ยึดไม้ชิงชัน มูลค่า 10 ล้าน ซุกสวนป่า สปก. ล่านายทุนเข้าคุก

กระทรวงทรัพย์ฯจับมือ 3 ฝ่าย รวบไม้ชิงชันมูลค่าเกือบ 10 ล้าน หลังขบวนการตัดไม้ชิงชันยังเหิมเกริม ก่อนจะตั้ง ศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่าบ่อหอย-ภักดีธรรม ป้องป่าน่านอย่างถาวร

เมื่อวันที่ 12 พ.ค. 60 นายชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ และ นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช, พล.ท.ชัยณรงค์ แกล้วกล้า ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก และ ผอ.ศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 4 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือ ศปป.4 กอ.รมน. ,นายนิทรรศ เวชวินิจ ผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 สาขาแพร่ , นายชีวภาพ  ชีวธรรม หน.หน่วยเฉพาะกิจปราบปรามพิเศษ(พยัคฆ์ไพร)กรมป่าไม้ ,นายมนตรี พลภักดี หน.ศูนย์ฯ

นายณัฐชนน คนสูง หน.ศูนย์ปฏิบัติการยับยั้งการบุกรุกทำลายป่า จ.น่าน ที่ 1 (ศปป.1) ได้สนธิกำลัง จนท.ชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ จนท. ป่าไม้ ทหาร ตำรวจ กว่า 200 นาย ทำการขยายผลจับกุมการลักลอบทำไม้มีค่าหายากข้ามชาติ ที่บริเวณสวน สปก. เลขที่ 111 หมู่ที่ 5 บ้านน้ำพุ  ต.ห้วยโรง อ.ร้องกวาง จ.แพร่ พบมีการซุกซ่อนไม้ชิงชัน จำนวน 42 ท่อน/เหลี่ยม มูลค่าเกือบ 10 ล้าน ที่คาดว่านายทุนเตรียมลำเลียงส่งขายออกนอกประเทศ  

จากนั้นได้มี นางแสงดาว ครองบ้าน ได้มาแสดงตัวว่า ในพื้นที่ดินแปลงดังกล่าวที่พบไม้ชิงชันซุกซ่อนอยู่นั้น เป็นพื้นที่ ที่ตนได้ทำการเช่า จำนวน 10 ไร่ ราคา 10,000 บาท ต่อปี เพื่อทำการปลูกขิงและพืชพักสวนครัว ในส่วนไม้นั้นตนไม่ทราบว่าเป็นของใคร ทาง จนท.จึงได้ให้ทาง ตร.สภ.ร้องกวาง จ.แพร่ พาตัวนางแสงดาว ฯ ไปยัง สภ.ร้องกวาง เพื่อทำการสอบสวนหาข้อเท็จจริงถึงไม้ดังกล่าว เพื่อจะได้ซักทอดถึงตัวผู้กระทำผิด มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ด้านนายชีวภาพ ชีวธรรม  หน.หน่วยเฉพาะกิจปราบปรามพิเศษ(พยัคฆ์ไพร)กรมป่าไม้ ได้กล่าวว่า เส้นทางการทำไม้มีค่าหายากข้ามชาติ จะลักลอบตัดในพื้นที่ จ.น่าน และลำเลียงมาพักในพื้นที่ จ.แพร่ ก่อนจะมีการขนย้ายนำส่งออกนอกประเทศต่อไป  โดยเฉพาะพื้นที่บ้านบ่อหอย – ภักดีธรรม ต.ยาบหัวนา อ.เวียงสา จ.น่าน ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อกับ บ้านน้ำพุ ม.5 ต.ห้วยโรง อ.ร้องกวาง จ.แพร่ พื้นที่รอยต่อดังกล่าว ทำให้ขบวนการลักลอบค้าไม้ มีเส้นทางการลำ เลียงและพักไม้หลายเส้นทาง

ซึ่งปัจจุบันผู้กระทำความผิดยังมีการตัดเส้นทางใหม่ๆ โดยให้มีพุ่มไม้ใช้เป็นอุโมงค์ เพื่ออำพรางการตรวจสอบจากภาพถ่ายทางอากาศและการลาดตระเวนด้วยเฮลิคอปเตอร์ นอกจากนี้ยังมีการดัดแปลงรถที่ใช้ในการลำเลียงขนไม้ให้มีประสิทธิภาพ ในการชักลากบนพื้นที่ป่าสูงชันมากยิ่งขึ้นด้วย ขณะที่การปฏิบัติการงานของเจ้าหน้าที่ป่าไม้มีข้อจำกัดและขีดความสามารถ ส่งผลการจับกุมและชักลากไม้ของกลางเป็นเรื่องยากลำบาก รวมถึงในพื้นที่ดังกล่าวมีปัญหาด้านยาเสพติด เจ้าหน้าที่จึงต้องทำงานบนความเสี่ยงต่อความปลอดภัยในชีวิต

ด้านนายชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ เปิดเผยว่า พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ความสำคัญกับปัญหาดังกล่าว จึงได้จัดตั้ง ศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า” โดยบูรณาการสนธิกำลังของกรมป่าไม้ อุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช  ศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 4 รวมทั้ง ฝ่ายทหาร ตำรวจ พลเรือน ในพื้นที่ จ.น่าน เพื่อดำเนินการบังคับใช้กฎหมายกับขบวนการลักลอบทำไม้มีค่าหายากข้ามชาติ ทั้งไม้ชิงชัน พยุง ไม้สัก ไม้ประดู่  ในพื้นที่ จ.น่าน ซึ่งยังเป็นพื้นที่ป่าที่สมบูรณ์และมีไม้มีค่าหายากอีกจำนวนมาก จำเป็นต้องวางมาตรการเพื่อปกป้องไม่ให้ถูกกลุ่มนายทุนต่างๆ ลักลอบตัดส่งขายข้ามชาติ  โดยจะมีการตัดทำลายเส้นทางการลำเลียงที่ไม่กระทบต่อประชาชนในพื้นที่  และมีการตั้งด่านตรวจด่านสกัดถาวรในเส้นทางลำเลียง พร้อมดึงมวลชนให้เป็นผู้ช่วยสอดส่องและแจ้งเบาะแสให้กับทางเจ้าหน้าที่

นอกจากนี้ยังบูรณาการกำลังพล อุปกรณ์ต่างๆ เพื่อช่วยในการตรวจสอบ จับกุม กดดันและปราบปรามผู้กระทำความผิด พร้อมกันนี้ยังได้ทำข้อตกลงกับทางสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เพื่อติดตั้งเสาสัญญาณโครงข่ายโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ต เพื่อให้การติดต่อสื่อสารเป็นไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าวยังไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ซึ่งเป็นข้อจำกัดในการปฏิบัติงาน และ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) GISTDA  ในการรายงานข้อมูลรายวัน รวมทั้งในอนาคตจะมีการติดตั้งกล้อง CCTV เพื่อใช้เทคโนโลยีในการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และการใช้มาตร การสร้างป่าชุมชน เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการดูแลรักษาป่า ซึ่งเชื่อว่ามาตรการและความร่วมมือทั้งหมดนี้จะสามารถหยุดยั้ง ขบวนการลักลอบทำไม้มีค่าหายากข้ามชาติในพื้นที่ จ.น่านได้

ร่วมแสดงความคิดเห็น