จับหนุ่มเย้ยนรก! ซุกผ้าเหลืองหากิน

พระปลอม………..ตำรวจ สภ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ จับกุมนายสุวิทย์ สุภาษร ชาว จ.อุบลราชธานี ที่แต่งกายคล้ายพระสงฆ์เข้าลักทรัพย์ในร้าน ส.เจริญยนต์ ที่ อ.เชียงดาว นำตัวมาให้พระครูบุรีตารกานุรักษ์ เจ้าคณะอำเภอเชียงดาว ณ วัดอินทราราม ทำการสึก ปรากฏว่ากลับเป็นพระปลอมไม่มีใบสุทธิแต่อย่างใด ถูกนำตัวดำเนินคดี

ตร.เชียงดาวจับพระปลอมขโมยของในร้าน ซึ่งพบว่าเป็นพระปลอมอาศัยผ้าเหลืองหากิน สร้างความเชื่อถือปักกลดนอนในป่าช้า ทำให้ประชาชนหลงเชื่อทำบุญใส่บาตรมานาน ส่วนอีกรายตำรวจสภ.ช้างเผือก จับหนุ่มรุ่นขโมยตู้รับบริจาคในวัดดัง

เมื่อวันที่ 29 มี.ค.60 พ.ต.อ.ศักดิ์ศรี ยะปาละ ผกก.สภ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ และพ.ต.ท.ภาสกร ปกปิงเมือง รอง ผกก.สั่งการ ร.ต.อ.สุจิตร์ คำแสน รอง สวป. ร้อยเวร 20 ร.ต.ต.ทวีโชค ไข่มุกค์ รอง สวป. พร้อมสายตรวจรถยนต์ ไปตรวจสอบเหตุลักทรัพย์ หลังได้รับแจ้งจากศุูนย์วิทยุเชียงดาว ว่ามีบุคคลแต่งกายคล้ายพระสงฆ์เข้ามาลักทรัพย์วิทยุทรานซิสเตอน์ 1 เครื่องแม่แรง 1 ตัว ค้อน 1 ด้าม ภายในร้าน ส.เจริญยนต์ 57 ม.13 ต.เชียงดาว ที่เกิดเหตุ พบชายคนหนึ่งแต่งกายคล้ายพระต่อมาทราบชื่อว่า นายสุวิทย์ สุภาษร อายุ 42 ปี 153/8 ต.หัวนา อ.เขมราช จ.อุบลราชธานี แต่งกายด้วยเครื่องแต่งกายสงฆ์ ขอทำการตรวจสอบใบสุทธิและเอกสารทางราชการออกให้ ปรากฎว่าผู้ต้องหาไม่มีมาแสดงได้นำตัวไปลาสิกขา ต่อ พระครูบุรีตารกานุรักษ์ เจ้าคณะอำเภอเชียงดาว ณ.วัดอินทราราม จากนั้นนำผู้ต้องหาพร้อมพร้อมของกลางส่ง พงส. สภ.เชียงดาวดำเนินคดีต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าผู้ต้องหา ได้ปลอมเป็นพระแล้วมาตั้งกลดนอนอยู่ที่ป่าช้า บ.วังจ้อมมานาน จนมาถูกจับกุมในที่สุด ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 8 ก.ค.59 ที่ผ่านมา เคยเกิดเหตุคนร้ายปลอมเป็นพระก่อเหตุใช้ดัมเบลทุบศรีษะเจ้าของร้านรับซื้อของเก่าเสียชีวิตที่ บ.ทุ่งละคอน ต.เชียงดาว มาแล้ว ซึ่งตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ผู้กำกับการ สภ.เชียงดาวสั่งการให้ เข้มงวดตรวจสอบหากพบการแจ้งเบาะแสจากประชาชน

ด้านพระวินยาธิการ (ตำรวจพระ) ได้ตั้งข้อสังเกตพระปลอมว่า ให้สังเกต หากพระมีย่ามใหญ่ ซึ่งภายในย่ามอาจบรรจุ ผ้าขนหนู เสื้อผ้า สบู่ ยาสีฟันอย่างครบครันอยู่ในย่าม ,จีวรไม่สะอาด เพราะไม่ได้นอนในวัด นอนมั่วทุกแห่ง แหล่งที่พักไม่แน่นอน สัญจรตลอดเวลา อธิษฐานพรรษาไม่ถูก ไม่มีใบสุทธิ, มีบาตรและกรดพระติดตัวในย่านชุมชนเมือง ซึ่งกิจของพระธุดงค์ต้องเดินห่างจากชุมชนเมือง 25 กิโลเมตร เป็นการเดินในป่าไม่ใช่ในเมือง

ส่วนอีกรายตำรวจสภ.ช้างเผือกตามลากคอหนุ่มในบาป ก่อเหตุขโมยตู้บริจาคภายในวัด เกิดขึ้นเมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 29 มี.ค.60 โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ช้างเผือก จ.เชียงใหม่ ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.อดุลย์ สมนึก ผกก. สภ.ช้างเผิอก, พ.ต.ท.สิทธิพร บัวสุข รอง ผกก.สส.ฯ, พ.ต.ต.ณรงค์ชัย เอกฉันท์ สว.สสฯ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ได้ร่วมกันทำการจับกุมตัว นายบวรทัต ศรีใจ อายุ 18 ปี ที่อยู่ 250 ม.13 ต.แม่สูน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่ ที่ จ.205/2560 ลงวันที่ 28 มี.ค.60 ในข้อหา “ลักทรัพย์ในสถานที่บูชาสาธารณะ” เหตุเกิดที่วัดสันติธรรม ถ.สันติธรรม ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พร้อมทั้งทำการตรวจยึดของกลาง ประกอบด้วย โน้ตบุ๊ค จำนวน 1 เครื่อง, เงินสด 3,536 บาท, ซองบริจาค จำนวน 25 ซอง

โดยการจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจาก ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่า เมื่อช่วงกลางดึก เวลาประมาณ 03.35 น. วันที่ 27 มี.ค.60 ที่ผ่านมา ได้มีคนร้ายเป็นชาย 1 คน ปั่นรถจักรยานสองล้อ เข้าไปลักเงินในตู้บริจาค ภายในศาลาการเปรียญวัดสันติธรรม อ.เมือง จ.เชียงใหม่ โดยภายหลังก่อเหตุคนร้ายได้เงินสดที่อยู่ภายในตู้บริจาคไปจำนวนหนึ่งแล้วได้ทำการหลบหนีไป หลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบเรื่องแล้ว จึงได้เข้าทำการตรวจสอบที่เกิดเหตุในเวลาต่อมา ซึ่งทราบว่าภายในจุดเกิดเหตุนั้นมีกล้องวงจรปิดติดตั้งอยู่ จึงได้นำภาพกล้องวงจรปิดไปทำการตรวจสอบ ก็พบว่าคนร้ายเป็นชายสวมเสื้อยืดแขนสั้น กางเกงขาสั้น เข้ามายกตู้บริจาคจากนั้นได้ทำการนำเงินที่อยู่ภายในตู้หลบหนีไปโดยการปั่นจักรยานไปตามถนนมุ่งหน้าไปทางโรงพยาบาลลานนา แล้วเข้าซอยที่อยู่ติดกับโรงพยาบาลไป เมื่อทราบเบาะแสดังนั้นทางเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการสืบสวนติดตามตัวคนร้ายจนกระทั่งทราบว่า ผู้ต้องสงสัยคือ นายบวรทัต ศรีใจ จึงได้ทำการขอหมายจับคนร้ายตามภาพวงจรปิด ต่อศาลจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งศาลฯ ได้อนุมัติออกหมายจับให้ ในเวลา 14.00 น. ทางเจ้าหน้าที่จึงได้นำกำลังเข้าทำการควบคุมตัว นายบวรทัต ศรีใจ แล้วนำมาสอบสวนที่ สภ.ช้างเผือก ในเวลาต่อมา

โดยจากการตรวจสอบ และตรวจค้น ก็พบของกลาง รถจักรยาน และเสื้อผ้า ที่คนร้านสวมใส่ไปก่อเหตุ ประกอบกับทางผู้ต้องหาก็ได้ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุจริง เนื่องจากตกงานไม่มีงานทำและไม่มีเงินใช้ จึงตัดสินใจเข้าไปทำการขโมยเงินในตู้บริจาคของวัดดังกล่าวจริง เพื่อตั้งใจจะนำเงินไปใช้ แต่สุดท้ายก็ถูกทางเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมตัวได้ในที่สุด อย่างไรก็ตามหลังการสอบสวนแล้วทางเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลางนำส่งให้ทางพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ร่วมแสดงความคิดเห็น