ใกล้เข้าสู่สภาวะฝนทิ้งช่วง กรมชลฯ ปรับเพิ่มแผนการระบายน้ำ จากเขื่อนภูมิพล-เขื่อนสิริกิติ์

กรมชลประทาน เตรียมปรับเพิ่มการระบายน้ำ จากเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ รับมือฝนทิ้งช่วงปลายเดือน มิ.ย.-กลางเดือน ก.ค.นี้ อนึ่ง กรมชลประทาน ได้คาดการณ์ปริมาณน้ำเมื่อสิ้นสุดฤดูฝน ณ 1 พ.ย. 60 จะมีปริมาณน้ำใช้การได้ทั้งประเทศ ประมาณ 33,332 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะลุ่มเจ้าพระยา คาดว่าจะมีปริมาณน้ำใช้การได้ ประมาณ 12,012 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งเป็นปริมาณน้ำที่มากกว่าปีที่ผ่านมา ทำให้ในช่วงฤดูแล้งหน้าที่จะถึงนี้ จะมีน้ำใช้อย่างเพียงพอไม่ขาด แคลน
นายสัญชัย เกตุวรชัย อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์น้ำของศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริ ยะ(SWOC) พบว่าปัจจุบัน(23 มิ.ย. 60)สถานการณ์อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำในอ่างฯรวมกัน ทั้งสิ้น 41,974 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 56 ของความจุอ่างฯ รวมกันทั้งหมด มากกว่าปี 2559 รวม 9,634 ล้าน ลบ.ม. เป็นน้ำใช้การได้ 18,155 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็นร้อยละ 35 (ปี 2559 มีน้ำใช้การได้ 8,521 ล้าน ลบ.ม.)สามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 33,238 ล้าน ลบ.ม.

เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลักมีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้น 11,415 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 46 ของความจุอ่างฯรวมกันทั้งหมด ปริมาณน้ำมากกว่าปี 2559 รวม 3,402 ล้าน ลบ.ม. มีปริมาณน้ำใช้การได้ 4,719 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 26 (ปี 2559 มีน้ำใช้การได้ 1,317 ล้าน ลบ.ม.) สามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 13,456 ล้าน ลบ.ม.

สำหรับสภาพน้ำท่าในแม่น้ำสายหลัก ส่วนใหญ่ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ ระดับน้ำยังต่ำกว่าตลิ่งและสามารถรองรับน้ำได้อีกมาก อาทิ แม่น้ำปิง ที่สถานี P.1 อ.เมืองเชียงใหม่ ระดับน้ำต่ำว่าตลิ่ง 2.55 เมตร ,สถานี P.7A อ.เมืองกำแพงเพชร ระดับน้ำต่ำว่าตลิ่ง 5.71 เมตร ,สถานี P.17 อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ ระดับน้ำต่ำว่าตลิ่ง 3.30 เมตร ,แม่น้ำวัง ที่สถานี W.1C อ.เมืองลำปาง ระดับน้ำต่ำว่าตลิ่ง 4.88 เมตร ,แม่น้ำยม ที่สถานี Y.1C อ.เมือง จ.แพร่ ระดับน้ำต่ำว่าตลิ่ง 7.72 เมตร ,สถานี Y.4 อ.เมือง จ.สุโขทัย ระดับน้ำต่ำว่าตลิ่ง 5.88 เมตร ,แม่น้ำน่าน ที่สถานี N.1 อ.เมืองน่าน ระดับน้ำต่ำว่าตลิ่ง 8.53 เมตร และสถานี N.67 อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ ระดับน้ำต่ำว่าตลิ่ง 5.82 เมตร

ทั้งนี้ ปริมาณน้ำทั้งหมดจะไหลมารวมกัน ที่แม่น้ำเจ้าพระยา จ.นครสวรรค์ โดยที่สถานี C.2 อ.เมืองนครสวรรค์ ระดับน้ำยังต่ำกว่าตลิ่ง 6.32 เมตร กรมชลประทานได้ควบคุมปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา ในเกณฑ์ 484 ลบ.ม./วินาที ยังไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ด้านท้ายเขื่อน ส่วนที่สถานี C.29 อ.บางไทร ซึ่งเป็นจุดวัดปริมาณน้ำที่จะไหลผ่านลงสู่กทม.และปริมณฑล มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 691 ลบ.ม./วินาที(รับน้ำได้สูงสุด 3,500 ลบ.ม./วินาที)

อย่างไรก็ตาม พบว่าปริมาณฝนในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนบนลดน้อยลงมาก ส่งผลให้ปริมาณน้ำท่าในแม่น้ำสายหลัก(ปิง และน่าน) ลดลงตามไปด้วย ทำให้ปริมาณน้ำไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนการใช้น้ำในพื้นที่ตอนบน บริเวณ จ.ตาก กำแพงเพชร อุตรดิตถ์ พิษณุโลก และพิจิตร จึงจำเป็นต้องปรับเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ ระหว่างวันที่ 23 มิ.ย. – 2 ก.ค. 60 โดยเขื่อนภูมิพล จะเพิ่มการระบายน้ำจากวันละ 3 ล้าน ลบ.ม. เป็น 5 ล้าน ลบ.ม. และเขื่อนสิริกิติ์ จากวันละ 8 ล้าน ลบ.ม.เป็นวันละ 10 ล้าน ลบ.ม. เพื่อรักษาระบบนิเวศ และสนับสนุนการใช้น้ำเพื่อการเพาะปลูกข้าวนาปี

ประกอบกับกรมอุตุนิยมวิทยา และ สถานบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร ได้คาดการณ์สภาพอากาศว่า มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลาง ในช่วงปลายเดือน มิ.ย. –กลางเดือน ก.ค. มีฝนน้อยลง โดยเฉพาะพื้นที่อับฝน(ด้านหลังเขาและพื้นที่ตอนกลางของประเทศ) ส่วนในพื้นที่ด้านรับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ยังคงมีฝนตกกระจายแต่อยู่ในเกณฑ์ไม่มากนัก จากสถานการณ์ดังกล่าว จะทำให้การใช้น้ำจาก 4 เขื่อนหลัก เพิ่มมากขึ้นไปจนถึงกลางเดือนก.ค.จนกระทั่งเกิดฝนตกชุก จึงจะเริ่มลดการใช้น้ำจาก 4 เขื่อนหลักได้ เพื่อเก็บกักน้ำไว้ให้มากที่สุด สำหรับไว้ใช้ในฤดูแล้งหน้าที่จะถึงนี้

อนึ่ง กรมชลประทาน ได้คาดการณ์ปริมาณน้ำเมื่อสิ้นสุดฤดูฝน ณ 1 พ.ย. 60 จะมีปริมาณน้ำใช้การได้ทั้งประเทศประมาณ 33,332 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะลุ่มเจ้าพระยา คาดว่าจะมีปริมาณน้ำใช้การได้ประมาณ 12,012 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งเป็นปริมาณน้ำที่มากกว่าปีที่ผ่านมา ทำให้ในช่วงฤดูแล้งหน้าที่จะถึงนี้ จะมีน้ำใช้อย่างเพียงพอไม่ขาดแคลน

ร่วมแสดงความคิดเห็น