สวนมะม่วงป้องกัน โรคแอนแทรกโนส

นายประสงค์ ประไพตระกูล รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร แจ้งเตือนเกษตรกรที่ปลูกมะม่วงว่าในช่วงนี้อยู่ในระยะติดผล เกษตรกรควรหมั่นสำรวจแปลง อาจพบการทำลายของโรคแอนแทรกโนส อาการบนผลอ่อนจะปรากฏแผลสีน้ำตาลเข้มขนาดเล็กบนผล แผลจะเด่นชัดขึ้นเมื่อผลเริ่มสุก เมื่อมะม่วงเริ่มแก่ในระหว่างการบ่มหรือขนส่งจุดแผลเหล่านี้จะขยายใหญ่ขึ้น มีสีน้ำตาลเข้มหรือดำ และลุกลามออกไป ทำให้ผลเน่าทั้งผลได้ ซึ่งทำความเสียหายแก่ผลผลิตเป็นอย่างมาก

วิธีการป้องกันและกำจัด แนะนำว่าเกษตรกรชาวสวนควรตัดแต่งกิ่งให้โปร่ง ลมพัดผ่านได้ดี กำจัดวัชพืชภายในแปลงให้สะอาด และตัดแต่งกิ่งก้านและใบ ที่เป็นโรคนำไปฝังหรือเผาทำลาย เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งของเชื้อในการแพร่ระบาดต่อไป ใช้เชื้อบาซิลลัส ซับทิลิส อัตรา 30-40 กรัม/น้ำ 20 ลิตรใช้เชื้อไตรโคเดอร์มา 1 กิโลกรัม/น้ำ 20 ลิตร ขยำให้เข้ากันเพื่อเอา สปอร์ออกจากเมล็ดข้าวฟ่าง แล้วกรองเอาแต่น้ำ ผสมสารจับใบแล้วพ่นกำจัด

และควรทำการสำรวจเพลี้ยไฟอย่างสม่ำเสมอ โดยการสุ่มเคาะที่ดอกหรือผลอ่อนบนกระดาษสีขาว ถ้าพบในปริมาณหนาแน่นมาก ควรตัดสินใจใช้สารเคมีชนิดใดชนิดหนึ่งพ่นกำจัด ดังนี้คาร์เบนดาซิม 50% ดับบลิวพี อัตรา 15-20 กรัม/น้ำ 20 ลิตร-แมนโคเซบ 80% ดับเบิลพี อัตรา 40-52 กรัม/น้ำ 20 ลิตร ฉีดสลับกันทุกๆ 14 วัน

ทั้งนี้มีข้อแนะนำอีกว่าเกษตรกร ชาวสวนผู้ปลูกมะม่วงไม่ควรใช้สารเคมีชนิดเดียวอย่างต่อเนื่องหรือติดต่อกันเป็นเวลานาน รวมทั้งไม่ใช้ในอัตราที่สูงเกินกว่ากำหนด เพราะนอกจากจะเป็นการสิ้นเปลืองแล้วยังจะมีผลต่อการพัฒนาความต้านทานต่อสารเคมีของเชื้อก่อโรค และมีผล กระทบต่อคนและสัตว์ในเรื่องของพิษตกค้าง และยังทำลายกลุ่มจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์

ร่วมแสดงความคิดเห็น