้อหาให้ทันต่อเหตุการณ์อย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งกงสุลใหญ่ฯ ยังได้รับการสัมภาษณ์จากผู้สื่อข่าวของไทยหลายครั้ง เพื่อถ่ายทอดมิตรภาพของคนจีน เพื่อเพิ่มการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารของไทยและจีน เมื่อเดือนกันยายนปี 2559 สถานกงสุลใหญ่ฯ ได้เดินทางร่วมกับผู้แทนสำนักประชาสัมพันธ์เขต 3 และสื่อมวลชนในพื้นที่ภาคเหนือ ไปเยือนเขตปกครองตนเองกวางซี มณฑลเจ้อเจียง และเมืองเซี่ยงไฮ้

สถานที่แรกคือเมืองหนานหนิง ซึ่งเป็นแหล่งจัดงานแสดงสินค้าจีน-อาเซียน ครั้งที่ 13 ซึ่งได้รวมผู้นำอาเซียนของแต่ละประเทศ เจ้าหน้าที่ของรัฐ ตัวแทนนักธุรกิจ คณะผู้แทนได้เข้าร่วมพิธีเปิดงานและเข้าชมนิทรรศการ นวัตกรรม รวมทั้งส่วนจัดแสดงสินค้าทั้งของไทยและจีน เรียนรู้ข้อมูลทางธุรกิจเพิ่มเติม ต่อจากนั้นไดเดินทางไปยังเมืองหางโจว ซึ่งมีชื่อเสียงระดับโลก เนื่องจากมีการจัดการประชุม G20 คณะผู้แทนได้เดินทางไปเยือนทะเลสาบซีหู วัดหลิงหยิ่น ต่อด้วยเมืองอี้อู เมืองที่มีชื่อเสียงในด้านการขายส่งสินค้าระดับโลก รัฐบาลเมืองอี้อูได้จัดงานแถลงข่าวและแนะนำเมืองให้คณะผู้แทนจากไทยได้รู้จัก

โดยผู้สื่อข่าวทุกคนได้ร่วมบันทึกข้อมูลและสนใจ ตั้งคำถามอย่างละเอียดและหลากหลายแง่มุม เพื่อให้ได้ข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ ในการสร้างความเข้มแข็งทางด้านเศรษฐกิจ และความร่วมมือทางด้านการค้าและการขนส่ง ตลอดระยะเวลา 7 วัน กับ 4 เมือง กลุ่มสื่อมวลชนภาคเหนือได้บันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับประเทศจีนตามมุมมองที่ต่างกันออกไป ผ่านเลนส์กล้องและตัวอักษร เพื่อถ่ายทอดมายังผู้คนในภาคเหนือของไทย อย่างหลากหลายและกว้างขวาง

ระยะเวลา 25 ปี ช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว จากการที่สถานกงสุลจีนใหญ่ฯ ได้มาตั้งอยู่ข้างเมืองโบราณล้านนาแห่งนี้ ร่วมเป็นสักขีพยานให้กับเมืองเชียงใหม่ ที่เคยเป็นเมืองลี้ลับสำหรับคนจีน ให้กลับกลายเป็นเมืองที่คับคั่งไปด้วยผู้คน กงสุลจีนทุกรุ่นที่ได้ผ่านการทำงานในดินแดนแห่งนี้ ได้สร้างมิตรภาพที่ลึกซึ้งกับชาวล้านนาจากรุ่นสู่รุ่น และมาถึงวันนี้พวกเราก็ยังไม่หยุด ที่จะพัฒนาครอบครัวไทยจีนให้สดใสรุ่งโรจน์ยิ่งขึ้น และพัฒนามิตรภาพไทยจีนให้ยั่งยืนยาวนานตลอดไป

         

ร่วมแสดงความคิดเห็น