ย้อนอดีตสายน้ำปิง…ชมความงามของอุทยานแห่งชาติแม่ปิง

เนิ่นนานเต็มทีที่ชีวิตไม่มีวันเวลาแห่งความสงบนิ่งเช่นนี้ กว่า 2 ปีที่ผมกลับมาเยือนทะเลสาบแม่ปิงอีกครั้ง วันเวลาในอดีตดูช่างไม่แตกต่างจากวันนี้มากนัก ใบไม้ สายน้ำและกาลเวลา ดูเหมือนจะเป็นความเปลี่ยนแปลงที่ดำเนินไปในวิถีทางเดียวกันอย่างไม่มีวันสิ้นสุดและไม่มีวันหวนคืน สายน้ำไหลเลยไม่เคยหวนกลับ ใบไม้ล่วงแล้วไม่อาจคืนต้น เช่นเดียวกับความรู้สึกของผมยามเมื่อทอดมองผืนน้ำที่สงบนิ่งอยู่เบื้องหน้าของทะเลสาบแม่น้ำปิง หากแต่ใครจะเคยรู้ว่าใต้ผืนน้ำลึกลงไป ที่นี่เคยเป็นอดีตของแก่งน้ำเชี่ยวตำนานแห่งการเดินทาง

ความเงียบสงบเวิ้งว้างของทะเลสาบแม่ปิงที่ทอดอยู่เบื้องหน้าในวันที่เดินทางไปประทับรอยเท้าแห่งความทรงจำ ยังคงหยุดนิ่งไหวติงเปรียบประดุจกระจกบานใหญ่ขนาดมหึมาที่ส่องสะท้อนการเปลี่ยนแปลงของวันเวลา เหมือนดั่งจะประกาศก้องให้รู้ว่า “ผู้คนผ่านมาแล้วก็ผ่านไป แต่สายน้ำ ขุนเขายังคงอยู่”

หากจะลองเดินทางย้อนสายน้ำปิง จากบริเวณสุดสายปลายทางที่ปากน้ำโพ เดินทางย้อนขึ้นไปตามความคดเคี้ยวของสายน้ำที่ไหลผ่านทั้งชุมชนของเมือง ผ่านทุ่งหญ้าป่าเขาก่อนจะถึงเขื่อนภูมิพลแล้วแปรสภาพเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่สีน้ำเงินอยู่ในท่ามกลางวงล้อมของขุนเขาและผืนป่า เมื่อเห็นความยิ่งใหญ่ของสายน้ำในทะเลสาบแม่ปิงแล้ว หลายคนคงไม่เชื่อแน่ว่าสายน้ำแห่งความยิ่งใหญ่นี้มีจุดกำเนิดมาจากตาน้ำเล็ก ๆ เพียงตาเดียวตรงบริเวณรอยต่อของชายแดนไทย – พม่าบนจุดสูงสุดที่เรียกว่า ดอยถ้วย ก่อนจะไหลมารวมกับสายน้ำอื่น ๆ จนกลายเป็นแม่น้ำปิง
แม่น้ำปิง หรือ ลำน้ำแม่ระมิงค์ นับเป็นสายน้ำสำคัญมาแต่อดีตนับร้อยปี แม่น้ำปิงแห่งนี้ในอดีตเป็นเสมือนประตูสู่อาณาจักรล้านนา เคยเป็นเส้นทางคมนาคมสายหลักสายเดียวที่เปิดรับวัฒนธรรม สินค้าและการเดินทางติดต่อจากดินแดนทางตอนใต้ จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์สมัยที่อาณาจักรในดินแดนล้านนายังไม่รุ่งเรือง มีหลักฐานว่า พระนางจามเทวีได้เสด็จตามลำน้ำปิงขึ้นไปครองเมืองหริภุญชัย อันเป็นอาณาจักรที่ก่อร่างและรุ่งเรืองขึ้นมาเป็นอันดับแรก ก่อนที่พระยามังรายมหาราชจะสถาปนาเมืองนพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่ขึ้นในเวลาต่อมา เรื่องราวการเดินทางของพระนางจามเทวีที่ทวนสายน้ำปิงสู่อาณาจักรหริภุญชัยยังคงเป็นตำนานของแก่งน้ำริมแม่ปิงมาจนทุกวันนี้ โดยเฉพาะที่แก่งอาบนาง อันเป็นแก่งน้ำใหญ่กลางสายน้ำปิง ซึ่งเล่าขานกันมาว่าเป็นสถานที่ซึ่งพระนางจามเทวีได้อธิษฐานขอน้ำศักดิ์สิทธิ์มาชำระร่างกาย จึงเกิดเป็นน้ำพุขึ้นมาจากสายน้ำปิง ที่แห่งนี้จึงได้ชื่อว่า แก่งอาบนางมาจนปัจจุบัน

ความสำคัญของแม่น้ำปิงที่คนสมัยก่อนใช้เป็นเส้นทางติดต่อค้าขายยังคงมีมาหลายยุคสมัย แม้ว่าในสมัยนั้นการเดินทางในลำน้ำปิงจะเป็นหนทางเดียวที่สะดวกกว่าการเดินเท้า แต่การเดินทางในลำน้ำปิงจะต้องผ่านเกาะแก่งน้ำที่เชี่ยวกรากมากมาย แม้สายน้ำปิงจะรินไหลผ่านแก่งหิน ขุนเขา มาเป็นเวลายาวนานนับร้อยปี ผู้คน ชุมชน อาณาจักรริมสายน้ำปิงก่อเกิดขึ้นและล่มสลายไปมากมายแล้ว แต่คำกล่าวที่ว่า “ผู้คนผ่านมาแล้วก็ผ่านไป แต่ขุนเขาสายน้ำยังคงอยู่” ดูเหมือนว่าจะเป็นคำกล่าวที่ยั่งยืน สายน้ำแม่ปิงและตำนานการล่องแก่งที่เชี่ยวกรากคงต้องเป็นอดีตที่ไม่อาจลืมเลือนไปได้เมื่อรัฐบาลมีมติให้สร้างเขื่อนใหญ่ขึ้นที่บริเวณ ช่องเขาแก้ว ในเขตอำเภอสามเงา จังหวัดตากเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2501 นับแต่นับสายน้ำท่ามกลางขุนเขาก็แปรสภาพมาเป็นทะเลสาบกว้างใหญ่ในแวดล้อมแห่งขุนเขาเป็นการจบตำนานสายน้ำเชี่ยวในลำแม่ปิงนับแต่บัดนั้น

การเดินทางสัมผัสทะเลสาบแม่ปิงครั้งนี้ นอกจากความสวยงามของธรรมชาติแล้ว ที่อุทยานแห่งชาติแม่ปิงยังถือเป็นแหล่งกำเนิดกล้วยไม้ป่าที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่แห่ง ว่ากันว่ากล้วยไม้ป่าของที่นี่บางชนิดเป็นพันธุ์หายากและไม่เคยพบที่ใด้มาก่อน เจ้าหน้าที่ของอุทยานฯ พาเราไปเยี่ยมชมดอกกล้วยไม้ป่าที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติบริเวณทุ่งกิ๊ก ซึ่งเป็นแหล่งเพาะกล้วยไม้ป่านานาชนิด บางชนิดถูกค้นพบใหม่และยังไม่ได้มีการตั้งชื่อ นอกจากนี้จะสังเกตุเห็นว่า ป่าบริเวณนี้เป็นป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศดีมาก ว่ากันว่าป่าเต็งรังในอุทยานแห่งชาติแม่ปิงมีความสมบูรณ์มากที่สุดและมีความสวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งด้วย

อุทยานแห่งชาติแม่ปิง สามารถเดินทางมาท่องเที่ยวได้แบบตลอดปี ส่วนใหญ่จะนิยมมาค้างแรม การเดินทางสู่อุทยานฯแบ่งออกเป็น 2 ทาง คือ ทางบก เดินทางจากอำเภอลี้ จังหวัดลำพูนไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 1087 สายลี้ – ก้อ ที่ทำการอุทยานฯ จะตั้งอยู่บริเวณกิโลเมตรที่ 20 ทางน้ำ สามารถเดินทางจากอ่างเก็บน้ำดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่ ผ่านลำน้ำปิงไปยังอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก

 

ข้อมูลท่องเที่ยว

อุทยานแห่งชาติแม่ปิง

อุทยานแห่งชาติแม่ปิงเดิมเป็นป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่หาด-แม่ก้อ มีเนื้อที่ 1003.75 ตารางกิโลเมตร หรือ 627,346 ไร่จัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติแม่ปิงขึ้นเมื่อวันที่ 13 กรกฏาคม 2524 เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 32 ของประเทศไทย ตั้งอยู่ที่อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน มีพื้นที่ครอบคลุม 3 จังหวัดคือ เชียงใหม่ ลำพูน ตาก พื้นที่อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ มีทิวเขาทอดยาวสลับซับซ้อน ลำห้วยน้อยใหญ่หลายสาขาไหลลงสู่แม่น้ำปิง
ลักษณะภูมิประเทศ

อุทยานแห่งชาติแม่ปิงประกอบด้วยเทือกเขาสลับซับซ้อนทอดยาว สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางตั้งแต่ 400 – 800 เมตร มียอดเขาดอยห้วยหลาวสูงที่สุดประมาณ 1,243 เมตร ตามเทือกเขาเหล่านี้จะเป็นต้นกำเนิดของลำห้วยต่าง ๆ หลายสิบสายไหลลงสู่ลำน้ำปิง ปรากฏภาพธรณีของหินปูนยุคออร์โดวิเชียนในพื้นที่ และพบซากดึกดำบรรพ์ของ Cephalopods ลักษณะคล้าย ๆ หอยงวงช้างมากมายในชั้นหินปูนบาง ๆ

ลักษณะภูมิอากาศ

ฤดูแล้งจะเริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน – เมษายน อุณหภูมิจะต่ำลงในช่วงเดือนพฤศจิกายน – มกราคม อุณหภูมิจะสูงขึ้นในช่วงเดือนมีนาคม – เมษายน ช่วงฤดูฝนจะเริ่มตั้งแต่เดือน พฤษภาคม – กันยายน
พืชพรรณไม้และสัตว์ป่า

ประกอบด้วยป่าสำคัญ 2 ชนิด คือ ป่าเต็งรังและป่าเบญจพรรณ โดยเฉพาะป่าเต็งรังที่มีไม้พลวงเป็นไม้เด่น มีความสมบูรณ์ขึ้นชื่อว่าสวยงามที่สุด พรรณไม้ที่สำคัญได้แก่ สัก เต็ง รัง พลวง สนสองใบ มะขามป้อม แดง เป็นต้น สัตว์ป่าที่สำคัญเช่น วัวแดง หมูป่า เก้ง เลียงผาและนก เป็นต้น โดยเฉพาะนกมีมากถึง 208 ชนิด นอกจากนี้แล้วที่นี่ยังถือว่าเป็นแหล่งประมงปลาน้ำจืดที่สำคัญแห่งหนึ่งด้วย

แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ

แก่งก้อ เป็นเวิ้งน้ำขนาดใหญ่เกิดจากลำห้วยแม่ก้อไหลมารวมกับแม่น้ำปิง นักท่องเที่ยวนิยมมาพักเรือนแพนั่งเรือชมความสวยงามของสองฝั่งแม่น้ำปิงซึ่งมีเขาหินปูนถูกกัดเซาะ เกิดหินงอกหินย้อยสวยงาม ตามเส้นทางยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมากมาย เช่น อุ้มปาด โรงเรียนเรือนแพ ถ้ำช้างร้อง วัดพระธาตุแก่งสร้อย

น้ำตกก้อหลวง เป็นน้ำตกหินปูนที่เกิดจากลำน้ำในห้วยแม่ก้อไหลผ่านหินดินดานเทาดำ และหินทรายของหน้าผาที่สูงต่างระดับลดหลั่นกันทั้งหมด 7 ชั้น มีน้ำไหลตลอดปี เป็นน้ำตกที่มีหินงอกหินย้อยสวยงามตามธรรมชาติ มีแอ่งน้ำขนาดใหญ่สีเขียวใสดั่งมรกต บรรยากาศสดชื่นเหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ

ถ้ำยางวี เป็นถ้ำหินปูนขนาดใหญ่ภายในมีหินงอกหินย้อยสวยงามเมื่อกระทบกับแสงไฟจะส่องประกายระยิบระยับ บรรยากาศภายในถ้ำสดชื่นเย็นสบาย บริเวณใกล้เคียงมีป่าพระบาทยางวี เป็นป่าเต็งรังผสมสนสองใบขนาดใหญ่สวยงามเหมาะสำหรับการท่องเที่ยวแบบเดินป่าพักค้างแรม

ทุ่งกิ๊ก เป็นทุ่งหญ้าธรรมชาติอันกว้างใหญ่ โอบล้อมด้วยภูเขาป่าเต็งรังสลับกับป่าเบญจพรรณ เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่านานาชนิด โดยเฉพาะนก ทุ่งกิ๊กเหมาะสำหรับกิจกรรมท่องเที่ยวแบบเดินป่า มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติใช้เป็นที่จัดค่ายเยาวชนอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม นักท่องเที่ยวนิยมมาตั้งแคมป์พักแรม โดยเฉพาะกิจกรรมดูนกเป็นที่นิยมมากในช่วงประมาณเดือนมีนาคม – พฤษภาคม กล้วยไม้ป่ากว่า 20 ชนิดจะบานสะพรั่งพร้อมกันอย่างสวยงาม
ปัจจุบันอุทยานแห่งชาติแม่ปิง มีสถานที่กางเต๊นท์และเรือนแพไว้สำหรับบริการนักท่องเที่ยว ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ อุทยานแห่งชาติแม่ปิง ตู้ปณ. 18 อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน 51110 โทรศัทพ์ 0-5351-9031

จักรพงษ์ คำบุญเรือง
[email protected]

ร่วมแสดงความคิดเห็น