เดินหน้าโครงการโซล่าฟาร์ม

กระทรวงเกษตรฯ แจงสหกรณ์ที่เข้าร่วมโครงการโซล่าฟาร์ม ระยะที่ 2 ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และโปร่งใส เพื่อสร้างการยอมรับจากทุกภาคส่วน เผยพื้นที่ดำเนินโครงการใน 36 จังหวัด ภาคเหนือมีมากที่สุดถึง 16 จังหวัด ย้ำชัด สหกรณ์ที่เข้าร่วมโครงการต้องนำรายได้ที่เกิดจากค่าใช้สิทธิ์ในการขายไฟฟ้า จัดตั้งเป็น กองทุนเพื่อเป็นสวัสดิการให้แก่สมาชิกและสังคม
นางสาวชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการดำเนินโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน หรือโซล่าฟาร์ม ในส่วนของสหกรณ์ภาคการเกษตร ในระยะที่ 2 ว่า โครงการฯ ดังกล่าวเป็นนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องการจะส่งเสริมให้มีการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มมากขึ้น เป็นการสร้างความยั่งยืนในพลังงานไฟฟ้าของประเทศ โดยรัฐบาลได้มอบสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของโครงการให้แก่สหกรณ์ภาคการเกษตร ได้แก่ สหกรณ์การเกษตร สหกรณ์นิคม และสหกรณ์ประมง ที่ผ่านการประเมินมาตรฐานจากกรมส่งเสริมสหกรณ์ในรอบปี 2559 ซึ่งสหกรณ์ที่จะสมัครเข้าร่วมโครงการจะต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมใหญ่ให้เข้าร่วมโครงการและรับทราบประกาศ และระเบียบของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน และสถานที่ตั้งโครงการจะต้องตั้งอยู่ในที่ดินที่สหกรณ์เป็นเจ้าของ หรือที่ดินที่สมาชิกสหกรณ์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือมีสิทธิครอบครองตามกฎหมาย เพื่อใช้ดำเนินการ
นางสาวชุติมา กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ สำนักงาน กกพ.มีเป้าหมายของการรับซื้อไฟฟ้าของสหกรณ์ภาคการเกษตร รวม 119 Mw. โดยแบ่งพื้นที่ดำเนินโครงการใน 36 จังหวัด ได้แก่ ภาคเหนือ 16 จังหวัด จำนวน 19 Mw. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 9 จังหวัด จำนวน 50 Mw. และภาคใต้ 11 จังหวัด จำนวน 50 Mw. ซึ่งทางคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้มีการประชุมชี้แจงโครงการไปแล้วเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม ที่ผ่านมา พร้อมทั้งจะเปิดรับสมัครสหกรณ์ที่จะเข้าร่วมโครงการระหว่างวันที่ 29 พฤษภาคม – 2 มิถุนายน 2560 นี้ จากนั้นจะตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ยื่นคำขอเข้าร่วมโครงการในวันที่ 5 – 13 มิถุนายน 2560 และจะประกาศรายชื่อสหกรณ์ที่ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติ โดยการปิดประกาศที่สำนักงาน กกพ. และทางเว็บไซด์ www.erc.co.th แล้วจะมีการคัดเลือกสหกรณ์ที่จะเข้าร่วมโครงการด้วยวิธีการจับสลากในวันที่ 26 มิถุนายน 2560 นี้
ด้าน ดร.วิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ภายหลังจากการประกาศว่ามีสหกรณ์ใดผ่านการคัดเลือกแล้ว สหกรณ์นั้นต้องไปสรรหาผู้สนับสนุนโครงการ เพื่อดำเนินการยื่นคำร้องและข้อเสนอขอขายไฟฟ้า ระหว่างวันที่ 29 มิถุนายน – 9 ตุลาคม 2560 ซึ่งกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้มีหนังสือแจ้งไปยังสหกรณ์จังหวัด เพื่อให้ดำเนินการชี้แจงเกี่ยวกับคำแนะนำสหกรณ์ภาคการเกษตรที่ประสงค์จะเข้าร่วมโครงการฯ เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2560 โดยแนะนำให้สหกรณ์จัดหาผู้สนับสนุนโครงการอย่างเปิดเผย โดยดำเนินการตามข้อบังคับหรือวิธีปฏิบัติของสหกรณ์ และให้สหกรณ์คิดค่าตอบแทนจากการใช้สิทธิ์ในการขายไฟฟ้าจากผู้สนับสนุนโครงการ ในอัตราร้อยละของรายได้ก่อนหักค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน/ปี รวมถึงให้สหกรณ์จัดทำสัญญากับผู้สนับสนุนโครงการ โดยใช้ร่างสัญญาที่กรมส่งเสริมสหกรณ์แนะนำเป็นต้นแบบ ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม แต่ต้องไม่ขัดกับระเบียบหรือกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยคำนึงผลประโยชน์ของสหกรณ์เป็นหลัก
นอกจากนี้ ยังมีข้อกำหนดให้สหกรณ์ที่เข้าร่วมโครงการนำรายได้ที่เกิดจากค่าใช้สิทธิ์ในการขายไฟฟ้า จัดตั้งเป็นกองทุนเพื่อเป็นสวัสดิการให้แก่สมาชิกและสังคม เนื่องจากค่าตอบแทนจากค่าใช้สิทธิ์ในการขายไฟฟ้า ไม่ถือเป็นรายได้จากการดำเนินธุรกิจของสหกรณ์ ซึ่งกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้กำชับให้สหกรณ์จังหวัดที่มีสหกรณ์เข้าร่วมโครงการดำเนินการทุกขั้นตอนด้วยความโปร่งใส เพื่อประโยชน์แก่สมาชิกโดยทั่วถึงอย่างเคร่งครัด รวมทั้งสร้างความรู้ความเข้าใจในการดำเนินโครงการฯแก่บุคลากรของสหกรณ์ เพื่อให้เกิดการยอมรับจากทุกภาคส่วนต่อไป อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวปิดท้าย

ร่วมแสดงความคิดเห็น