รวบโจรขโมยหมวกกันน็อค

ขโมยกันน็อค……….พ.ต.อ.อภิวัชร์ ไชยศรีสุทธิ์ ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ แถลงข่าวจับกุมตัวนายเอกพันธ์ หรือโอม ทูลโรจน์ อายุ 25 ปี และนายเจษฎา หรือบี ปัญญาวรรณ์ อายุ 19 ปี สองผู้ต้องหาแก๊งขโมยหมวกกันน็อค ยึดของกลางได้จำนวนมาก

ตำรวจกองเมือง ตามรวบ 2 หนุ่มวายร้าย ตระเวนขโมยหมวกนิรภัยของประชาชนและนักศึกษา ตามสถาบันการศึกษา และห้างสรรพสินค้า ก่อนเอาไปขายต่อให้กับร้านในท้องที่ จ.ลำพูน ตรวจสอบประวัติก่อเหตุมาแล้วไม่ต่ำกว่า 42 ครั้ง และได้หมวกนิรภัยจำนวน 47 ใบ นอกจากนี้ยังมีประวัติโชกโชน ติดคุกมาไม่เข็ดหลาบ สารภาพหาเงินกินเที่ยว และเตรียมไว้ใช้ช่วงสงกรานต์

เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น.วันที่ 4 เม.ย.60 ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ พ.ต.อ.อภิวัชร์ ไชยศรีสุทธิ์ ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ พร้อมเจ้าหน้าชุดสืบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมตัวผู้ต้องหา 2 ราย คือ นายเอกพันธ์ หรือโอม ทูลโรจน์ อายุ 25 ปี ที่อยู่ 103 หมู่ 2 ต.ดอนแก้ว อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ และ นายเจษฎา หรือบี ปัญญาวรรณ์ อายุ 19 ปี ที่อยู่ 212 หมู่ 7 ต.ม่วงน้อย อ.ป่าซาง จ.ลำพูน พร้อมด้วยของกลาง ประกอบด้วย เสื้อกันหนาวสีแดงแบบมีหมวก จำนวน 1 ตัว, กางเกงยีนส์ขายาวสีดำ จำนวน 1 ตัว, รองเท้าแตะแบบสวม สีชมพู จำนวน 1 คู่, กระเป๋าคาดเอวสีขาว/น้ำตาล 1 ใบ, รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นสกูปี้สีแดง จำนวน 1 คัน, รองเท้าผ้า จำนวน 1 คู่ และหมวกนิรภัย แบบเต็มใบอีกจำนวนหลายมาก ในข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม”

โดยทาง พ.ต.อ.อภิวัชร์ ไชยศรีสุทธิ์ ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ สืบเนื่องจากวันที่ 4 มี.ค.60 ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่า มีเหตุลักทรัพย์หมวกนิรภัย เหตุเกิดที่ บริเวณลานจอดรถจักรยานยนต์โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย ถ.ราชวิถี ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้เข้าทำการตรวจสอบ และจากการสอบสวนปากคำผู้เสียหาย ทราบว่าทรัพย์สินที่คนร้ายได้ไปเป็นหมวกนิรภัยแบบเต็มใบสีขาวยี่ห้อ RIDER ราคา 1,500 บาท จำนวน 1 ใบ เมื่อทราบดังนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการออกตรวจติดตามตัวคนร้าย โดยได้รวบรวมหลักฐานจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คนร้ายก่อเหตุ พร้อมทั้งนำประวัติบุคคลพ้นโทษที่มี พฤติกรรมละกทรัพย์มาทำการตรวจสอบ รวมทั้งทำการตรวจสอบร้านรับซื้อ-ขายหมวกนิรภัย จนกระทั่งสามารถรวบรวมหลักฐาน ทราบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุดังกล่าวมีจำนวน 2 คน

และในเวลาต่อมาทางเจ้าหน้าที่ ตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งว่า ชายวัยรุ่นจำนวนสองคนน่ะหมวกนิรภัยมาเสนอขายให้กับทางร้าน โดย 1 ใน 2 คน เป็นชายแต่ทำตัวเป็นหญิง ซึ่งมีรูปร่างลักษณะตรงกันกับคนร้ายที่เจ้าหน้าที่ตำรวจประสานไว้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งให้ทางสายลับ ทำการรับซื้อหมวกใบดังกล่าวไว้ แล้วให้ ทำการถ่ายสำเนาบัตรประจำตัวผู้ขายไว้ และเมื่อนำบัตรประจำตัวของผู้ขายคนดังกล่าวมาทำการตรวจสอบก็ทราบชื่อคือ นายเจษฎา หรือบี ปัญญาวรรณ์ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจสอบประวัติและตรวจสอบเทียบกับภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิดจึงทราบว่ามีลักษณะตรงกันกับคนร้ายที่ก่อเหตุลักหมวกนิรภัย ที่ลานจอดรถภายในโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย ทางเจ้าหน้าที่จึงได้รวบรวมหลักฐานและเข้าทำการจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย พร้อมทั้งนำตัวมาสอบสวนที่ สภ.เมืองเชียงใหม่

และจากการสืบสวนขยายผล ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ได้ให้การรับสารภาพว่าได้เป็นผู้ลงมือก่อเหตุขโมยหมวกนิรภัยในสถานที่เกิดเหตุจริง นอกจากนี้ยังได้ตระเวนก่อเหตุตามสถานที่ต่างๆ อีกหลายแห่ง รวม 42 ครั้ง และได้หมวกนิรภัยจำนวน 47 ใบ โดยการลงมือนั่นจะอาศัยขับรถตระเวนไปตามสถานที่ต่างๆ เช่น หอพัก สถาบันการศึกษา และห้างสรรพสินค้า โดยจะเลือกก่อเหตุขโมยหมวกนิรภัยลักษณะแบบเต็มใบที่มีสีสันสวยงาม มีความหนาแข็งแรง ทนทาน และดูยี่ห้อ จากนั้นก็จะลงมือก่อเหตุขโมยแล้วหลบหนี จากนั้นก็จะนำหมวกนิรภัยที่ได้ไปขายที่ร้านรับซื้อในท้องที่ จ.ลำพูน หากเป็นหมวกที่มีคุณภาพดีก็จะขายได้ในราคาไม่ต่ำกว่า 1,000 บาท และหากเป็นหมวดที่เป็นยี่ห้อนอก ก็จะได้ราคาดีขึ้นอีก และหากเป็นหมวกที่คุณภาพต่ำลงมาหน่อยก็จะได้ในราคาประมาณ 500 บาท โดยเงินที่ได้จากการขายหมวกก็จะนำมาใช้จ่ายเที่ยวเตร่ ประกอบกับช่วงนี้เป็นช่วงใกล้เทศกาลสงกรานต์ จึงรีบลงมือก่อเหตุเพื่อหาเงินเที่ยวด้วย โดยผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ยังให้การอีกว่า จะลงมือขโมยได้วันละไม่ต่ำกว่า 2 ใบ หรือถ้าวันไหนเจอหมวกนิรภัยที่อยู่ในความต้องการก็อาจจะลงมือได้มากถึง 4 ใบ

นอกจากนี้จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ยังทราบอีกว่า นายเอกพันธ์ หรือโอม ทูลโรจน์ นั้นเคยติดคุกมาแล้วถึง 4 ครั้ง ทั้งคดีลักทรัพย์, ฉ้อโกง, รับของโจร, และยาเสพติด ส่วน นายเจษฎา หรือบี ปัญญาวรรณ์ นั้นก็เคยติดคุกมาแล้ว 1 ครั้งในคดีลักทรัพย์ แต่ก็ยังไม่เข็ดหลาบและหลังพ้นโทษก็ได้มาก่อเหตุอีกจนกระทั่งถูกจับกุมในที่สุด อย่างไรก็ตามหลังการแถลงข่าว ทางเจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลาง ส่งให้ทาง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ ดำเนินคดีตามกฎหมาย

ร่วมแสดงความคิดเห็น