ทึ่ง! วงโยธวาทิตร.ร.ยากจน ใช้หม้อก๋วยเตี๋ยวแทนกลอง

เมื่อวันที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวได้เข้าสังเกตการณ์ที่สนามโรงเรียนอนุบาลเชียงราย ตั้งอยู่เลขที่ 333 ม.3 ถนนเทิง-เชียงของ ต.เวียง อ.เชียงของ จ.เชียงราย พบว่านักเรียนจากวงโยธวาทิตของโรงเรียนดังกล่าวต่างออกมาซ้อมโยธวาทิตในรูปแบบต่างๆ อย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกวัน โดยมีการนำฉากและอุปกรณ์เครื่องดนตรีออกมาซ้อมครบครันแต่บางชิ้นมีลักษณะคุ้นตาเพราะดัดแปลงจากถังโลหะที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น หม้อน้ำซุปก๋วยเตี๋ยว ถังไอศครีม ฯลฯ ซึ่งนักเรียนก็สามารถนำมาดัดแปลงซ้อมประกอบท่าทางต่างๆ ตามที่อาจารย์สอนได้อย่างน่าทึ่งด้วยเสียงบรรเลงที่ไพเพราะ กระหึ่มควบคู่กับการแสดงและธงทิวที่เร้าใจ

นายอัครเดช ยมภักดี ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลเชียงของ กล่าวว่า สาเหตุที่โรงเรียนมีการฝึกซ้อมโยธวาทิตเป็นประจำเพราะเพิ่งได้รับรางวัลชนะเลิศวงโยธวาทิตภาคเหนือ ซึ่งจัดขึ้นที่โรงเรียนสามัคคีวิทยาคม อ.เมือง จ.เชียงราย ไปเมื่อวันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยชนะเลิศ 2 ปีถัดกันหลังจากปี 2559 ชนะเลิศในการแข่งขันที่ จ.เชียงใหม่ ล่าสุดยังได้รับเชิญจากสมาคมโลกแห่งการแสดงโยธวาทิต ซึ่งเป็นองค์กรระดับนานาชาติให้เป็นตัวแทนประเทศไทยให้ไปร่วมแข่งขันชิงแชมป์โยธวาทิตระดับเยาวชนเอเชีย อายุไม่เกิน 16 ปี ระหว่างวันที่ 20-22 ก.ค.นี้ ณ รัฐสลังงอร์ ประเทศมาเลเซีย อย่างไรก็ตามเรามีปัญหาด้านงบประมาณและอุปกรณ์จึงอยูระหว่างซักซ้อมและหาทุนเพื่อจะเดินทางไปร่วมการแข่งขันดังกล่าวอยู่ เนื่องจากเป็นการเชิญเร่งด่วนและไม่สามารถของบประมาณจากทางราชการได้ตามปกติเพราะต้องมีการตั้งงบประมาณล่วงหน้า

“ด้านอุปกรณ์และเครื่องดนตรีที่เห็นกันอยู่นี้ยังถือว่าดีกว่าสมัยก่อนมาก เพราะเมื่อครั้งผมเข้ามาส่งเสริมให้นักเรียนฝึกดนตรีโยธวาทิตตั้งแต่แรกเริ่มเมื่อปี 2549 ก็ให้ครูสอนดนตรีสอนเด็กปรากฎว่าเด็กไม่มีพื้นฐานหรือเล่นดนตรีไม่เป็นเลย เครื่องดนตรีก็ไม่มียี่ห้อยามาฮ่าต้องไปซื้อสินค้าจีนแดงมาใช้ โรงเรียนเราก็อยู่ห่างไกลถึงชายขอบติดแม่น้ำโขงชายแดน สปป.ลาว แต่ปรากฎว่าด้วยความตั้งใจของครูสอนและนักเรียนก็ทำให้เราได้รองแชมป์ในการประกวดชิงแชมป์ภาคเหนือที่ จ.เชียงใหม่ ในปี 2556 อย่างพลิกความคาดหมายและสร้างความแปลกใจให้กับวงการอย่างมาก” นายอัครเดช กล่าวและว่า

เนื่องจากเราเป็นโรงเรียนห่างไกลครั้งนั้นจึงได้รับความอนุเคราะห์ผู้ปกครองจัดผ้าป่าได้เงินมาประมาณ 300,000 บาท จึงได้ทุนเป็นค่าเดินทางไปประกวดที่ จ.เชียงใหม่ จากนั้นเราก็ไปเชิญให้ไปร่วมประกวดรายการต่างๆ และเด็กได้แสดงผลงานเป็นที่ประจักษ์เรื่อยมา เช่น ปี 2557 ได้รางวัลที่ 4 การประกวดระดับถ้วย ง. ของกรมพลศึกษาซึ่งเป็นการแข่งขันทีมจากทั่วประเทศด้วย ปี 2558 เลื่อนชั้นสู่ถ้วย ค. และได้รางวัลที่ 6 ระดับประเทศในประเภทมาร์ชชิ่ง โชว์ แบนด์ และที่ 7 ประเภทพาเหรด ปี 2559 และปี 2560 ก็ชนะเลิศประเภทดิสเพล แบตเทิล ระดับภาคเหนือ 2 ปีซ้อนดังกล่าว

นายอัครเดช กล่าวว่าปี 2559 WAMSB เคยเชิญโรงเรียนเราไปแข่งขันชิงแชมป์เอเชียที่เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น มาแล้วแต่เราไม่มีกำลังและเงินทุนมากพอจะไปร่วมแข่งขันได้จึงบอกยกเลิกไปและเราหันมาแข่งขันภายในประเทศจนได้แชมป์อีกจึงได้รับเชิญอีกครั้งแต่คราวนี้จัดแข่งขันที่ประเทศมาเลเซีย จึงคิดว่าน่าจะพยายามไปให้ได้เพื่อให้เด็กได้ประสบการณ์ เป็นใบเบิกทางไปสู่อนาคตของเขาเพราะรุ่นพี่หลายคนติดโควต้าสถานศึกษาดังๆ หลังจากจบจากโรงเรียนอนุบาลเชียงของแล้วหรือบางคนติดวงดุริยางค์ทหารบกด้วย โดยเบื้องต้นได้ใช้เงินโรงเรียนเท่าที่พอมีได้ประมาณ 300,000 บาท และจะขอไปทางจังหวัดและสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) เขต 4 ซึ่งเป็นต้นสังกัด หากภาคเอกชนและผู้ปกครองประสงค์จะช่วยกันเด็กๆ ก็สามาถติดต่อโรงเรียนได้

“ในส่วนของการเดินทางจะขอทางการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จัดรถไฟนอนฟรีให้เด็กๆ เดินทางจากภาคเหนือไปจนถึงสถานีภาคใต้และค่อยใช้งบประมาณเมื่อเข้าสู่ทางรถไฟในประเทศมาเลเซียต่อไป โดยทั้งหมดคาดว่าจะใช้งบประมาณรวมประมาณ 700,000 บาท ซึ่งในกรณีโรงเรียนชายขอบอย่างพวกเราตัวเลขแค่นี้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก” ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลเชียงของ กล่าวในที่สุด

ด้านนายชัยยุทธ ตาคำ นักเรียนชั้น ม.3 สังกัดวงโยธวาทิตโรงเรียนอนุบาลเชียงของ กล่าวว่าตนดีใจมากที่ได้เป็นตัวแทนของโรงเรียนไปแข่งขันรายการต่างๆ แล้วได้รางวัลกลับมามากมาย และถ้าไม่ได้ไปแข่งระดับนานาชาติที่ประเทศมาเลเซียก็คงจะเสียใจมากเพราะฝึกซ้อมกันมาอย่างดี และพวกเราก็อยากให้นานาชาติได้รู้ว่าแม้พวกเราจะอยู่โรงเรียนชายขอบห่างไกลแต่คนไทยไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็มีฝีมือด้วย

ขณะที่นายปริญญา วรทอง หัวหน้าครูผู้ฝึกสอน กล่าวว่าเด็กทุกคนที่อยู่ในวงโยธวาทิตของเราเริ่มต้นเรียนรู้จากการที่ไม่รู้เรื่องดนตรีทั้งหมด จึงต้องฝึกสอนกันตั้งแต่พื้นฐาน การเป่าเครื่องดนตรีเท่าที่พอมีอยู่ การเรียนรู้เรื่องตัวโน๊ต ฯลฯ ซึ่งใช้เวลาคนละกว่า 3 เดือนและฝึกซ้อมเพื่อจะแข่งขันรวม 6 เดือน ซึ่งก็โชคดีที่ทางผู้อำนวยการใส่ใจจึงไปเช่าซื้อเครื่องดนตรีแบบใหม่มาให้จนเป็นหนี้สินประมาณ 20,000 บาท และเด็กๆ ก็สนใจเรียนรู้ ทุ่มเทและฝึกฝน ปัจจุบันจึงทำให้เด็กๆ มีโอกาสใช้เครื่องดนตรียี่ห้อยามาฮ่าแทนของจีนแดงแล้ว ส่วนการนำอุปกรณ์ประเภทหม้อซุปก๋วยเตี๋ยวแล ะถังไอศครีมมาดัดแปลงใช้ เพราะเราเลือกฉากและการแสดงที่จำเป็นต้องใช้กลองไทโกะแต่กลองประเภทนี้ราคาแพงมาก จึงต้องดัดแปลงด้วยอุปกรณ์ที่พอมีอยู่ไปก่อน.

ร่วมแสดงความคิดเห็น