แฉลงขันจ่าย 1 ล. ปิดปากสื่อ ล้มคดีค้ากามเด็ก ปธ.สหพันธ์ปลัด ร้องดีเอสไอสอบ บิ๊กขรก.มีเอี่ยวอื้อ

ยื่นหนังสือ………..นายบุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์ ประธานสหพันธ์ปลัดอำเภอแห่งประเทศไทย ยื่นหนังสือต่อดีเอสไอ ให้ช่วยตรวจสอบกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ และข้าราชการในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนมีส่วนพัวพันกับคดีค้าประเวณีเด็ก

ประธานสหพันธ์ปลัดอำเภอแห่งประเทศไทย ยื่นหนังสือถึง DSI ตรวจสอบ กรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและข้าราชการระดับสูงในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนเกี่ยวข้องกับการค้าประเวณีเด็ก ขณะที่ทางผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษภาคเหนือ รับเรื่องไว้แล้วพร้อมเตรียมนำเรื่องส่งทางอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เร่งดำเนินการตรวจสอบ เผยมีกระแสข่าว การลงขันจ่ายเงินล้านเพื่อปิดปากสื่อให้ยุติการเสนอข่าว และล้มคดีดังกล่าวโผล่อย่างต่อเนื่อง

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 24 เม.ย.60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษภาคเหนือ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายบุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์ ประธานสหพันธ์ปลัดอำเภอแห่งประเทศไทย ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สะอาด สุนทร ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษภาคเหนือ เพื่อยื่นหนังสือต่ออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อขอให้ดำเนินการตรวจสอบกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและข้าราชการระดับสูงในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนเกี่ยวข้องกับการค้าประเวณีเด็ก ตามที่ปรากฎออกมาเป็นข่าวในขณะนี้ โดยอ้างถึง พรบ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547, พรบ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2560, พรบ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2552 และ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157

ทั้งนี้ นายบุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์ ประธานสหพันธ์ปลัดอำเภอแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฎข่าวกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน มีพฤติการณ์เป็นธุระ จัดหา โดยข่มขู่ บังคับ ใช้อำนาจของเจ้าพนักงานในการรักษาความสงบเรียบร้อยโดยมิชอบ ซึ่งได้กระทำให้เด็กต้องค้าประเวณีอันเป็นการแสวงหาผลประโยชน์โดยไม่ชอบ ซึ่งจากกรณีดังกล่าวยังได้ทราบจากแม่ของเด็กผู้เสียหาย ประชาชนแม่ฮ่องสอนว่ามีความจริงตามที่สื่อมวลชนได้นำเสนอข่าว และสหพันธ์ปลัดอำเภอแห่งประเทศไทย (ส.ปอ.ท.) ยังได้รับทราบข้อมูลสำคัญ

โดยผู้กระทำผิดซึ่งเป็นธุระ จัดหา โดยข่มขู่ บังคับให้เด็กต้องค้าประเวณี ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ยังอาจมีเจ้าหน้าที่ของรัฐระดับสูงที่มีอำนาจหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อยร่วมสนับสนุนเกี่ยวข้องเป็นกระบวนการ อันเป็นความผิดตาม พรบ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2560 มาตรา 6 (1) (2) รวมทั้งผู้กระทำผิดซึ่งได้ใช้บริการจากเด็กซึ่งถูกบังคับให้ต้องค้าประเวณีมีเจ้าหน้าที่ของรัฐจำนวนมาก และอาจจะมีพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่กระทำความผิดอาญาร่วมด้วย

นอกจากนี้ยังได้รับทราบจากแม่ของเด็กซึ่งถูกบังคับให้เด็กต้องค้าประเวณี ถึงการดำเนินการสอบสวนที่เกี่ยวข้องกับการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อที่จะทราบข้อเท็จจริง และเอาผู้กระทำผิดมาฟ้องลงโทษ เป็นไปอย่างชักช้ากว่าปกติที่ควร และมีความกังวลถึงความยุติธรรมที่จะได้รับจากเจ้าหน้าที่ของรัฐในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับสอบสวนและการตรวจสอบ และการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจอันเป็นธุระ จัดหา โดยข่มขู่ บังคับ ใช้อำนาจของเจ้าพนักงานในการรักษาความสงบเรียบร้อยโดยมิชอบ ซึ่งได้กระทำให้เด็กต้องค้าประเวณีอันเป็นการแสวงหาผลประโยชน์โดยไม่ชอบ และอาจเกี่ยวกันเป็นกระบวนการและยังอาจเกี่ยวข้องกับยาเสพติดด้วย ซึ่งถือได้ว่าเป็นความผิดตาม พรบ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2546 มาตรา 3 (1) (2)

โดยเฉพาะตามข้อมูลที่ปรากฎ มีผู้เสียหายซึ่งถูกบังคับให้เด็กต้องค้าประเวณีจำนวนกว่า 20 คน และเกี่ยวข้องกับผู้กระทำความผิดซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐในการรักษาความสงบเรียบร้อยในหลายระดับ จำนวนมาก ซึ่งถือได้ว่าเป็นความผิดทางอาญาที่ความซับซ้อนมากรวมถึงมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันของประชาชน โดยเฉพาะความผิดเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ เคยส่งผลให้ประเทศไทยต้องถูกปรับอันดับจากกลุ่มลำดับเทียร์ 2 ไปอยู่ในลำดับเทียร์ 3 ของประเทศสหรัฐฯ มาแล้ว จึงอาจส่งผลต่อปัญหาความมั่นคงของประเทศในหลายด้านได้

อย่างไรก็ตาม หลังการยื่นหนังสือของ นายบุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์ ประธานสหพันธ์ปลัดอำเภอแห่งประเทศไทย ทางด้าน พ.ต.ท.สะอาด สุนทร ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษภาคเหนือ ได้เป็นผู้รับฟังและทำการรับมอบหนังสือดังกล่าวไว้ โดยได้รับปากว่าจะได้นำเรื่องดังกล่าวรายงานให้กับทางอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ทราบเรื่องโดยเร็วเพื่อให้เป็นไปตามที่ทางประธานสหพันธ์ปลัดอำเภอแห่งประเทศไทย ได้ยืนหนังสือสือมาโดยทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ ก็จะมีการดำเนินการตรวจสอบและติดตามข้อมูลอย่างต่อเนื่อง ส่วนในเรื่องที่ทางประธานสหพันธ์ปลัดอำเภอแห่งประเทศไทย ได้ให้ข้อมูลมานั้นทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ ก็จะเร่งดำเนินการโดยเร็ว เนื่องจากถือเป็นเรื่องเกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ

และนอกจากนี้ ล่าสุดยังมีข่าวออกมาว่า กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ ( ปคม.) จะลงพื้นที่ในแม่ฮ่องสอน ในเร็วๆ โดยวันแรกจะพาเด็กและพยานไปชี้จุดที่เคยไปให้บริการแก่ข้าราชการระดับใหญ่ของจังหวัด ซึ่งมีหลายหน่วยงานมีส่วนเข้าไปใช้บริการเด็ก และจากนั้น อีกวันถัดมา จะมีการออกหมายจับผู้ที่กระทำผิดในคดีดังกล่าวเบื้องต้นทราบว่ามี จำนวนไม่ต่ำกว่า 10 คน โดยมีข้าราชการตำรวจ ยศ พ.ต.ท. ระดับรองผกก., ดาบตำรวจคนหนึ่งชื่อ “ดาบ ย.”, ข้าราชการครู, เจ้าหน้าที่แขวงทางหลวง และแม่เล้าที่เป็นธุระจัดหา

อย่างไรก็ตาม มีข่าวออกมาว่า หัวหน้าพนักงานสอบสวน เจ้าของเรื่องเดิมที่เคยมีการสอบสวนและดำเนินคดี กับ ดาบ ย. กำลังอยู่ในอาการหวาดผวา และอยากย้ายตัวเองออกนอกพื้นที่ โดยได้มีการโทรไปขอร้อง นายตำรวจนายหนึ่งที่ถูกเด้งออกนอกพื้นที่ว่าให้ช่วยตนด้วย เนื่องจากพบว่า คดีดังกล่าว อาจจะทำให้ตนต้องได้รับโทษตามไปด้วย สำหรับ ดาบ ย. ที่ตกเป็นข่าวบังคับเด็กสาวค้าประเวณี และถูกมารดาเด็กสาวที่ได้รับความเสียหายออกมาร้องเรียนได้ เดินทางจาก จ.แม่ฮ่องสอน ด้วยรถยนต์โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ สีดำ ป้ายแดง เข้ารายงานตัวต่อ พ.ต.อ.ชลทฤษ ชัชวาลย์ ผกก.สภ.เมืองแพร่ เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2560 ที่ผ่านมานี้แล้ว

ล่าสุดยังมีกระแสข่าวลือออกมาว่า กลุ่มผู้เสียผลประโยชน์และกำลังจะตกเป็นผู้ต้องหา ในคดีค้ามนุษย์และร่วมประเวณีกับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ได้เตรียมลงขันจ่ายเงินเพื่อปิดปากสื่อมวลชนด้วยการจะเสนอเงินก้อนใหญ่ให้ถึง 1 ล้านบาท ให้ยุติการนำเสนอข่าวดังกล่าว เพื่อหวังล้มคดีอีกด้วย

ร่วมแสดงความคิดเห็น